ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์: เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด

ถ้าพูดถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ เมืองแรกๆที่ทุกคนจะนึกถึงเลยคืออ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford) โอเคค่ะ! งั้นคราวนี้พี่ลิลี่จะพาไปตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์กันที่เมืองนี้เลย  มามะ!! ไปกันเล้ย!! ^^

 

วันที่ 15 ธันวาคม 2011

ในที่สุดก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะตะลุยอ็อกซ์ฟอร์ดแล้ว อั่ยย่ะ!! แฮปปี้สิค่ะ เมืองนี้ที่รอคอย เมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ ขลังดี ชอบๆ!! คราวนี้ลุยกัน 2 สาว ร่วมกับพี่เหมี่ยว (พี่สาวร่วมบ้าน)…เริ่มแรก วันนี้พวกเรา 2 สาวนั่งรถไฟออกจากลีดส์ตอนรอบ 9.15 น. แล้วไปถึงอ็อกซ์ฟอร์ดประมาณเกือบบ่ายโมง (ต้องเปลี่ยนรถไฟรอบนึงที่เมืองดอนแคสเตอร์ ค่าตั๋วเที่ยวเดียว 37.60 ปอนด์) พอถึงก็หาอะไรกินก่อน แล้วมุ่งไปเช็คอินที่พักเลยค่า ที่พักเป็นโฮสเทลชื่อ YHA Oxford อยู่ในตัวเมืองสะดวกดี แต่ตอนเช็คอินเจอเรื่องไม่คาดคิดนิดนึง คือก็จองจากเว็บ booking.com น่ะนะ ราคาก็ชัดเจนเป๊ะ แต่พอไปถึงเขาบอกถ้าไม่ใช่สมาชิกเครือโฮสเทลต้องจ่ายเพิ่มอีก 3 ปอนด์ต่อคนต่อคืน อืม! ซะงั้นเนอะ เหอะๆ แต่ช่างเหอะ อยากเที่ยวแล้ว!! ยิ่งฤดูหนาว ฟ้ามืดเร็วด้วย

ที่แรกเราบึ่งไปที่นิวคอลเลจ (New College) ซึ่งเป็นวิทยาลัยหนึ่งของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เข้าชมฟรีไม่เสียตัง ฮุๆ (แต่บางช่วงบางเดือนต้องเสียค่าเข้านะ)

หมายเหตุ: ตอนปี 2011 ช่วงที่ไปไม่ต้องจ่ายค่าเข้าค่ะ เพียงแต่จะเข้าชมได้ไม่กี่จุด แต่ปัจจุบันปี 2015 จะต้องจ่ายนะคะ สำหรับวัน-เวลาเข้าชมและค่าเข้าชม >>คลิกที่นี่<<  ส่วนคู่มือเที่ยวชม >>คลิกที่นี่<<

อ่อ! สำหรับที่นี่ใช้ถ่ายทำแฮร์รี่ภาค 4 ตอนเดรโกถูกมู้ดดี้สาปเป็นเฟเร็ตจ้า โดยจุดถ่ายทำก็ตรงคลอยสเตอร์จุดเดียวเลย…ทีแรกก็ว่าทางไปคงไม่ซับซ้อนไรมั้ง แต่ปรากฏว่า…งงตำแหน่งหาทางไปคลอยสเตอร์ไม่ถูกค่า!! เอาแล้วไง 2 สาวทำตัวเป๋อเหร๋อไปไหนไม่ถูก (ถ้าพูดให้ถูกคือพี่เหมี่ยวโดนเราพามาหลงในโลกแฮร์รี่นั่นแหละ) ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเล็กๆหน้าทางเข้าดู แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ช่วยบอกอะไรมาก ก็พอดีตอนนั้นมีนักศึกษาอ็อกซ์ฟอร์ดคนนึงอยู่ในห้องสมุดด้วย และเขากำลังจะกลับหอพักพอดี เขาเลยอาสาพาพวกเราไปคลอยสเตอร์…โอ๊ย!! ปลาบปลื้ม ขอบคุณค่า!! ^^ คนอาร้ายยยยบุคลิกเด็กหัวดีโค-ตะ-ระ ยืมหนังสือเป็นกระตัก ดูเป็นมิตรดีนะ ไม่หยิ่งด้วย (เอ๊ะ!! อวยไปไหม) สักพักเดินเฉยๆก็กระไรอยู่ พวกเราต้องชวนคุยหน่อยสิ ถึงได้รู้ว่าหนุ่มคนนี้เรียนเอกปรัชญาแหละ (ว่าแต่เด็กที่นี่ต้องอ่านหนังสือเยอะเว่อร์ขนาดที่คุณถือทุกคนรึเปล่า – อันนี้ไม่ได้ถามหรอก) ก็เดินไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็ชี้ทางว่าทางเข้าคลอยสเตอร์อยู่นี่นะก่อนลา (ขอบคุณหลายๆค่า!! เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปกับเขาไว้ ฮ่าๆ)

และเราก็เริ่มปฏิบัติการครองคลอยสเตอร์ทันที (จะพูดว่างี๊ก็ไม่น่าแปลก เพราะไม่มีใครอยู่แถวคลอยสเตอร์เลยนอกจากพวกเรา 2 คน) งานนี้ถ่ายรูป-อัดวีดีโอตามรอยฯกันให้สะใจไปเล้ย!! แต่จริงๆพื้นที่นี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็ต้องเป็นต้นโฮล์มโอ๊ค (Holm Oak) ต้นใหญ่ที่ก็ปรากฏในหนังด้วย

พอเสร็จจากการชมคลอยสเตอร์ที่นิวคอลเลจแล้ว ดูเวลายังไงก็ไปจุดอื่นไม่ทันอยู่ดี งั้นก็ค่อยต่อพรุ่งนี้ละกัน ตอนนี้ไปลั้นลาเดินเล่นในตัวเมือง แล้วไปดูบรรยากาศคริสต์มาสในเมืองนี้ดีกว่า ^^

***************************************************************************

วันที่ 16 ธันวาคม 2011

สำหรับวันนี้เป้าหมายแรกของเราคือไปทัวร์ห้องสมุดบอดเลี่ยน (Bodleian Library) ก่อน (ที่นี่พี่เหมี่ยวไม่เข้า เราบุกเดี่ยวจ้า)

ที่นี่มี 2 ที่หลักคือ ดิวินิตี้สคูล (Divinity School) อยู่ชั้นล่างของอาคารห้องสมุดบอดเลี่ยน ใช้ถ่ายฉากห้องพยาบาลในภาค 1 กับฉากชั้นเรียนเต้นรำในภาค 4

หมายเหตุ: วัน-เวลาเข้าชมและค่าเข้าชมกรณีที่ดิวินิตี้สคูลอย่างเดียว >>คลิกที่นี่<<

ส่วนอีกที่คือห้องสมุดดยุคฮัมฟรีย์ (Duke Humfrey’s Library) อยู่ชั้นสองของอาคารห้องสมุดบอดเลี่ยน ใช้ถ่ายทำฉากห้องสมุดฮอกวอตส์ในภาค 1-2 ส่วนภาคหลังๆอดค่ะ โดยทางห้องสมุดให้เหตุผลว่าแสงไฟและแสงเทียนจะทำลายหนังสือเก่าๆเอา

หมายเหตุ: เข้าชมได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ ทางที่ดีแนะนำว่าให้ซื้อทัวร์ที่ห้องสมุดบอดเลี่ยนเลยค่ะ ซึ่งทัวร์ก็มีหลายราคา หลายเวลา หลายออปชั่น ก็เลือกตามที่เราชอบเลย ดูข้อมูลทัวร์ได้ที่ >>คลิกที่นี่<<   และวัน-เวลาเข้าชม >>คลิกที่นี่<<  แต่ถ้าจะดูทั้งดิวินิตี้สคูล และขึ้นมาดูห้องสมุดดยุคฮัมฟรีย์ด้วย แนะนำให้เลือก Extended Tour >>คลิกที่นี่<<  หรือไม่ก็ Mini Tour >>คลิกที่นี่<<

ในห้องสมุดดยุคฮัมฟรีย์นี่เงียบสุดยอดเลย ขลังได้อารมณ์ดี อ่อ! เจ้าหน้าที่ให้ดูจากบริเวณหน้าประตูนะ ไม่ได้ให้เดินได้ทั่วห้องสมุดหรอก แล้วก็อัดวีดีโอหรือถ่ายรูปส่วนห้องสมุดไม่ได้ด้วย (ก็ต้องเอารูปในเว็บให้ดูกันไป)

จากนั้นพอจบทัวร์ ก็เดินชมบริเวณใกล้ๆห้องสมุดนิดนึง แน่นอนว่าต้องถ่ายรูปกับ Radcliffe Camera ด้วยสักหน่อย เพราะอาคารทรงกลมที่เป็นห้องสมุดและห้องอ่านหนังสือด้วยก็ดังอยู่นะ เอาง่ายๆว่าเวลาเราเซิร์ชคำว่า Oxford ในกูเกิ้ลภาพที่เราจะเจอต้องมีอาคารนี้เยอะประจำอ่ะ อ่อ! อาคารนี้เข้าชมด้านในไม่ได้ น่าเสียดายชะมัด

และอีกจุดนึงที่ก็เด่นเหมือนกันคือ Herdford Bridge หรือที่ส่วนใหญ่จะเรียกอีกชื่อว่า the Bridge of Sighs ที่เป็นสะพานเชื่อมต่ออาคารของวิทยาลัยเฮิร์ดฟอร์ด (Herdford College) โดยที่ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบ the Bridge of Sighs ของที่เมืองเวนิซ แต่ลักษณะศิลปะสไตล์การสร้างจะต่างกัน…พอถ่ายรูปเรียบร้อยก็ถึงเวลาไปสมทบกับพี่เหมี่ยวหาข้าวกินกันละ

พอท้องอิ่ม ก็ไปไครสท์เชิร์ชคอลเลจ (Christ Church College) ต่อ แต่พลาด!! เข้าชมไม่ได้อ่ะ เขามีจัดงานไรไม่รู้ อดเลยง่ะ -,-‘ (ถ่ายรูปด้านหน้าให้เจ็บใจเล่นก็ได้เชอะ!!) แต่ยังไงซะ ก็ต้องมาตามรอยอ็อกซ์ฟอร์ดใหม่อีกรอบอยู่ดีล่ะนะ เพราะคราวนี้ยังไม่มีเวลาไปปราสาทเบลนเอิม (Blenheim Palace) นี่หน่า….แล้วก็เพราะพลาดเนี่ยแหล่ะ เราก็เลยไปเดินเที่ยวแถวนั้นซะเลย แล้วก็เดินเล่นถ่ายรูป Carfax Tower (หอนาฬิกา) ด้วย ปิดท้ายทริปแรกด้วยภาพที่คั่นหนังสือพร้อมประโยคเด็ดละกัน (ไม่ได้ซื้อ ฮ่าๆ)

— จบทริปแรกแล้ว เว้น 3 เดือน มาต่อทริป 2 เลยค่ะ —

วันที่ 22 มีนาคม 2012

วันนี้นั่งรถไฟยิงยาวจากเคมบริดจ์มาอ็อกซ์ฟอร์ดเลยจ้า (ทริปนี้ช่างให้บรรยากาศแบบผู้ฝักใฝ่ความรู้แท้เนอะ ไปเมืองการศึกษาไรงี๊) แล้วก็เพราะตั๋วเป็นแบบ Travel Anytime เลยขึ้นรอบไหนก็ได้ ผลสรุปหลังกินอะไรเสร็จเช็คเอ้าท์ที่พัก เราก็เลยเลือกรถไฟรอบ 9.20 น. เข้าลอนดอนไปลงสถานีคิงส์ครอส แล้วนั่งรถไฟใต้ดินไปสถานีแพดดิงตั้นอีกที และด้วยเพราะเน้นสะดวกเกินไป ก็เลยซื้อตั๋วแบบ 1 วันไป 7 ปอนด์เลย (ซึ่งที่จริงไม่สมควรทำนะ ถ้าอยากประหยัดตัง แฮ่ๆ แต่เพราะขี้เกียจเข้าแถวเกินนั่นแหละ) จากนั้นขึ้นรถไฟที่สถานีแพดดิงตั้นรอบ 11.20 น. ไปลงเมืองเรดดิ้ง (Reading – ถึงชื่อเมืองจะเขียนแบบเดียวกับคำว่า ‘รีดดิ้ง’ ที่แปลว่าการอ่าน แต่ตัวเมืองนี้เรียกว่า ‘เรดดิ้ง’ นะ) แล้วต่อรถไฟรอบ 12.30 น. ไปลงสถานีอ็อกซ์ฟอร์ด…คือแบบเปลี่ยนรถไฟจนเอียนเลยกว่าจะถึงเป้าหมาย -.,-‘

พอมาถึงอ็อกซ์ฟอร์ดประมาณบ่ายโมง ขั้นแรกก็ไปเช็คอินโรงแรมชื่อ Becket Hotel B&B ที่อยู่ใกล้ๆสถานีก่อน โรงแรมนี้ห้องนอนเขาก็แต่งน่ารักดีนะ มีระบบบริหารแบบเรียบง่ายดี เจ้าของเป็นคนแก่สามี-ภรรยาช่วยกัน 2 คนใจดีด้วย คราวนี้ได้ห้องอยู่ชั้นหนึ่งห้อง B สิ ต่างจากที่เคมบริดจ์ได้ห้อง 15 อยู่บนชั้นใต้หลังคาเลย (ก็ได้อารมณ์แตกต่างกันดี)…พอเราจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเที่ยวตะลอนล่ะ

แรกสุดเรารีบบึ่งไปที่ Christ Church College เลยจ้า…ในที่สุดก็ได้เข้า  ^^ เย้ๆ!! หลังจากพลาดไปเมื่อทริปแรก และคราวนี้เห็นป้ายจัดงานที่ไครสท์เชิร์ชบอกด้วยว่าจะมีงาน literature festival จัดขึ้นเริ่มวันที่ 24 มีนาด้วยล่ะ…ดีเลย เรายังอยู่ เป็นวันที่ไปปราสาทเบรนเอิมด้วย พอดีว่างช่วงเย็น เดินได้ๆ ฮี่ๆ ^^

สำหรับค่าเข้าวิทยาลัยไครสท์เชิร์ช ตั๋วนักเรียนก็ 4.50 ปอนด์ค่ะ (*ราคาปี2012)

หมายเหตุ: วัน-เวลาเข้าชมและค่าเข้าชม >>คลิกที่นี่<<

จะว่าไปก็รู้สึกคุ้มอยู่นะ บริเวณกว้างมากอ่ะ (ก็แน่ล่ะ เป็นวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดนี่) แล้วรูทไลน์การเดินก็วนซ้ำหลายรอบได้ด้วย ดี!! ถ่ายรูปหลายรอบเลย อิอิ

เอาล่ะ!! เริ่มรูทไลน์ตั้งแต่ทางเข้ากันเล้ย…แรกสุดพอจ่ายเงินค่าเข้าแล้ว เดินไปอีกนิดนึงจะเจอคลอยสเตอร์ก่อน ซึ่งทางเดินรอบคลอยสเตอร์ใช้ถ่ายทำฉากทางเดินไปดูถ้วยรางวัลของฮอกวอตส์ในภาค 1

ตรงลานคลอยเตอร์จะมีต้นโอลีฟกับน้ำพุที่มีคนโยนเหรียญไว้ทำไมไม่รู้อยู่ (แต่เราก็ทำบ้าง ฮ่าๆ ทำทั้งๆที่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำทำไม ;P)

จากนั้นพอเดินผ่านลานคลอยสเตอร์ ให้เราเดินต่อไปจนเจอบันไดหลักขึ้นไปห้องโถงใหญ่สำหรับทานอาหาร ซึ่งตรงจุดนี้ใช้ถ่ายทำฉากบันไดไปห้องโถงฮอกวอตส์ในภาค 1 และ 2 อ่อ!! ตรงทางขึ้นบันได แถวนั้นจะมีประตูไม้อยู่บานนึงมีคำสลักไว้ว่า ‘no peel’ ซึ่งมีที่มาในการแสดงการประท้วงของนักศึกษาต่อนายกรัฐมนตรี เซอร์โรเบิร์ต พีล (Sir Robert Peel) ที่ดำรงตำแหน่งในปี 1841-1846

ส่วนของห้องโถงที่นี่ถือเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจในการออกแบบห้องโถงใหญ่ฮอกวอตส์ในหนังนะ ย้ำว่าไม่ได้ถ่ายทำที่นี่จ้า!!…พอถ่ายรูป-ถ่ายวีดีโอจนสะใจแล้ว ต้องบอกว่าสะใจจริงๆ เพราะเราเข้าก่อนคนกลุ่มใหญ่ (ได้ยึดครองห้องโถงช่วงนึง) เลยได้ถ่ายเยอะก่อนจะมีคนมาบังเต็มจออ่ะนะ อ่อ! เจ้าหน้าที่เขากั้นพื้นที่ชมนะ จะดูได้แค่ด้านหน้า แต่เดินทั่วห้องโถงไม่ได้ (ก็น่าแปลก เห็นในบางเว็บมีบางคนเดินเข้าได้ สงสัยเขากั้นไว้เพราะเดี๋ยวมีคนใช้ห้องมั้ง)  และอีกเรื่องนึงอยากจะถ่ายรูปตัวเองกับสถานที่บ้าง เลยขอให้ลุงเจ้าหน้าที่หน้าห้องโถงช่วยถ่ายให้หน่อย แต่ผลออกมาภาพเบลออนาถแท้เลยค่าลุงขา T^T เลยต้องยอมแพ้แบบลุงไม่ต้องถ่ายรอบสามให้หนูแล้วละกันค่ะ หาคนอื่นช่วยถ่ายแทนก็ได้

เสร็จจากจุดเป้าหมาย 3 ที่แล้วก็เดินเรื่อยๆดูตรงอื่นบ้าง ก็ถ้าลงบันไดมาจากห้องโถงแล้วเดินเลี้ยวขวาต่อก็จะเจอลานใหญ่ชื่อว่า Tomquad ตรงจุดนี้พอดีเจอคนไทยเลยขอให้เขาช่วยถ่ายรูปให้หน่อย

พอหลุดจากลานใหญ่ เดินต่อไปก็เข้าโบสถ์ แล้วก็มีนั่งฟังวีดีโออธิบายเกี่ยวกับโบสถ์แป๊บนึง แล้วก็เสียตังค่าหนังสือกับสร้อยสัญลักษณ์เคลติกที่ร้านค้าของโบสถ์จนได้ ซึ่งหนังสือที่ว่านี้ก็มิวายเกี่ยวกับแฮร์รี่แหละค่ะ แฮะๆ ในร้านมีขายของแฮร์รี่นิดนึงด้วยนะ แต่แน่นอนว่าแพงกว่าร้านแฮมลี่ส์อยู่ละ…และหลังจากดูโบสถ์เสร็จ ตามรูทไลน์มันจะวกกลับมาที่คลอยสเตอร์อีกที ซึ่งถ้ายังบ้าจี้จะถ่ายกับบันไดหรือห้องโถงอีกก็ตามใจ ฮ่าๆ เพราะเราก็เป็นแบบนั้น เอาให้คุ้มเงินค่าเข้าชมว่างั้น เอาเป็นว่าเดินจนถึงลานทอมควอดอีกรอบแล้วถึงตรงไปทางทางออกอ่ะนะ และใกล้ๆทางออกจะมีห้องแกลลอรี่รูปภาพ ก็ถ้าอยากดูก็ต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่ม แต่เราไม่เข้า ก็เลยออกค่ะจบภารกิจที่ไครสท์เชิร์ชตอนราวๆบ่ายสามกว่าจ้า

ทีนี้ดูจากเวลาแล้ว ก็เลยว่างั้นก็เดินในตัวเมืองเล่นดีกว่า ลองไปดูอาณาเขตรอบนอกของวิทยาลัยแมกดาเลน (Magdalen College) ด้วย และแอบไปแว้บๆที่นิวคอลเลจนิดนึง แต่ไม่ได้เข้าหรอกคราวนี้ เพราะถ้าเข้าต้องเสียตังแล้วอ่ะ จากนั้นก็ไปต่อที่ห้องสมุดบอดเลี่ยนซึ่งก็แค่ถ่ายรอบนอกเล่นเฉยๆเช่นกัน เพราะคราวที่แล้วมาแล้ว และคราวนี้สังเกตเห็นว่าต้นสนใจกลางลานหน้าทางเข้าห้องสมุดเขาเอาออกไปแล้วอ่ะ หลักๆก็ประมาณนั้นที่เหลือไม่น่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่

แล้วก็ไปเข้าร้านหนังสือแบล็กเวลส์เล่นด้วย คือแบบว่า…ช่วยเอาร้านนี้ไปแทนที่ๆสาขาลีดส์ได้ป่ะ โซนหนังสือลิงกวิสติก (=ภาษาศาสตร์) เป๊ะอ่ะ สุดท้ายก็สอยไป 2 เล่มที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ homonym ด้วย เผื่อไว้ใช้อ้างอิงประกอบตอนทำดิสเซอเทชั่น (=ปริญญานิพนธ์) ได้ ดูๆแล้วเนื้อหาซิแมนติกกับแพร็กแมติกมันก็ค่อมๆกันนะ…พอหลุดจากโลกหนังสือ (แนะนำเลยว่าใครที่ชอบอ่านหนังสือและอ่านภาษาอังกฤษได้อยู่แล้ว การที่มาเดินเที่ยวลั้นลาในร้านหนังสือที่อ็อกซ์ฟอร์ดนี่เป็นอะไรที่มีความสุขเว่อร์!!!) ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยชื่อ At Thai ก็กินข้าวกับปลาสามรสและต้มข่าไก่อ่ะนะ (ก็เที่ยวคนเดียวนี่จะสั่งทำไมเยอะ) รสชาติก็โอเคอยู่ จะว่าไปเมื่อคราวก่อนที่มารอบแรกไปกินที่ร้าน Angrid Thai อาหารก็โอเคเหมือนกัน อ่อ! ที่ร้านแอทไทยตอนกินเสร็จจ่ายตังคุยกับพี่ผู้หญิงที่ร้านเลยได้ข้อมูลใหม่ๆมาว่ามีคนบอกว่า Herdford College ก็ใช้ถ่ายทำแว้บๆด้วยนะ (แต่เท่าที่หนูรู้และมีข้อมูลมามันไม่น่าจะนะ – ไม่ได้พูดไป) แล้วพี่เขาบอกว่ามีบ้านที่เหมือนบ้านแฮกริดตรงแถวไครสท์เชิร์ชด้วย (เอ๊ะ! ยังไง) งั้นเดี๋ยววันเสาร์หลังกลับจากปราสาทเบลนเอิมค่อยแวะดีกว่าไหนๆก็จะไปงานเฟสติวัลที่เข้าฟรีแถวนั้นอยู่แล้ว อิอิ…และแม้ว่าจะกินข้าวแล้ว เราก็ยังมิวายเข้าร้านมาร์กส์แอนด์สเปนเซอร์ไปซื้อเค้กกับขนมมากักตุนไว้กินเผื่อที่ห้องอีก ฮ่าๆ ก็อย่างว่ามิกลัวอ้วนหรอกค่า…ฉันผอม ฉันสูง ฉันเอ็นจอยอีตติ้ง อิอิ

 ***************************************************************************

วันที่ 24 มีนาคม 2012

เมื่อวานไปเมืองเลค็อคมา ส่วนวันนี้มีภารกิจออกนอกเขตตัวเมืองอ็อกซ์ฟอร์ดไปปราสาทเบลนเอิม (Blenheim Palace) จ้า เราขึ้นรถบัส S3 รอบ 10 โมง 40 ที่หน้าสถานีรถไฟตรงล็อต R5 อ่ะ ระหว่างรอก็คุยกับคุณยายคนนึงที่นั่งรอรถสายเดียวกัน ยายบอกว่ายายจะย้ายไปอยู่ที่เวลส์อ่ะ ก็คุยไร้สาระเรื่อยเปื่อยกันไป ยายเล่าอีกว่าเค้าเรียนจบปรัชญาสิ เค้าก็ถามว่าเรามาจากไหน เรียนอะไร คุยเม้าท์มอยไปกับยายจนรถมา ถึงรู้ว่าคนอื่นรอบข้างที่รอขึ้นรถเค้าก็จะไปเบลนเอิมกันเหมือนกัน…พอถึงหน้าประตูปราสาทเบลนเอิม คนก็ลงกันเยอะเลย แล้วก็เดินกันเข้าไป วันนี้เดินกันขาลากเลยล่ะ

หมายเหตุ: เช็ครอบรถบัส >>คลิกที่นี่<<  

เราเข้าไปตอนเกือบ 11 โมงอ่ะ ราคาค่าเข้าแบบราคานักเรียนก็ 15.50 ปอนด์เป็นตั๋วรวมหมดทั้งเข้าปราสาทแล้วก็สวน (*ราคาปี2012)

หมายเหตุ: วัน-เวลาเข้าชม >>คลิกที่นี่<<  ค่าเข้าชม  >>คลิกที่นี่<<  คู่มือและแผนที่  >>คลิกที่นี่<<

ในตัวปราสาทอ่ะ เราว่าสวยที่สุดตั้งแต่เคยไปดูปราสาทหลายๆที่มานะ มีอยู่ห้องนึงเพดานภาพวาดสวยเว่อร์และใช้เทคนิคภาพนูนด้วย เสียดายที่ถ่ายรูป-ถ่ายวีดีโอในนั้นไม่ได้อ่ะ ถ่ายแต่รอบนอกอย่างเดียว อ่อ! ซื้อโปสการ์ดที่นี่เลยด้วยแล้วค่อยเอาไปเขียนส่งที่อ็อกซ์ฟอร์ดอีกที

หลังจากชมตัวปราสาทเสร็จ ก็ถึงภารกิจตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ละ นั่นคือการหาต้นไม้ที่ปรากฏในฉากความทรงจำของสเนปที่ถูกเจมส์แกล้งในภาค 5…งานนี้ต้องใช้สายตาสอดส่องต้นไม้ในสวน และใกล้ทะเลสาบทุกจุดล่ะจ้า ที่โหดร้ายคือข้อมูลตำแหน่งต้นไม้ในเว็บไซต์ทั่วไปมันยังไม่มีบอกชัดเจนเนี่ยสิ (แต่ปัจจุบันปี 2015 มีคนไปตามรอยเยอะขึ้น ทำให้มีข้อมูลชัดเจนแล้วว่าคือตรงไหน ซึ่งเอาจริงๆมันก็ต้นเดียวกับที่เราเจอนั่นแหละ)…งานนี้จึงต้องเดินๆๆๆๆ เดินในสวนทั้งหลายรอบปราสาทเลยค่า โดยเดินส่วนของ The Lake and Cascade (เส้นทางสีดำ) ก่อน ซึ่งอยู่ในโซน Main Lake ตรงส่วนนี้ยังไม่มีวี่แววต้นไม้ต้นไหนเข้าเค้า

หมายเหตุ: เพื่อให้เห็นภาพเส้นทางเดิน สามารถดูเส้นทางประกอบได้ที่ >>คลิกที่นี่<<

จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถไฟเล็ก (จุดที่ 25 ในแผนที่) ไปตรง The Pleasure Gardens ตรงสวนที่ว่านี่มีบัตเตอร์ฟลายเฮ้าส์ (ไปดูผีเสื้อนิดนึง) แล้วก็เขาวงกตด้วย ก็ลองเข้าไปเดินเขาวงกตเล่นดู (ขอทำตัวเป็นเด็กนิดนึง) บริเวณย่านนี้จะเหมาะให้เด็กมาเล่นมากๆ

หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟเล็กกลับมาจุดเดิม แล้วเดินย้อนไปเข้าสวนด้านหลังปราสาทอีกเส้นทาง (เส้นทางสีแดงบางจุด) คือบริเวณ The Duke Gardens ซึ่งผ่านสวนอิตาเลี่ยนด้วย ก็สวยแหละ แต่เข้าไปเดินในสวนไม่ได้ ดูได้แต่จากด้านนอก (แต่ถ่ายรูปยากนะ มุมถ่ายไม่รอดอย่างแรง)

แล้วจากนั้นเราก็เดินกลับเข้าหาตัวปราสาท เพื่อไปดูสวนทางฝั่ง Queen Pool (เส้นทางสีน้ำเงิน) ตรงย่านนี้แหละที่เราเจอต้นไม้ที่เข้าเค้ามาก (มันก็ต้นไม้ที่เราตามหาแหละ) คือถ้าตัวเรายืนหันหลังให้ปราสาท แล้วเดินตรงไปทางอนุสาวรีย์ (หมายเลข 35) โดยเดินข้ามสะพานไป ตัวต้นไม้จะอยู่ริมน้ำ อยู่ทางฝั่ง Main Lake (ฝั่งซ้ายมือของเรา) ต้นไม้นี้ใช้ถ่ายทำในฉากความทรงจำของสเนปที่ถูกเจมส์แกล้งในภาค 5

พอทำภารกิจสำเร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับละ เลยเดินกลับไปขึ้นรถผ่านทางออกตรง Woodstock Gate และได้รถรอบ 4 โมงกว่า กลับเข้ามาตัวเมืองอ็อกซ์ฟอร์ดก็เกือบห้าโมงแล้ว ก็เดินเที่ยวในตัวเมืองอีก เจองานช็อกโกแลตด้วยอ่ะ แต่ไม่ได้ซื้ออะไร แล้วเราก็เดินไปงานที่ไครสท์เชิร์ช ปรากฏว่ามันก็งานหนังสือขนาดย่อมนั่นแหละ

อยู่งานหนังสือแค่สักพักก็เดินไปดูที่ๆพี่ที่ร้านไทยบอก แต่ไม่เห็นเจออะไรเลยอ่ะ ก็เลยช่างมันละกัน เดินไปหาข้าวกินดีกว่า คราวนี้ลองไปชิมอาหารที่ร้านเชียงใหม่คิทเช่นอยู่ใกล้ๆร้านแอทไทยอ่ะ สำหรับราคาร้านนี้ถือว่าแพงกว่าร้านอื่นนะ อีกอย่างเราว่าเจ้าของร้านผู้ชายค่อนข้างเทคแคร์ลูกค้าฝรั่งมากอ่ะ แต่กับคนไทยปกติเฉยๆไม่เฟรนลี่กับเราเท่าไหร่ถ้าเทียบกับ 3 ร้านก่อนหน้าที่เราเคยกินที่อ็อกซ์ฟอร์ด (ร้านที่มากินตอนเที่ยวรอบแรกชื่อร้าน Angrid Thai อยู่ใกล้ๆสถานีรถบัส) อ่อ! คราวนี้เรากินผัดไทอ่ะ (ก็อยากกินนิ) รสชาติก็พอโอเคนะ…โอเค จบทริป 2 ไว้แค่นี้เลยดีกว่า จบละค่ะ

 ***************************************************************************

แหล่งอ้างอิง

– หนังสือ Harry Potter on Location

– หนังสือ Harry Potter Page to Screen

– ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์

– ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ

– ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี

– ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 6

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 9

– เว็บ Blenheim Palace (อ้างอิง)

– เว็บ Bodleian Library, University of Oxford (อ้างอิง)

– เว็บ Christ Church College, University of Oxford (อ้างอิง 1)

– เว็บ Christ Church College, University of Oxford (อ้างอิง 2)

– เว็บ Oxford City Guide (อ้างอิง)

– เว็บ Empire Online (อ้างอิง)

– เว็บ Ezinemark (อ้างอิง)

– เว็บ HP-Lexicon (อ้างอิง)

– เว็บ IMDB (อ้างอิง)

– เว็บ New College, University of Oxford (อ้างอิง)

– เว็บ The Oxford Times (อ้างอิง)

– เว็บ Travelbritannia (อ้างอิง)

– เว็บ Visit Britain Blog (อ้างอิง)

– เว็บ Visit Oxfordshire (อ้างอิง 1)

– เว็บ Visit Oxfordshire (อ้างอิง 2)

– เว็บ Wikipedia (อ้างอิง)