เจ.เค.โรว์ลิ่ง กับรักบี้ทีมชาติสกอตแลนด์ (J.K.Rowling on Scottish Rugby)

เนื้อหาใหม่จาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง

ความชอบของพ่อมดแม่มดที่มีต่อรักบี้ทีมชาติสกอตแลนด์นับว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าพิสดาร เพราะสังคมผู้วิเศษส่วนมากนั้น ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกีฬาของมักเกิ้ล ซึ่งพวกเขามักจะมองว่าเป็นกีฬาที่จืดชืดและงี่เง่าสิ้นดี อย่างไรก็ตาม รักบี้ทีมชาติสกอตแลนด์ ก็ได้กลายมาเป็นกระแสของโลกเวทมนตร์ ซึ่งเป็นทั้งเรื่องขบขัน เป็นทั้งสิ่งที่พ่อมดแม่มดส่วนหนึ่งให้ความสนใจ เรื่องราวเหล่านี้ได้ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่สิบเก้า มันเป็นเรื่องราวที่สุขและเศร้าคละเคล้ากันไป

ครอบครัวพ่อมดตระกูลบูแคนัน (Buchanan) อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบริเวณพรมแดนสกอตแลนด์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ชื่อเสียงในด้านของความรุนแรงและความเมามาย รวมไปถึงรูปร่างที่ใหญ่โตมโหฬาร (เท่าที่จำความได้ ลำพังเพียงลูกสาวจากบ้านบูแคนันคนเดียวก็สามารถเอาชนะกีฬาชักเย่อประจำหมู่บ้านทุกปีได้) ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าไปสุงสิงกับพวกเขา และไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสามารถทางเวทมนตร์ของครอบครัวนี้อีกด้วย เมื่อใดก็ตามที่เด็กจากบ้านบูแคนันอายุครบสิบเอ็ดปี พวกเขาจะหายตัวไปทีละคนๆ (เพื่อเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่ฮอกวอตส์) มีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่บ้านว่า เด็กตัวใหญ่คึกคะนองพวกนั้นล้วนถูกพาตัวไปส่งยังสถานดัดสันดาน หรือยิ่งกว่านั้นที่สถานบำบัดจิต

ในช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า ครอบครัวบูแคนันประกอบไปด้วยแม่ที่บ้างาน พ่อที่ดุร้าย และบรรดาลูกๆ จำนวนสิบเอ็ดคน บ้านหลังนี้ชอบส่งเสียงดังและวุ่นวาย แต่ถึงกระนั้นเอง มันก็น่าแปลกที่พ่อแม่ไม่ได้ตระหนักเลยว่า แองกัส (Angus) ลูกชายคนที่สามของพวกเขาเป็นสควิบ (ผู้เกิดจากพ่อมดแม่มดแต่ไม่มีเวทมนตร์เลย) นายบูแคนันมักจะโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจเสมอว่า ความผิดปกติแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในครอบครัวของเขาเลย นอกจากนี้ พ่อมดเฒ่าจอมผยองยังได้ถลำลึกเข้าไปอีก เขาเอ่ยว่า สควิบที่เกิดขึ้นในครอบครัวไหนย่อมหมายถึงสัญลักษณ์บ่งชี้ว่าครอบครัวนั้นกำลังเสื่อมโทรม และสมควรที่จะถูกจับแยกออกไป

เหล่าพี่น้องของแองกัสรักเขามาก เขาเป็นคนที่ตัวใหญ่ที่สุด และใจดีที่สุดในบรรดาทุกคน พวกพี่ๆ น้องๆ จึงช่วยกันปกปิดเรื่องนี้จากพ่อแม่ การหลอกลวงหนนี้เริ่มต้นด้วยความไร้เดียงสา แต่เมื่อถึงเวลาที่แองกัสจะต้องไปเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ แองกัสและพี่น้องก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ไม่มีจดหมายจากโรงเรียนส่งมาถึงแองกัส ฟลอร่า (Flora) พี่สาวขี้กลัวของเขาจึงทำจดหมายปลอมขึ้นมา ซึ่งช่วยถ่วงเวลาให้เขาไปอีกหลายอาทิตย์ ด้วยความที่แองกัสเป็นเด็กขี้อาย จิตใจดี และหวาดกลัวในตัวพ่อของเขา แองกัสจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามแผนของพี่น้องตน พี่ๆ พาแองกัสไปยังตรอกไดแอกอนเพื่อซื้อไม้กายสิทธิ์ และแสร้งว่าไม้กายสิทธิ์ไม้หนึ่งเลือกให้เขาเป็นนายมัน เมื่อวันนัดหมายมาถึง ฮามิช (Hamish) พี่ชายของแองกัส ก็ได้พาเขาไปฮอกวอตส์โดยให้เขานั่งเกาะอยู่ด้านหลังไม้กวาด ด้วยความหวังว่าแองกัสจะได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นเมื่อเขาไปถึง หรือไม่ก็โรงเรียนอาจจะสามารถกระตุ้นให้เขาใช้เวทมนตร์ได้สักที

เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยเกิดขึ้นอีกในประวัติศาสตร์ แต่แองกัสไปได้ไกลถึงหมวกคัดสรรก่อนที่เขาจะถูกเปิดโปงด้วยความสิ้นหวังอย่างแท้จริง แองกัสกระโดดแซงหน้าเด็กหญิงคนหนึ่งที่ถูกขานชื่อ และหยิบหมวกคัดสรรมาวางไว้บนหัวของเขาเอง พยานผู้รู้เห็นจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้ลงได้เลย ช่วงเวลาอันน่ากลัวที่หมวกคัดสรรประกาศอย่างใจดีว่า เด็กชายที่นั่งอยู่ข้างใต้มัน เป็นเด็กที่มีจิตใจดี แต่หาใช่พ่อมดไม่ แองกัสถอดหมวกออกและออกจากห้องโถงใหญ่ไปด้วยดวงหน้าเปื้อนน้ำตา

นกฮูกได้นำข่าวพฤติกรรมน่าอับอายของแองกัสมาส่งถึงพ่อแม่ของเขา ก่อนที่ลูกชายจะเดินเท้ากลับมาถึงบ้านเสียอีก เขาพบกับพ่อที่เขาทำให้ขายหน้า เขาไม่ยอมให้ลูกของตนเข้าบ้าน สั่งห้ามแองกัสไม่ให้แม้แต่เอาเงามาเฉียดถูกประตูบ้านหลังนี้อีก และยังยิงคำแช่งไปทั่วหลังจากที่แองกัสหนีไปแล้ว

เมื่อไร้ซึ่งครอบครัวและเงินทอง แองกัสไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป เด็กชายอายุสิบเอ็ดปีจึงตัดสินใจเดินทางไปเมืองหลวง บางทีก็ขอเกาะเกวียนรถระหว่างทางไปด้วย เมื่อไปถึงเอดินบะระ แองกัสก็โกหกอายุของตน และในที่สุด เขาก็ได้งานเป็นกรรมกร

แองกัสรู้สึกประหลาดใจ เมื่อพบว่ามักเกิ้ลไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พ่อแม่พร่ำบอกเขาตลอดเวลา แองกัสมีบุญวาสนาพอจะถูกรับเลี้ยงโดยหัวหน้าคนงานและภรรยาที่ไม่มีลูกเป็นของตนเอง เมื่อแองกัสอายุได้สิบแปดปี เขาก็เติบโตขึ้นมาเป็นชายผู้เป็นที่รักของหลายๆ คน อันเนื่องมาจากจิตใจที่ดีงาม และเป็นที่เคารพนับถือในเรื่องของพละกำลัง แต่แองกัสก็ไม่เคยเล่าถึงอดีตของตนให้ใครฟัง

แองกัสในวัยเด็กมักจะใช้เวลาไปกับการกระโดดหลบคำแช่งต่างๆ ของพ่อ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาว่องไวอย่างน่าประหลาดทีเดียวสำหรับคนที่ตัวใหญ่เช่นนี้ แองกัสรู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจในเรื่องกีฬาเป็นอย่างมาก เขากลายมาเป็นนักรักบี้ กีฬาใหม่ของพวกมักเกิ้ลในเวลาต่อมา หลายปีที่เขาคอยช่วยพี่น้องไล่จับลูกโกลเด้นสนิชในสวนหลังบ้านยังช่วยให้เขาเล่นคริกเก็ตได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

ในปี 1871 แองกัสได้เข้าร่วมการแข่งขันรักบี้นานาชาติเป็นครั้งแรก เป็นการแข่งขันระหว่างทีมชาติสกอตแลนด์และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเอดินบะระ คุณคงพอจะจินตนาการความรู้สึกของแองกัสออกเมื่อเขาเดินออกมาที่สนาม และมองเห็นพี่ๆ น้องๆ ของเขาในกลุ่มผู้ชม พี่น้องของแองกัสต่อต้านคำพูดเหยียดหยามของพ่อ ที่พูดถึงการมองหาแองกัสในกลุ่มมักเกิ้ล และคำสั่งห้ามไม่ให้ไปเจอหน้าเขาอีกตลอดชีวิต อย่างไรเสีย พวกเขาก็ได้ออกเดินทางและตามหาเขาจนเจอ ด้วยความปีติยินดี แองกัสทำคะแนนให้กับทีมได้ตั้งแต่หนแรก ทำให้สกอตแลนด์เป็นฝ่ายชนะ

การได้พบกับครอบครัวอีกครั้ง ทำให้แองกัสได้ทบทวนถึงความสัมพันธ์ของตนที่มีกับเวทมนตร์ ในปี 1990 แองกัสได้ตีพิมพ์หนังสือขายดีชื่อว่า “ชีวิตสควิบของฉัน (My Life As A Squib)” ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก ก่อนหน้านั้น เหล่าสควิบมีชีวิตที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงามืดและถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิต บางคนได้แต่ยืนเกาะอยู่ริมขอบของโลกพ่อมด ด้วยความรู้สึกว่าตนเป็นเพียงพลเมืองชั้นสองที่พยายามจะทำตัวให้เข้าพวก ในขณะที่สควิบบางคนตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโลกเวทมนตร์ และหันไปใช้ชีวิตเหมือนเหล่ามักเกิ้ลโดยสิ้นเชิง หนังสือ “ชีวิตสควิบของฉัน” ช่วยทำให้ชาตะกรรมของสควิบเหล่านี้เป็นที่่สนใจในโลกผู้วิเศษ

เพราะเหตุนี้เอง แองกัส บูแคนัน จึงได้กลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งในหมู่พ่อมดแม่มดและมักเกิ้ล ผู้ที่ไม่รู้ถึงการประสบความสำเร็จของเขาเลยมาจนถึงปัจจุบัน พ่อมดแม่มดจากหลายๆ ชาติเริ่มโผล่มาดูแองกัสเล่นกีฬา โชคร้ายที่คริกเก็ตไม่ได้เป็นที่นิยมในกลุ่มพ่อมดนัก หัวหน้านักหนังสือพิมพ์วงการกีฬาประจำเดลี่พรอเฟ็ต ได้เขียนไว้เมื่อปี 1902 ว่า “บีตเตอร์ซึ่งบินไม่ได้ ป้องกันแท่งไม้สามแท่งแทนที่จะเป็นห่วง แล้วสนิชที่ไม่มีปีกก็ถูกโยนไปที่ไม้พวกนั้น มันก็แค่นั้น เล่นกันเป็นวันๆ” รักบี้เป็นกีฬาที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า พ่อมดแม่มดไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกชื่นชมพละกำลังและความกล้าหาญของมักเกิ้ล ระหว่างที่พวกเขาเตรียมตัวพุ่งเข้าใส่กันในกีฬาที่โหดร้ายชนิดนี้ ทั้งยังไม่มีสิทธิ์ในการหายตัวออกจากจุดนั้น หรือได้ดื่มยาปลูกกระดูกเพื่อซ่อมแซมกระดูกที่หักไป คงจะต้องยอมรับกันว่าพ่อมดแม่มดบางคนรู้สึกเพลิดเพลินกับกีฬาแบบนี้ และอาจจะเข้าขั้นซาดิสม์

เมื่อแองกัส บูแคนันเสียชีวิต ชื่อของเขาก็ถูกยกย่องไปทั่วทั้งโลกเวทมนตร์ และโลกมักเกิ้ล ซึ่งนับว่าแทบจะเป็นการประสบความสำเร็จที่แปลกและหาตัวจับยากในประวัติการณ์ แองกัสเป็นบุคคลตัวอย่างที่ฝ่าฟันกับอุปสรรคในชีวิตด้วยมือของตนเอง และยังประสบความสำเร็จในที่สุด ทว่า แองกัสนั้นถ่อมตนเกินกว่าจะตระหนักถึงผลกระทบที่เขาได้สร้างขึ้นในแต่ละปีที่ฮอกวอตส์ มีการมอบถ้วยรางวัลบูแคนันสำหรับผู้ที่มีความพยายามมุมานะโดดเด่น และหนังสือ “ชีวิตสควิบของฉัน” ก็กำลังได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่หนึ่งร้อยสิบ

เมื่อมาถึงเรื่องของเกมกีฬาพ่อมด (ควิดดิช ควอดพ็อต ครีโอเชี่ยน – กีฬาที่ปัจจุบันถูกแบนไปเรียบร้อย แต่ยังคงมีการแอบเล่นอย่างผิดกฎหมายกันอยู่ – การแข่งขันไม้กวาด เกมก๊อบสโตน และอื่นๆ) พ่อมดแม่มดมักจะแบ่งพรรคแบ่งพวกและสนับสนุนประเทศของตนอย่างดุเดือด ถึงกระนั้นเอง พวกเขามักจะมองว่าการสนับสนุนทีมรักบี้ทีมอื่นนอกจากทีมชาติสกอตแลนด์เป็นเรื่องที่ต่ำต้อยยิ่ง เป็นเวลาเกือบร้อยห้าสิบปีแล้วตั้งแต่แองกัส บูแคนันช่วยทีมสกอตแลนด์คว้าชัยชนะมาในการแข่งขันรักบี้นานาชาติ ทุกคนต่างพูดกันว่า การแข่งขันกีฬารักบี้ที่มีสกอตแลนด์เข้าแข่งด้วย กลายเป็นที่พบปะกันอย่างลับๆ ของพ่อมดต่อหน้ามักเกิ้ล และพยายามที่จะเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่าย มักเกิ้ลที่แอบฟังการสนทนาอาจจะรู้สึกงุนงงว่าทำไมชาวเปรูสองคนถึงสนใจในทีมรักบี้ของสกอตแลนด์กันนัก แต่ก็เป็นที่เห็นด้วยกันทั่วไปว่ามันดีกว่าการโต้เถียงกันเรื่องควิดดิช หรือแข่งวัดความยาวของไม้กายสิทธิ์กันในที่สาธารณะเป็นไหนๆ

หลังจากที่แองกัสเสียชีวิตไม่นาน เหล่าแฟนคลับผู้อุทิศตนก็ได้จัดตั้งสมาคมพ่อมดผู้สนับสนุนรักบี้ทีมชาติสกอตแลนด์ (Wizarding Supporters of Scottish Rugby Union) เพื่อระลึกถึงแองกัส สมาชิกของ ส.พ.ส.ร.ส. ซึ่งยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ประกอบไปด้วยพ่อมดแม่มดชาวสกอตและชาวต่างชาติ พวกเขาพบปะกันในการแข่งขันรักบี้นานาชาติทีมสกอตแลนด์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่ความทรงจำของแองกัส และตั้งตาคอยที่จะได้เห็นเหล่ามักเกิ้ลบดขยี้บนดินโคลนเป็นเวลาแปดนาที บทบัญญัตินานาชาติเกี่ยวกับความลับของพ่อมดแม่มดระบุอย่างชัดเจนว่า ห้ามมิให้พ่อมดแม่มดคนใดเข้าไปมีส่วนร่วมกับกีฬาของมักเกิ้ลโดยเด็ดขาด แต่การจะสนับสนุนฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มีอยู่บ่อยครั้งที่ ส.พ.ส.ร.ส. ต้องคอยปฏิเสธข่าวลือที่ไม่ยอมหายไปสักที ข่าวลือที่ว่าภารกิจลับของสมาคมนี้ คือการลักลอบส่งสควิบผู้มีความสามารถเข้าไปเป็นสมาชิกทีมรักบี้สกอตแลนด์ทุกทีม ผู้ต้องสงสัยในขณะนี้รวมไปถึง เคลลี่ บราวน์ (Kelly Brown) (อาจจะเป็นญาติกับลาเวนเดอร์ บราวน์) จิม ฮามิลตัน (Jim Hamilton) (มีความคล้ายคลึงกับแฮกริดมาก) และ สจ๊วต ฮอกก์ (Stuart Hogg) (คงไม่ต้องอธิบายหรอกนะ*)

*สจ๊วต ฮอกก์ (Stuart Hogg) เป็นนักกีฬารักบี้ประจำทีมชาติสกอตแลนด์ ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง


ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: https://www.pottermore.com/writing-by-jk-rowling/scottish-rugby

แปลและเรียบเรียง: Feliona Bishop @ Muggle-V.com