Author: Hogwartslover

สถานที่เขียนหนังสือ (Places to Write)

คงไม่ใช่เรื่องลับลมคมในอะไรที่จะบอกว่า สถานที่เขียนหนังสือที่ดีที่สุดในความคิดของฉัน ก็คือที่คาเฟ่ เพราะที่นั่นคุณไม่ต้องชงกาแฟเอง คุณจะไม่รู้สึกว่าถูกขับไสไล่ส่งไปอยู่เพียงลำพังเวลาทำงานหรือเมื่อหมดแรงบันดาลใจ และคุณสามารถย้ายไปนั่งคาเฟ่ข้างเคียงได้เมื่อคุณได้พักจนเต็มอิ่มแล้ว ในความคิดของฉัน คาเฟ่ที่เหมาะสำหรับการเขียนหนังสือที่ดีที่สุด คือคาเฟ่ที่มีคนมาใช้บริการมากพอจนทำให้คุณถูกกลืนหายเข้าไปในนั้นได้ แต่ไม่ใช่คนแน่นถึงขนาดว่าคุณต้องแบ่งโต๊ะให้ใครก็ไม่รู้ที่อาจจะแอบอ่านบทที่ยี่สิบของคุณแบบกลับหัว พนักงานประจำคาเฟ่ที่ดีคือเขาต้องไม่เขม่นใส่ถ้าคุณนั่งนานเกินไป (กระทั่งเดี๋ยวนี้ฉันก็สะดวกใจที่จะสั่งกาแฟมาเรื่อย ๆ นะ แม้ฉันจะไม่ได้ดื่มมันเลยก็เถอะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่น่ามีปัญหา) แล้วก็ต้องไม่เปิดเพลงในร้านเสียงดังเกินไปด้วย ซึ่งเสียงเพลงนี่ละที่รบกวนฉันขณะที่ฉันกำลังเขียนอยู่

ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ (The Elder Wand)

(คำเตือน เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ) ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้แกนกลางของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์เป็นขนหางเธสตรอล ซึ่งเป็นวัตถุอันทรงพลังและแพรวพราว ที่สามารถควบคุมได้เฉพาะโดยแม่มดหรือพ่อมดที่มีความสามารถในการเผชิญหน้าความตายเท่านั้น

ทมถ. (NAQ)

… ย่อมาจาก “ทำไมไม่มีใครถาม” ตอนที่เจมส์เสียชีวิต ทำไมดัมเบิลดอร์ถึงมีผ้าคลุมล่องหนอยู่กับตัว ทั้ง ๆ ที่ดัมเบิลดอร์สามารถล่องหนได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้ผ้าคลุม? ก่อนจะโพสต์เนื้อหานี้ ฉันได้ไปดู ๆ ทางออนไลน์มาแล้ว และพบว่ามีแฟนคลับบางคนเคยวิเคราะห์คำถามนี้กันอยู่ แต่กระนั้นก็ไม่เคยมีใครถามเรื่องนี้กับฉันโดยตรงเลย แล้วมันก็เงียบหายไป  ลึกๆ แล้วฉันก็กลัวว่าจะมีข้อสงสัยอันล่อแหลมนี้เกิดขึ้นมารึเปล่า เพราะนี่ไม่เหมือนกับที่เคยเกิด “ประเด็น มาร์ก อีแวนส์”*  แต่ประเด็นนี้มีนัยสำคัญมาก และคำตอบมันก็ชี้เป็นชี้ตายสุด ๆ เลย * หมายเหตุสำหรับผู้มาใหม่ : ตอนนี้ …

8 กรกฎาคม 2014 – กองทัพดัมเบิลดอร์รวมพลอีกครั้ง ณ ควิดดิชเวิลด์คัพ รอบชิงชนะเลิศ

โดย เหยี่ยวข่าวซุบซิบแห่งเดลี่พรอเฟ็ต ริต้า สกีตเตอร์   มีทั้งพวกคนดัง แล้วก็พวกอยากดัง ที่ทะเลทรายปาตาโกเนียแห่งนี้ เราได้เห็นการปรากฏตัวของผู้มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นเหล่ารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง, เซเลสทีน่า วอร์เบ็ก รวมถึงวง “สนิชปีกแอ่น” วงดนตรีใต้ดินสัญชาติอเมริกัน ที่สร้างความแตกตื่นให้ฝูงชนเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้ามาขอลายเซ็น ถึงขนาดว่ามีบางคนใช้คาถาไต่ราวเพื่อจะได้ไต่ไปถึงชั้นบ็อกซ์วีไอพีที่อยู่เหนือฝูงชนขึ้นไป แต่ครั้นเมื่อมีเสียงเล่าลือไปทั่วที่ตั้งแคมป์และสนามแข่งว่าจะมีกลุ่มพ่อมดแม่มดผู้ฉาวโฉ่ (พวกเขาไม่ได้เป็นพวกละอ่อนหน้าใสเมื่อสมัยวัยว้าวุ่นอีกแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่จดจำได้อยู่ดี) มาชมการแข่งขันนัดสุดท้ายด้วย ก็เกิดความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คลื่นมหาชนหลั่งไหล เต็นท์ล้มพับระเนระนาด และเด็กเล็ก ๆ ถูกผลักให้พ้นทางเมื่อเหล่าแฟน ๆ จากทุกมุมโลกกรูกันเข้ามาในจุดที่มีรายงานว่าพบเห็นสมาชิกของกองทัพดัมเบิลดอร์ …

19 พฤษภาคม 2014 – ลิกเตนสไตน์ พบ ชาด (วันสุดท้ายของการแข่งขัน)

จินนี่ พอตเตอร์ นักข่าวควิดดิชประจำเดลี่พรอเฟ็ต รายงานจากทะเลทรายปาตาโกเนีย   ลิกเตนสไตน์ 470 – ชาด 330   การแข่งขันดำเนินมาถึงจุดจบอย่างรวดเร็วและรุนแรง ชาดเป็นฝ่ายทำคะแนนนำในวันที่สามของการแข่งขันอันแสนทรหดนี้ กระทั่ง บรูโน่ บรูนฮาร์ท (Bruno Bruunhart) ซีกเกอร์ผู้อ่อนล้าของลิกเตนสไตน์จับลูกสนิชขณะที่มันบินห่างจากช่วงแขนของ ฌาค มิสคิน (Jacques Miskine) เพียงไม่กี่นิ้ว ทำให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายปิติยินดีถึงกับน้ำตาไหล ที่ในที่สุดตัวเองก็ได้กลับมายืนบนพื้นดินอีกครั้งเสียที ซึ่งขณะนี้ผู้เล่นทุกคนอยู่ในระหว่างรักษาตัว ลิกเตนสไตน์จะเข้ารอบไปพบกับสหรัฐอเมริกาในรอบคัดเลือกสี่ทีมสุดท้าย  

18 พฤษภาคม 2014 – ลิกเตนสไตน์ พบ ชาด (วันที่สองของการแข่งขัน)

จินนี่ พอตเตอร์ นักข่าวควิดดิชประจำเดลี่พรอเฟ็ต รายงานจากทะเลทรายปาตาโกเนีย   ลิกเตนสไตน์ 260 – ชาด 250 (ยังไม่สิ้นสุดการแข่งขัน)   ในวันที่สองของการแข่งขันที่กำลังจะยุติลงด้วยความเหนื่อยล้า ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเริ่มตอบสนองได้ช้าลง อันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนล้าที่สะสมมาแสนนาน แม้ลูกสนิชจะปรากฏให้เห็นโต้ง ๆ เหนือคิ้วข้างซ้ายของ ฌาค มิสคิน (Jacques Miskine) ซีกเกอร์ทีมชาดนานถึงห้านาทีก่อนที่เขาจะสังเกตเห็น แต่กลับตอบสนองได้เชื่องช้าเสียเหลือเกินจนมันหายวับไปในที่สุด และปรากฏว่าเชสเซอร์ของทีมลิกเตนสไตน์ อ็อตมาร์ ฟริค (Otmar Frick) …

17 พฤษภาคม 2014 – ลิกเตนสไตน์ พบ ชาด (วันแรกของการแข่งขัน)

จินนี่ พอตเตอร์ นักข่าวควิดดิชประจำเดลี่พรอเฟ็ต รายงานจากทะเลทรายปาตาโกเนีย   ชาด 140 – ลิกเตนสไตน์ 120 (ยังไม่สิ้นสุดการแข่งขัน)   นัดนี้กลายเป็นนัดที่ยาวนานที่สุดของฤดูกาล เมื่อเกมการแข่งขันดำเนินมาถึงสิบเอ็ดชั่วโมง และมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นให้สลับกันไปพักงีบเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ละคะแนนได้มาอย่างยากลำบากจากการขัดขวางของบีตเตอร์ทั้งสองทีมที่แสดงฝีมือได้อย่างแม่นยำและหนักหน่วง พร้อมกับลูกสนิชที่โผล่มาในระยะไล่จับได้ถึงสามหน แต่ก็คลาดไปทุกครั้งด้วยการโจมตีจากบลัดเจอร์ที่ถูกหวดมาเต็มแรง และดาวเด่นของเกมนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก วิลลี่ เวนเซิล (Willi Wenzel) เชสเซอร์ทีมลิกเตนสไตน์ที่ถูกลูกบลัดเจอร์อัดเข้าศีรษะพร้อมกันสองลูกเต็ม ๆ แต่ก็ยังดั้นด้นไปทำคะแนนในลูกที่สามได้ด้วยระยะบินไกลถึงหกสิบหลา    

นิกหัวเกือบขาด

ร่างฉบับแรกของ ‘ห้องแห่งความลับ’ มีฉากที่นิกร้องเพลงสไตล์บัลลาดที่เขาแต่งเองด้วย เนื้อเพลงอธิบายที่มาที่ไปว่าเขาตกอยู่ในสภาพหัว (เกือบ) ขาดได้อย่างไร ซึ่งบรรณาธิการของฉันไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก ฉันจึงตัดมันออกไปจากหนังสือ     อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยังอยากรู้เนื้อหาของมันอยู่ นี่คือเรื่องราวการถูกบั่นคอของนิกที่ได้รับการบอกเล่าจากปากของเขาเอง แค่ความพลาดที่พ่อมดมักพลาดได้ It was a mistake any wizard could make ถ้าตกใจ แถมประหม่า และใจสั่น Who was tired and …

ครุกแชงก์ (Crookshanks)

ต้องออกตัวว่า ฉันเองไม่ค่อยพิศวาสแมวเท่าไรนัก จะว่าไป ฉันก็เหมือนแฮกริดนั่นล่ะ คือแพ้แมวและค่อนข้างรักใคร่พวกสุนัขมากกว่า  แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เพราะตอนที่ทำงานอยู่ลอนดอนในช่วงปลายทศวรรษ 1980 นั้น วันไหนที่แดดดี ๆ หน่อย ฉันมักออกไปหามื้อกลางวันทานที่ร้านในจัตุรัสใกล้ ๆ และที่นั่นจะมีแมวตัวใหญ่ขนฟูสีแดงส้ม ใบหน้าบู้บี้อย่างกับว่ามันเพิ่งวิ่งไปชนกำแพงมา เที่ยวเดินด้อม ๆ มอง ๆ ผู้คนที่ออกมารับแดดแถวนั้น ซึ่งฉันทึกทักเอาเองว่ามันน่าจะอาศัยอยู่แถวบ้านนั่นล่ะ แม้จะไม่เคยเสี่ยงหาเหตุให้ตัวเองภูมิแพ้กำเริบ แต่ฉันก็พบว่าตัวเองพอใจที่จะมองดูแมวตัวนี้อยู่ห่าง ๆ เสมอ เพราะมันมักดอมดมผู้คน ทำท่าเหยียดหยามคนนั้นคนนี้และไม่ยอมให้ใครลูบตัวมันเลย  เมื่อฉันตัดสินใจจะสร้างแมวฉลาดเกินธรรมดาเป็นสัตว์เลี้ยงให้เฮอร์ไมโอนี่สักตัวหนึ่ง …

บทเปิดเรื่องของหนังสือเล่มที่ 6

ฉันเกือบจะใช้บทเปิดเรื่องในลักษณะนี้มาแล้วทั้งใน ‘ศิลาอาถรรพ์’ (นั่นคือหนึ่งในหลาย ๆ บทเปิดเรื่องที่ถูกโยนทิ้งไป), ‘นักโทษแห่งอัซคาบัน’ แล้วก็ ‘ภาคีนกฟีนิกซ์’ แต่สุดท้ายแล้วก็นี่แหละ มันใช้ได้ดีสำหรับเล่ม 6 นี้ เพราะฉะนั้นมันจึงยังคงอยู่ในหนังสือ นั่นล่ะที่ฉันพยายามจะเล่าให้ฟัง แต่อยากให้รู้กันในทุก ๆ ครั้งที่คุณอ่านบทนั้น ว่ามันต้องใช้เวลากว่า 13 ปีเชียวนะ กว่าจะกลั่นบทเปิดเรื่องแบบนั้นออกมาได้