กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต พ่อมดเจ้าของงานเขียนหลายเล่ม ผู้มีรอยยิ้มกว้าง ฟันขาวสดใส และผมบลอนด์พลิ้วโบกสะบัด
เนื้อหาใหม่จาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง
วันเกิด: 26 มกราคม
ไม้กายสิทธิ์: ไม้เชอรี่ แกนกลางเอ็นหัวใจมังกร ยาว 9 นิ้ว บิดงอได้ง่าย
บ้านที่สังกัดในฮอกวอตส์: เรเวนคลอ
ความสามารถพิเศษ: เชี่ยวชาญการใช้คาถาลบความทรงจำ และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีส่วนผสมของไข่แดงจากไข่ตัวออคคามี่* ซึ่งการันตีว่าช่วยทำให้เส้นผม ‘เงาสว่าง งามระยับ’ (แชมพูนี้ใช้ได้ผลจริง แต่ค่อนข้างอันตรายและใช้ต้นทุนสูงเกินไปสำหรับการผลิตขายเป็นจำนวนมาก)
ข้อมูลทางสายเลือด: พ่อเป็นมักเกิ้ล แม่เป็นแม่มด
ครอบครัว: มีพี่สาวมักเกิ้ล 2 คน, ไม่มีลูก
งานอดิเรก: วาดภาพเหมือนของตัวเอง และอวดสรรพคุณตัวเองไม่หยุดหย่อน
—
*ออคคามี่พบได้แถบตะวันออกไกลและอินเดีย สัตว์ชนิดนี้กลมป้อม มีขาสองข้าง และมีปีก ลำตัวเหมือนงู อาจยาวได้ถึงสิบห้าฟุต ออคคามี่กินหนูและนกเป็นอาหารหลัก แม้จะเคยโฉบเอาลิงไปกินบ้างก็ตาม ออคคามี่ดุร้ายกับทุกคนที่เข้าใกล้ โดยเฉพาะเมื่อมันปกป้องไข่ เปลือกไข่ออคคามี่ทำจากเงินที่อ่อน นุ่มที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุด
ชีวิตในวัยเยาว์
เกิดในครอบครัวที่มีแม่เป็นแม่มด พ่อเป็นมักเกิ้ล มีพี่สาว 2 คน กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต เป็นคนเดียวในพี่น้องสามคนที่แสดงความสามารถทางเวทมนตร์ออกมา ความฉลาดและหล่อเหลาตั้งแต่เด็กทำให้เขากลายเป็นลูกชายคนโปรดของคุณแม่ และยิ่งพอได้รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด ก็ยิ่งเพิ่มพูนความหลงตัวเองให้มีมากขึ้น ๆ เหมือนวัชพืชร้ายที่งอกขึ้นมาในนิสัยของเขา
การศึกษา
การได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ไม่ใช่ชัยชนะอย่างที่เด็กชายล็อกฮาร์ตและคุณแม่คาดหวังเอาไว้เท่าใดนัก ล็อกฮาร์ตไม่ปลื้มเท่าไรที่ต้องอยู่ในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยลูกหลานผู้วิเศษที่หลายคนดูท่าจะเก่งกว่าเขาเสียอีก (จริง ๆ แล้วล็อกฮาร์ตไม่ได้นึกภาพการเดินเข้าฮอกวอตส์เหมือนอย่างที่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เข้าสู่ฮอกวอตส์ด้วยการนั่งเรือในอีกหลายสิบปีต่อมา ล็อกฮาร์ตจินตนาการไว้ว่าเขาจะได้เดินนวยนาดลงมาจากระเบียง เพื่อพบกับเสียงกระซิบกระซาบตื่นเต้นของผู้คนที่ทึ่งกับความสามารถทางเวทมนตร์ของเขา ซึ่งมันเป็นจินตนาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลย เพราะนักเรียนฮอกวอตส์ทุกคนล้วนต้องผ่านประสบการณ์ก่อนเข้าเรียนเหมือน ๆ กันทั้งนั้น) ล็อกฮาร์ตเชื่อมั่นอยู่ในตัวเองว่าเขามีความเป็นวีรบุรุษที่ฉลาดเพียบพร้อมอยู่แล้ว แต่กลับต้องช็อคสุดขีดเมื่อพบว่าชื่อของเขาไม่เป็นที่รู้จักเลยสักนิด ทักษะของเขาไม่มีอะไรพิเศษ และไม่มีใครชื่นชอบทรงผมพลิ้วโบกสะบัดของเขาเลยสักคน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าล็อกฮาร์ตไม่มีทักษะอะไรเลย อาจารย์หลายท่านต่างรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีแววปราดเปรื่องและความสามารถเกินความคาดหมายอยู่ และถ้าขยัน ๆ ก็อาจไปสู่อะไรสักอย่างที่เหมาะกับตัวตนของเขาได้ถึงแม้ว่าเขาจะไปไม่ถึงความใฝ่ฝันต่าง ๆ ที่เขาหมั่นบอกกับเพื่อนร่วมชั้นก็ตาม (ล็อกฮาร์ตบอกกับทุกคนที่ยอมฟังว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์ศิลาอาถรรพ์ให้ได้ก่อนที่จะจบจากโรงเรียนนี้ เขาจะเป็นกัปตันควิดดิชทีมชาติอังกฤษที่คว้าถ้วยเวิลด์คัพมาให้ได้ และปิดท้ายอีกด้วยการบอกว่าเขาจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ที่อายุน้อยที่สุดของเกาะอังกฤษ)
ด้วยการถูกคัดสรรเข้าบ้านเรเวนคลอ ล็อกฮาร์ตก็เรียนได้คะแนนการเรียนดีอย่างสม่ำเสมอ แต่กลับมีนิสัยด่างพร้อยบางอย่างที่ทำให้เขาไม่เป็นที่ประทับใจนัก นั่นคือ ถ้าไม่ได้เป็นที่หนึ่ง หรือไม่ได้เป็นคนที่ดีที่สุด เขาก็จะปฏิเสธการมีส่วนร่วมอย่างสิ้นเชิง ตลอดเวลาที่ศึกษาเล่าเรียนล็อกฮาร์ตมักใช้ความสามารถของเขาคิดสูตรและวิธีลัด และไม่ได้มองคุณค่าของการศึกษาที่เรื่องของวิชาความรู้ แต่มองไปถึงการได้เป็นจุดสนใจผ่านวิชาความรู้นั้น ๆ เขากระหายรางวัลและเกียรติยศ และเคยถึงขั้นกดดันอาจารย์ใหญ่ให้ริเริ่มวารสารโรงเรียนเพียงเพราะไม่ได้พิสมัยอะไรมากไปกว่าได้เห็นชื่อและภาพถ่ายของตัวเองอยู่ในนั้น เขาไม่เคยโด่งดังจริง ๆ เลย แต่กลับเป็นที่รู้จักของคนทั้งโรงเรียนในฐานะของเด็กที่ชอบเรียกร้องความสนใจไม่จบไม่สิ้น เขาเคยถูกลงโทษกักบริเวณถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มเพราะใช้คาถาสร้างแผ่นจดหมายยาว 20 ฟุต ที่เต็มไปด้วยลายเซ็นของตัวเองปลิวว่อนไปทั่วสนามแข่งควิดดิช เขาเคยเสกภาพใบหน้าขนาดยักษ์ของตัวเองขึ้นไปฉายบนท้องฟ้าเพื่อเลียนแบบตรามาร และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเคยส่งการ์ดวันวาเลนไทน์ 800 ใบให้ตัวเอง เป็นเหตุให้นกฮูกฝูงมหึมาแห่เข้ามาในห้องโถงใหญ่จนอาหารเช้าในวันนั้นต้องถูกยกเลิกไปเลยด้วย (เพราะมีขนและขี้นกร่วงเต็มชามข้าวต้มไปหมด)
ชีวิตการทำงานหลังจบจากฮอกวอตส์
เมื่อล็อกฮาร์ตจบจากฮอกวอตส์ไป บรรดาเจ้าหน้าที่โรงเรียนก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก โดยมีข่าวว่าล็อกฮาร์ตใช้ชีวิตการทำงานในต่างประเทศซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก เหล่าอาจารย์ที่เคยสอนเขาหลาย ๆ คนก็เริ่มรู้สึกกันว่าเคยประเมินลูกศิษย์คนนี้ผิดไป เพราะศิษย์เก่าคนนี้แสดงถึงความกล้าหาญและช่างพลิกแพลงในหลากหลายวีรกรรมที่เขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดที่ชั่วร้าย
ความจริงก็คือ ล็อกฮาร์ตพบเป้าหมายชีวิตตัวเองได้ในที่สุด เขาไม่ได้เป็นพ่อมดที่แย่ แต่แค่ขี้เกียจเท่านั้นเอง เขาตัดสินใจที่จะลับคมทักษะเด่นหนึ่งเดียวของเขา นั่นคือคาถาลบความทรงจำ ซึ่งด้วยความช่ำชองในคาถานี้ เขาจึงประสบความสำเร็จในการสะสมรวบรวมวีรกรรมความกล้าหาญของพ่อมดแม่มดเก่ง ๆ จำนวนมาก และฉวยโอกาสอ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าของวีรกรรมเหล่านั้น จากนั้นก็กลับมายังอังกฤษพร้อมกับ “การผจญภัย” ที่ถูกเรียบเรียงเป็นหนังสือออกวางขาย โดยมีเนื้อหาที่เล่าเกี่ยวกับความหาญกล้าและข้อมูลที่ได้ประสบพบเจอมา “ของเขา” เอง
นั่นทำให้หลังจากเรียนจบไป 10 ปี ล็อกฮาร์ตก็ได้เป็นเจ้าของตำแหน่งสุดยอดนักเขียนขายดีที่สุด เจ้าของผลงานชีวประวัติตนเองหลายต่อหลายเล่ม และเป็นที่รู้จักในฐานะนักป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่เก่งฉกาจระดับโลก นอกจากนี้เขายังได้รับเหรียญตราเมอร์ลินชั้นที่สาม เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสันนิบาตต่อต้านอำนาจมืด และด้วยเหตุว่าความหล่อเหลาของเขาไม่เคยหมองลงจากการเผชิญสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นหรือตายแล้ว หรือไม่ถูกขีดข่วนแม้ต้องต่อสู้กับเขี้ยวหรือกรงเล็บใด ๆ ของมนุษย์มหาป่า ผีแบนชี ฯลฯ ก็ทำให้คนผู้นี้ได้รับรางวัลยิ้มทรงเสน่ห์จากนิตยสารแม่มดรายสัปดาห์ถึง 5 ครั้ง ติด ๆ กัน
การกลับมาที่ฮอกวอตส์อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ของฮอกวอตส์ต่างงุนงงว่าทำไม อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ถึงตัดสินใจเชิญ กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต กลับมายังฮอกวอตส์เพื่อรับตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เป็นความจริงว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชิญใครสักคนมารับตำแหน่งนี้ (ข่าวลือที่ว่าตำแหน่งนี้มีอาถรรพ์แพร่สะพัดไปไกลมาก ไม่เพียงเฉพาะแต่ในรั้วโรงเรียน แต่ในโลกภายนอกด้วย) อาจารย์หลายคนยังจดจำความน่ารังเกียจสุดขั้วของล็อกฮาร์ตได้ แม้เขาจะมีประวัติค่อนข้างดีในภายหลังก็ตาม
ความจริงแล้ว อัลบัส ดัมเบิลดอร์ วางแผนไว้ล้ำลึกกว่าที่ใคร ๆ คิด เพราะในบรรดาพ่อมดแม่มดที่ล็อกฮาร์ตไปแอบอ้างเอาวีรกรรมมานั้น มีอยู่ 2 คนที่เป็นพ่อมดที่ดัมเบิลดอร์รู้จัก และดัมเบิลดอร์เชื่อว่าเขาน่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่หยั่งรู้ความลับของล็อกฮาร์ต และเห็นว่าควรจะต้องจับล็อกฮาร์ตมาไว้ในโรงเรียนธรรมดา ๆ เพื่อที่จะได้ถูกแฉว่าเขามันเป็นแค่วีรบุรุษขี้โกงจอมลวงโลก และเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัล ผู้ซึ่งไม่ชอบหน้าล็อกฮาร์ตอยู่แล้วเอ่ยปากถามดัมเบิลดอร์ว่านักเรียนจะได้เรียนรู้อะไรจากไอ้ตัวร้ายจอมเรียกร้องความสนใจคนนี้หรือ ดัมเบิลดอร์ก็ตอบว่า “มีอะไรให้เรียนรู้เยอะแยะไป แม้แต่จากครูที่แย่ อย่างเช่นว่าอะไรที่ไม่ควรทำ หรืออะไรที่ไม่ควรจะเป็น”
ล็อกฮาร์ตคงไม่อยากกลับมาฮอกวอตส์เท่าใดนักทั้ง ๆ ที่กำลังมือขึ้นอยู่ในเส้นทางการแอบอ้างวีรกรรมคนอื่น หากว่าดัมเบิลดอร์ไม่เป่าหูที่กระหายชื่อเสียงของเขาเบา ๆ ด้วยการพูดเป็นนัยถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (เป็นอุบายเดียวกับที่ดัมเบิลดอร์ใช้ในอีก 4 ปีถัดมา เมื่อจำเป็นต้องชักจูงให้อาจารย์อีกคนหนึ่งกลับไปสอนที่โรงเรียนให้ได้) และด้วยการที่หลงคิดว่าจะเอาแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นอีกหนึ่งของสะสมในเส้นทางแห่งความมีชื่อเสียงของตัวเอง ดัมเบิลดอร์ก็เชื่อว่าล็อกฮาร์ตจะไม่พลาดเหยื่อล่อชิ้นนี้แน่นอน
เมื่อกลับสู่รั้วโรงเรียน ทักษะทางเวทมนตร์ของล็อกฮาร์ต (ที่เมื่อก่อนเคยดีใช้ได้) ก็สนิมเกาะเสียจนเกินเยียวยาแล้ว คาถาเพียงบทเดียวที่เขาสามารถใช้ได้จริง ๆ ก็คือคาถาลบความทรงจำ ซึ่งเป็นคาถาที่เขาใช้ซ้ำ ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การสอนหนังสือในชั้นของเขากลายเป็นการเล่นละครลิง แล้วก็เริ่มจะเป็นที่รู้กันว่าเขานั้นโง่บรมและไม่รู้อะไรเลยในทุก ๆ เรื่องที่เขาอ้างในหนังสือว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ในช่วงปลายปีการศึกษาที่เขาสอนที่ฮอกวอตส์ เกิดอุบัติเหตุที่ทำลายสภาพจิตของล็อกฮาร์ตอย่างสิ้นเชิงซึ่งเป็นผลจากการสะท้อนกลับของคาถาลบความทรงจำที่ลบความทรงจำในอดีตของเขาทั้งหมด ปัจจุบัน กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต พักฟื้นอยู่ในห้องเจนัส ทิกกี้ ของโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโกเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บ
แปลและเรียบเรียง Hogwartslover
ฟัง เจ.เค.โรว์ลิ่ง เล่าเกี่ยวกับบ้านที่กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตถูกคัดสรรเข้าไปอยู่
กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต เป็นลูกคนเดียวในครอบครัวที่แสดงความสามารถทางเวทมนตร์ ดังนั้นเขาจึงภูมิใจในตัวเองที่ได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ตามที่คาดหวังไว้ และเขาถูกคัดสรรเข้าบ้านเรเวนคลอ ถึงแม้ฉันจะคาดไว้ – ฉันคิดว่าผู้คนคงจะไม่แปลกใจถ้าจะได้ยินว่าเขารอดจากการถูกคัดสรรเข้าไปอยู่บ้านสลิธิรีนอย่างหวุดหวิด แต่เขาก็ได้เข้าไปอยู่เรเวนคลอจนได้ แม้จะยากเย็นอยู่สักหน่อย
ฟัง เจ.เค.โรว์ลิ่ง เล่าถึงแม่ผู้มีความทะยานอยากของกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต
กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ไม่ใช่นามปากกาของเขา หากแต่เป็นชื่อของเขาเลย ฉันคิดว่ามันบ่งบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับแม่ของเขา ผู้ซึ่งบ่มเพาะความทะยานอยากในตัวลูกชายอย่างมาก และส่งเสริมให้เขาเชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ธรรมดา กิลเดอรอยเป็นชื่อที่ค่อนข้างจะโอ้อวด…ฉันคิดว่างั้นนะ
ฟัง เจ.เค.โรว์ลิ่ง เปิดเผยความลับเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต
กิลเดอรอย เป็นผู้มีชื่อเสียงในยุคใหม่ในแง่ที่ว่าเขาชอบคิดหาวิธีใหม่ๆ ที่จะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมออกสู่ท้องตลาด เขาแสนจะภูมิใจในผมที่เป็นลอนธรรมชาติของตัวเอง เพราะฉะนั้นฉันก็เลยชอบที่จะจินตนาการว่าเขาค้นพบสารที่มีคุณสมบัติให้ความเงางามของไข่ออคคามี่ และไข่ออคคามี่ก็มาจากสัตว์ประหลาดที่ค่อนข้างดุร้าย – ไข่พวกนี้มีเปลือกหุ้มสีเงิน แชมพูเหล่านี้ถูกพบว่าอันตรายเกินไปและแพงเกินไปที่จะผลิต ดังนั้น กิลเดอรอยจึงไม่เคยสมหวังกับความปรารถนาในเรื่องนี้เลย
แนวคิดของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง
บทสัมภาษณ์ที่ตัดมาจากบีบีซี เรดิโอ 4 ซึ่งบันทึกบทสัมภาษณ์ไว้เมื่อปลายฤดูร้อนปี ค.ศ.2005 และออกอากาศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2005
ฟัง เจ.เค.โรว์ลิ่ง และสตีเฟ่น ฟราย พูดคุยเกี่ยวกับแรงบันดาลใจเบื้องหลังชื่อของกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต
สตีเฟ่น ฟราย: ตอนนี้คุณเสาะหาคำศัพท์ต่างๆ จากพวกหนังสือคำหายาก หรือจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษของออกซ์ฟอร์ด หรือจากสิ่งของ หรือว่ามันเป็นแค่สิ่งต่างๆ ที่คุณมีความทรงจำดีๆ กับมัน
เจ.เค.โรว์ลิ่ง: อืม…จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เสาะหามาจากหนังสือหรอก แต่คำพวกนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ฉันได้เก็บรวบรวมไว้หรือสะดุดใจจากการอ่านหนังสือทั่วๆ ไปนั่นแหละ ยกเว้นคำว่า กิลเดอรอย – กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต
คำว่าล็อกฮาร์ต ฉันรู้ว่าค่อนข้างจะรู้จักกันดีว่าเป็นนามสกุลของชาวสก็อต
สตีเฟ่น ฟราย: ใช่แล้ว
เจ.เค.โรว์ลิ่ง: ฉันเจอคำนี้ในอนุสาวรีย์ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงคราม ระหว่างที่ฉันกำลังมองหานามสกุลที่ค่อนข้างมีสเน่ห์และดูหรูหรา และคำว่าล็อกฮาร์ตก็เตะตาฉันบนอนุสาวรีย์แห่งนี้ และนั่นคือที่มาของมัน เราจะไม่เจอคำนี้ในชื่อของชาวคริสเตียน และในคืนหนึ่งที่ฉันกำลังเปิดหนังสือพจนานุกรมที่เกี่ยวกับสำนวนโวหารและเรื่องเล่า ฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมองเห็นวัตถุดิบบางอย่าง ซึ่งโดยทั่วไปมันจะใช้ประโยชน์ได้ แล้วฉันก็เจอกิลเดอรอย ผู้ชายที่เป็นโจรดักปล้นบนถนนจริงๆ และเป็นคนโกงที่ดูดีมากๆ คนหนึ่ง
สตีเฟ่น ฟราย: จริงเหรอ
เจ.เค.โรว์ลิ่ง: และกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ก็ฟังดูสมบูรณ์แบบนะ
สตีเฟ่น ฟราย: มันสมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบจริงๆ
เจ.เค.โรว์ลิ่ง: น่าประทับใจมาก และแน่นอน ข้างในก็ยังค่อนข้างกลวงโบ๋อีกด้วย
สตีเฟ่น ฟราย: อันที่จริง อย่างที่เรารู้ๆ กัน เขาก็เป็นแบบนั้นแหละ
เจ.เค.โรว์ลิ่ง: ใช่ อย่างที่เรารู้ๆ กัน
© HNP Limited 2005
แปลและเรียบเรียง Daga Por
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: https://www.pottermore.com/writing-by-jk-rowling/gilderoy-lockhart
แปลและเรียบเรียง: Hogwartslover และ Daga Por
ตอนดูหนังอ่านหนังสือว่าอาการหนักแล้ว พอมาอ่านชีวิตวัยเด็ก อาการหนักกว่าเดิมซะอีก 55555555
ตอนอ่านหนังสือถือว่าบ้าแล้ว พอมาอ่านเพิ่มบ้ากว่าเดิม555+