ศิลาอาถรรพ์ มีอยู่จริง?
ก่อนที่จะไปตามหาคำตอบของคำถามนี้ ผมขอแนะนำให้ผู้อ่านทำความรู้จักกับ นิโคลัส แฟลมเมล ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของศิลาอาถรรพ์กันก่อนนะครับ เพราะมีส่วนน่าสนใจและเชื่อมโยงกับบทความนี้ครับ คลิกที่นี่เพื่ออ่าน!
ศิลาอาถรรพ์ (Sorcerer’s Stone หรือ Philosopher’s Stone) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า หินนักปราชญ์ มีคุณสมบัติที่ต่างจากโลหะอื่นๆ ธาตุอื่นๆ ศิลาอาถรรพ์ สามารถใช้เปลี่ยนโลหะให้กลายเป็นทองคำได้ และในขณะเดียวกันหากใช้ในการปรุงยา จะสามารถทำให้ผู้ดื่มมีชีวิตที่เป็นอมตะ
ศิลาอาถรรพ์ ว่ากันว่าเป็นสมบัติของ นิโคลัส แฟลมเมล นักเล่นแร่แปรธาตุชื่อดัง ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1330 – 1418 ซึ่งท่านจะพบเห็นชื่อเขาในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ และตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในภาคแรกของวรรณกรรมขายดีที่เปิดเผยชีวประวัติของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตามหลักฐานข้อมูลจริงระบุว่านิโคลัส แฟลมเมลเสียชีวิตในปี 1418 แต่บ้างก็บอกว่า เขาแค่หายตัวไปอย่างลึกลับเท่านั้น! เนื่องจากมีคนเคยอ้างว่าพบเขาในปี 1761 ในปารีส
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ศิลาอาถรรพ์นี้มีจริงหรือไม่ เพราะแม้แต่พ่อมดแม่มดเรา รสายนเวททั้งหลาย หรือใครก็ตาม แม้แต่นักวิทยาศาสตร์มักเกิ้ล ก็ยังไม่ค้นพบการทำศิลาอาถรรพ์นี้เลย
ศิลาอาถรรพ์ คือหินวิเศษที่ทำให้เป็นอมตะ?
เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์และเปิดเผยชีวิตของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผ่านวรรณกรรมที่ดังไปถึงโลกไว้ว่า “ศิลาอาถรรพ์ คือ หินสีแดงดุจเลือด ที่สามารถชุบชีวิตผู้ดื่มให้เป็นอมตะ และเปลี่ยนโลหะหนักให้เป็นทองได้” และจากการศึกษาหาข้อมูลของเธอก็ระบุว่า นอกจากศิลาอาถรรพ์จะมีสีแดงแล้ว บางตำราก็ว่ามีสีขาวด้วย [อ้างอิง Pottermore]
ในทางกลับกัน ไม่เคยมีใครพบศิลาหรือแร่สีแดงที่สามารถเปลี่ยนโลหะเป็นทองคำหรือชุบชีวิตได้ ดังที่นิโคลัส แฟลมเมลบรรยายหรือระบุไว้ในหนังสือ The Book of Abraham the Mage (แต่ถ้าว่ามันตามจริง ถ้าเขาค้นพบใครจะออกมาป่าวประกาศกันล่ะ?)
แต่จริงๆ แล้ว ผลของศิลาอาถรรพ์อาจไม่ใช่หินวิเศษอย่างที่เราเข้าใจก็ได้ เพราะเมื่อศึกษาประวัติของ นิโคลัส แฟลมเมล อย่างจริงจัง เราจะพบว่า ครั้งหนึ่งนิโคลัส แฟลมเมลเคยบวชเป็นนักบวชในคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิกในฝรั่งเศสด้วย ในโบสถ์ของฝรั่งยังพบภาพวาดของเขาสลักไว้อีกด้วย คำถามคือ “ทำไมนักเล่นแร่แปรธาตุที่ควรจะอยู่ในห้องทำงาน กลับมาอยู่ในโบสถ์” และแน่นอนคำถามนี้ถูกชักมาถึงเรื่องราวของศิลาอาถรรพ์ ว่าแท้จริงแล้ว ศิลาอาถรรพ์คือ ก้อนศิลาสีแดงเพลิงจริงหรือไม่? แล้วระหว่างที่เขาพยายามถอดรหัสความลับในหนังสือที่เขาได้จากทูตสวรรค์ แล้วตัดสินใจบวชเพื่อใช้ความเป็นนักบุญเสาะแสวงหาผู้รู้ภาษาฮีบรู เขาพบวิธีทำศิลาอาถรรพ์ หรือค้นพบอะไรกันแน่?
มีผู้ศึกษาเรื่องนี้ และหลักฐานการปรากฏนามของนิโคลัส แฟลมเมลในโบสถ์ พยายามตีความคำว่า ศิลาอาถรรพ์นี้ว่า แท้ที่จริงแล้วศิลาอาถรรพ์อาจไม่ใช่ก้อนศิลาอย่างที่เข้าใจ เนื่องจากในทางคริสต์ศาสนานั้น ในอดีตพระเยซูได้รับการเรียกว่าเป็น หิน หรือ ศิลา เป็นก้อนหินธรรมดา และแน่นอนว่า พระเยซูคือผู้ที่บอกกับเหล่าลูกศิษย์ของเขาว่า ผู้ที่ภักดีต่อพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์
ซึ่งหากเรามองการตีความนี้แล้วศิลาอาถรรพ์อาจไม่ใช่ก้อนศิลาอย่างที่นักเล่นแร่แปรธาตุพยายามค้นหากัน แต่แท้ที่จริงแล้วอาจหมายถึง พระเยซู ผู้ประทานชีวิตนิรันดร์ให้แด่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ และเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน
เชื่อว่าใครที่เป็นชาวคริสต์น่าจะเคยฟังเพลง “พระเยซูเปรียบดังศิลา (Rock of Ages)” กันมาบ้าง ก็คงจะพอเริ่มเห็นอะไรบางอย่างจากเรื่องนี้แล้ว ซึ่งมีหลายส่วนในศาสนาคริสต์ที่ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรนะครับ ก็มีการพูดถึงพระเยซู บุตรพระเจ้าว่า “ทรงเป็นพระศิลาที่มีชีวิต” และมนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
เป็นไปได้ว่า นิโคลัส แฟลมเมล อาจเปรียบเปรย พระเยซู เป็นศิลาอาถรรพ์ หรือหินนักปราชญ์ (นักปราชญ์ อันหมายถึงผู้มีความรู้ ผู้มีปัญญา คนเหล่านี้ย่อมมีเหตุมีผล การมีชีวิตอมตะอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีปัญญาปรารถนา หรือใคร่อยากจะเป็น แม้แต่ดัมเบิลดอร์ พ่อมดที่นับว่าเป็นปราชญ์ชั้นเยี่ยมก็ไม่ได้กระหายในชีวิตอันเป็นอมตะใดๆ) ที่มอบชีวิตอมตะให้กับผู้ครอบครอง และเช่นกัน จะมีสิ่งใดเล่าที่มีค่าไปกว่าทอง การมีชีวิตนิรันดร์อาจมีค่ายิ่งกว่าทอง ซึ่งหากตีความของศิลาอาถรรพ์ที่สามารถเปลี่ยนโลหะให้เป็นทองนั้น อาจตีความได้อีกว่า โลหะที่ว่า คือ สิ่งไร้ค่า หรือมนุษย์เราทั้งหลาย ซึ่งศิลาอาถรรพ์ หรือ พระเยซู เป็นผู้เปลี่ยนสภาพสิ่งไร้ค่านั้นให้มีค่า นั่นคือ ทำให้ศิษย์ของพระองค์ และผู้รักในพระองค์มีค่าและเห็นค่าของตนเอง ได้รับการรักษาจิตใจให้ชื่นบาน ให้พบความสุขที่เป็นมากกว่าสุขในโลกก็เป็นได้
ขอบคุณ: พ่อมดสีเทา ผู้ให้คำตอบแจ่มชัดกับผมสำหรับมูลความจริงของนิโคลัส แฟลมเมล