ใครที่ยังไม่ได้อ่าน ตอนที่ 1 กับ ตอนที่ 2 ขอให้ไปอ่านก่อนนะครับ เพราะตอนที่ 3 หรือตอนจบนี้เป็นส่วนของกลางคืนที่สวนสนุก The Wizarding World of Harry Potter แล้วครับ ^ ^
เอาล่ะๆ 55 หลังจากที่ทอม ริดเดิ้ล ยืนจิบบัตเตอร์เบียร์ และพยายามทำให้ฟองติดขอบปากเหมือนเฮอร์ไมโอนี่แต่ไม่เป็นผล พวกเราก็หันมาดื่มด่ำบรรยากาศตอนรอบที่บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนจากพระอาทิตย์ตกเป็นความมืดมิด คือมันฟินมากนะครับ เวลาที่ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วๆ มาจากปราสาท แล้วคิดว่า อีกไม่นานจากนี้เราก็จะต้องออกจากฮอกวอตส์ ออกจากโลกที่เราหลงรักหัวปักหัวปำ บัตเตอร์เบียร์แบบธรรมดาก็หมดแก้วพอดี
เราสองคนตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำก่อนที่อาการไม่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นจะทำให้การเที่ยวเล่นตอนดึกของพวกเราหมดสนุก ผมพยายามจะอัดเสียงในห้องน้ำมา แต่สงสัยมือลั่นเผลอลบไปตอนไหนก็ไม่รู้ – – ใครที่อยากฟังเสียงมุ้งมิ้งของเมอร์เทิลก็ไปฟังในรีวิของพี่จาร์ หรือพี่ลิลี่นะครับ
แม้บรรยากาศจะมืดลงแล้ว แต่ผู้คนไม่ได้มีวี่แววจะบางเบาลงไปเลย ผมยืนรอหน้าห้องน้ำไปถ่ายรูปไป
พอพี่จาร์ออกจากห้องน้ำหญิง ที่น่าจะได้บรรยากาศห้องน้ำเมอร์เทิลได้มากกว่า คณะประสานเสียงของฮอกวอตส์ The Hogwarts Choir ก็ปรากฏตัวขึ้นทันที แล้วพวกเราก็ต้องวิ่ง! เพื่อไปถ่ายรูปให้ทัน 5555
หน้าเริ่มมันไม่ไหวละครับจุดนีเ แต่คนนำวงน่ารักมาก อยากถ่ายรูปด้วยตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ส่วนบ้านฮัฟเฟิลพัฟด้านบนก็อยากถ่ายรูปด้วย แต่พนักงานญี่ปุ่นพูดไรไม่รู้ แต่สื่อว่า ห้ามขึ้นไปนะ ห้ามขึ้นไป ถ่ายได้แต่ข้างล่าง (แต่ก็มีคนขึ้นไปถ่ายคู่กับเธอได้นะ เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่เข้ามาจัดการ) อยากถ่ายให้ครบทุกคนแต่เสียดาย 555
ตอนจะถ่ายรูปด้วย ลูน่าบ้านกริฟฟินดอร์ (ผมเรียกงี้ละกันเนอะ) ก็ทักขึ้นมาว่า “อู้… สลิธีริน” ผมก็ยิ้ม แล้วก็ตอบไปแบบคนด้อยภาษาว่า “ใช่ ฉันสลิธีริน” แล้วพี่จาร์ก็ชงให้ต่อว่า “เขาเป็นทอม ริดเดิ้ลด้วยนะ” ทีมประสานเสียงได้ยินก็หันมาทำเสียง “อู…” แล้วก็ถอยห่างผมไปคนละก้าว 555 แต่เข้าใจว่าตัวเองตอนนั้นไม่มีความเป็นทอม ริดเดิ้ลละ เพราะบ้ายิ้มไม่หุบมาตลอดทั้งวัน คราวหน้าที่ไปผมต้องเอาบันทึกของทอม ริดเดิ้ลไปด้วย ไม่ก็ไปคอสตัวละครอื่นที่ยิ้มได้แบบไม่ต้องวางมาด
พอถ่ายรูปคู่กับคณะนักเรียนประสานเสียงของฮอกวอตส์เรียบร้อยแล้ว ก็ย้อนกลับมาหมู่บ้านฮอกส์มี้ดอีกหน เพื่อเก็บตกร้านค้าแล้วก็มุมที่ไม่ได้เข้าไป
เริ่มต้นที่ร้าน Spintwitches Sporting Needs ซึ่งเป็นร้านที่ไม่มีในหนังสือและภาพยนตร์เหมือนเดิมครับ ร้านนี้หน้าร้านตกแต่งด้วยอุปกรณ์ควิดดิชต่างๆ มีเจ้าบลัดเจอร์ที่พยายามจะหนีออกจากเครื่องกักขัง
ร้านข้างๆ ตกแต่งด้วยหนังสือของล็อกฮาร์ครับ ชื่อร้านไม่มีในหนังสือหรือภาพยนตร์อีกเช่นเคยชื่อ Tomes and Scrolls ถ้าแปลไทยก็ประมาณ “ร้านหนังมือเล่มหนากับม้วนกระดาษ” (แต่มีในเกมแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 นะครับ)
ทั้งสองร้านไม่มีด้านในร้านและอยู่ติดกันเลยครับ
ก่อนจะไปอีกร้านก็ขอหันไปถ่ายร้านฝั่งตรงข้ามซะหน่อย ^ ^ นานๆ ได้มาทีเนอะ ก็ต้องเก็บรูปมันทุกซอกมุม
ส่วนด้านข้างของร้านหนังสือเล่มหน้ากับม้วนกระดาษเป็นร้านรถเข็นสีเขียว ขายพวกเครื่องดื่ม กับของทานเล่นรองท้องไรงี้ครับ (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ชื่อ The Magic Neep ครับ
และด้วยความที่อยากรู้ว่าซอกด้านหลังของร้านทั้งสองร้านเนี่ยมีอะไร (ต้องบอกก่อนนะครับว่าแผนที่ที่ขอมาเป็น Guidebook ตอนแรกนี่แทบไม่ได้เปิดอ่านหรือศึกษา คือกลัวยับล้วนๆ การเดินสำรวจแบบไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรก็สนุกดี) ซึ่งด้านหลังก็คือร้านเดอร์วิชแอนด์แบนเจส (Dervish and Banges) ครับ ครองพื้นที่โซนนี้ทั้งหมดเลย ร้านนี้ปรากฏชื่อครั้งแรกในเล่ม 3 เป็นร้านขายพวกเครื่องมือหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ครับ แต่ที่สวนสนุกโชว์หน้าร้านด้วยอัฒจันทร์ย่อส่วนสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ ทีลูกควัฟเฟิลด้วย แล้วก็อีกฝั่งเป็นชุดคลุมเครื่องแบบของฮอกวอตส์ครับ
ในร้านนี้เข้าไปแล้ว จะมีสินค้าอย่างเสื้อคลุมให้ลองใส่ หรือซื้อกัน แต่ส่วนใหญ่ใส่ถ่ายรูปซะมากกว่า ใครที่ติดตามคุณมีน พีชญาอยู่ ก็จะเห็นว่าไปเที่ยวมาเหมือนกัน แล้วก็ถ่ายรูปกับชุดคลุมที่ร้านนี้แหละครับ
แล้วเราสองคนก็เข้าไปสำรวจของให้เสียเงินซะหน่อย ต้องบอกว่าร้านโซนนี้ทำให้เสียเงินได้หนักดีครับ ถ้าเอาเงินไปมากกว่านี้ก็คงไม่พอเหมือนกัน 555 เพราะซื้อแบบไม่คิดทันที ว่าแล้วก็มาดูของและการตกแต่งในร้านกันดีกว่า
ในร้านนี้ก็จะมีตั้งแต่แฟ้มตราบ้านทั้งสี่ของฮอกวอตส์ ปากกาที่ออกแบบเป็นไม้กวาดบิน พวกเครื่องเขียนต่างๆ อยู่ในร้านนี้ แล้วก็พวกเสื้อผ้า ของตกแต่งที่ทำให้อยากย่อส่วนมันแล้วเอากลับบ้านคือไม้กวาดไฟร์โบลต์กับนิมบัส 2001
ตำราปีศาจว่าด้วยปีศาจนี่เป็นจุดเด่นของสามร้านเลย เพราะมีแต่คนมุง แล้วก็จะกรีีดๆ กัน 555 คือก็ไม่ได้กรี๊ดดังลั่นอะไร แต่กรี๊ดพอน่ารักๆ เพราะหนังสือจะทับตาปริบๆ ขยับไปมาแล้วก็งับๆๆๆๆ
ร้านเดอร์วิชแอนด์แบนเจส เชื่อมต่อกับไปรษณีย์นกฮูกครับ ซึ่งไปรษณีย์เนี่ยมีสิ่งที่เราต้องห้ามพลาดด้วย ไม่งั้นจะถือว่าเฟล! แต่เดี๋ยวค่อยไปเนอะ ตรงฝั่งนี้ต้องบอกว่าร้าน 3 ร้านจุกรวมกันครับ เล่นเอามึนไปเลยทีเดียว อีกร้านที่กระจุกรวมอยู่ด้วยคือร้าน Gladrags Wizardwear ที่ขายเสื้อผ้าพ่อมดครับ เรียกว่ายำรวมจนงงว่าร้านไหนเป็นร้านไหน 555 ในโซนร้านของแกลดแร็กส์ก็มีบรรยากาศแบบนี้ครับ
ในร้านมีชุดเต้นร้ำของจินนี่ วีสลีย์ แล้วก็ชุดของโช แชงด้วยครับ
ซึ่งก็มีพวกสนีกโคสโคป ลูกควัฟเฟิล แล้วก็ของจิปาถะที่คล้ายกับโซนห้องทำงานของฟิลช์ แล้วก็ร้านของเล่นตัวตลกซองโก้ครับ รู้สึกหงุดหงิดตรงที่สินค้ามันคล้ายมีเหมือนกันในแต่ละร้าน แล้วไม่มีพวก Noble Collection มาขายเลย มีแต่มาวางให้อยากแล้วซื้อไม่ได้ T_T อย่างเช่น
ที่เห็นแล้วกิเลสโถมเข้าใส่แบบไม่ลดละ แต่สอยไม่ได้ แต่ก็แอบงงนะครับ บางชิ้นมีแปะราคาบอก แต่ซื้อตรงไหน? หรือต้องแจ้งเคาน์เตอร์หรอ คุยญี่ปุ่นไม่เป็นไง อดไป 55 ใครพูดญี่ปุ่นได้ เช็คให้หน่อยนะครับมีซื้อได้ไหม เผื่อไปอีกจะได้สอย
ด้วยความที่ผู้คนยังแน่นร้าน ก็เลยตัดสินใจออกมาสูดอากาศด้านนอกสักหน่อย หน้าไปรษณีย์ผมชอบมากเลย รู้สึกมันมีชีวิตชีวามากๆ นกฮูกส่ายหัวไปมา กระพริบตาเป็นระยะ คิดถึงเฮ็ดวิกเป็นบ้า
หน้าร้าน Gladrags Wizardwear ตกแต่งด้วยชุดงานเลี้ยงเต้นรำภาคสี่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ครับ ยิ่งเห็นแล้วยิ่งอยากขโมย 55+
ระหว่างยืนถ่ายรูปหน้าร้าน ถ่ายบรรยากาศค่ำคืน ก็นึกสงสัยว่าที่ส่งไปรษณีย์เนี่ย หาซื้อโปสการ์ดส่งกลับไทยได้ที่ไหนนะ ยู้บอกว่าต้องทำภารกิจนี้ แต่มันอยู่ที่ไหนนะ พยายามมองหาในไปรษณีย์ก็ไม่เห็นอะไร
มีแต่กรอบรูป แก้วนกฮูก กับหมวกนกฮูก แล้วก็สมุดบันทึก
แล้วก็แสตมป์ตั้งโชว์ ซื้อไม่ได้ พี่จาร์ก็เลยเดินเข้าไปถามพนักงานในไปรษณีย์ แล้วก็อ๋อออ! อยากส่งโปสการ์ดหรอ มีตามนี้ค่ะ… พนักงานก็ควักเอาแฟ้มออกมาจากลิ้นชักแล้วก็ให้เราสองคนเลือกว่าจะเอาแบบไหน เลือกไปพักนึงแล้วก็ได้อันเดียวกันคือแบบที่เป็นปราสาทฮอกวอตส์ของญี่ปุ่นนั่นเอง เพราะที่เหลือมันไม่ได้ให้ความรู้สึกหรือระลึกถึงสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่ ในราคาที่ 700 เยน มีหลายแบบหลายราคาครับ แต่ถ้าจำไม่ผิด 700 เยน ก็ประมาณ 200 บาทนี่ถูกสุดครับ
พอซื้อเรียบร้อยพนักงานก็อธิบายว่าต้องทำยังไง ส่งที่ไหน ผมก็อาศัยการเดาเอาล้วนๆ เพราะไม่รู้เรื่องญี่ปุ่นเหมือนพี่จาร์ แต่ก็โอเคที่เข้าใจไม่ผิด พนักงานจะบอกให้เราไปหาพนักงานไปรษณีย์ด้านนอกครับ ผมก็เดินออกไป แล้วก็ถามพนักงานเป็นภาษาอังกฤษแบบง่อยๆ เขาก็ถามว่าคนที่ไหนหรอ ผมก็บอกว่า คนไทยครับ ส่งยิ้มหวานให้ 55+ แล้วพนักงานก็บอกว่า คุณต้องเอาแสตมป์ติดทั้งสองดวงเลยนะ บนโปสการ์ด เขียนที่อยู่ด้านบนนะ แล้วก็เขียนข้อความด้านล่าง
ด้านขวาที่พี่จาร์หรือพี่ลิลี่ยืนอยู่ตรงนั้นแหละครับที่ที่เราจะส่งไปรษณีย์กลับไทยกัน ต้องบอกเลยว่าใครไปสวนสนุกแล้วไม่ได้ส่งโปสการ์ดกลับไทยพลาดมากนะครับ เป็นภารกิจที่ต้องทำเลยนะ!
แต่ยังไม่ทันจะได้เขียนก็ทำโปสการ์ดยับซะละ บ้าจริง! สังเกตในภาพนะครับ จะมีรอยประอยู่บนกระดาษ ไม่ต้องฉีกเนอะ เดี๋ยวพนักงานที่โต๊ะตรงมุมขวาภาพด้านบนเขาจะฉีกให้เองครับ เราแค่เอาแสตมป์ด้านขวามาติดด้านซ้ายทั้งสองดวงเลย ติดแบบไหนก็ได้ แอดมินติดบนอันนึง ล่างอันนึง แล้ว้านบนคือใส่ที่อยู่ของเราครับ (เป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นนะ) ด้านล่างเขียนข้อความกลับถึงเรา แล้วก็อย่าลืมเขียนที่มุมขวาบนว่า “Air Mail” จะได้ไม่เสียเวลารอครับ แล้วก็เอาไปให้พนักงาน พนักงานจะฉีกเอาแถบเล็กๆ ด้านซ้ายให้เรา แล้วก็บอกว่า โปสการ์ดหย่อนช่องขวา สำหรับส่งต่างประเทศ เราก็หย่อนในช่องที่โต๊ะพนักงานช่องขวา แล้วก็มานั่งลุ้นครับว่าจะมาถึงเราที่ไทยวันไหน ^ ^
ระหว่างเขียนโปสการ์ดด้วยปากกานิมบัส 2001 ของพี่จาร์ ก็ถ่ายรูปไป ฟังเสียงนกฮูกไป เพลิดเพลินนน
แล้วก็เดินไปตรงสถานีฮอกส์มี้ด เพราะเห็นว่ามีบริการถ่ายรูป แต่ปรากฏว่า “เสียเงินเพิ่มนะถ้าจะถ่าย” ผมนี่ถอยหลังเลย! แต่พี่จาร์ก็ถ่ายภาพมาได้ เอาเป็นว่าไปดูในตามรอยของพี่จาร์เนอะ ในนั้นเขาจะเซ็ตเป็นฉากตู้รถไฟให้เรานั่งแอ๊กท่าเหมือนกำลังนั่งรถไฟไปฮอกวอตส์
หอนาฬิกาตรงนี้สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเข้าเลย เพราะพอนาฬิกาดังก็จะมีนกโผล่ออกมาจากหน้าต่าง ชอบ ชอบมาก
แล้วภารกิจต่อไปคือซื้อบัตเตอร์เบียร์อีกแล้ว สำหรับซื้อแก้วบัตเตอร์เบียร์ให้น้องในเว็บ เลยตัดสินใจสั่งบัตเตอร์เบียร์แบบโฟรเซ่นไป ซึ่งก็คือบัตเตอร์เบียร์ปั่นนั้นแหละครับ ซึ่งน่ากินมากกกก และด้วยความที่ไม่ได้นั่งทานนอกร้านไม้กวาดสามอันในตอนกลางวัน ก็เลยมานั่งดื่มด่ำตอนกลางคืนเอาละกัน ซึ่งมุมนี้ปราสาทฮอกวอตส์งามงดมากกก อยากนั่งอยู่ตรงนั้นไปตลอดกาล
มองฮอกวอตส์ไป จิบบัตเตอร์เบียร์แบบแช่แข็งไป ฟินติ่งระเบิดเลยครับ เพราะบัตเตอร์เบียนแบบโฟรเซ่นให้รสพอดีๆ ละมุนลิ้น กินไป ลมพัดไป มองบรรยากาศโดยรอบไป โอววววว…
ตอนแรกพี่จาร์จะไม่สั่งบัตเตอร์เบียร์แล้ว แต่อดใจไม่ได้ โดนจอมมารล่อลวงเข้าไป เลยต้องสั่งอีกแก้วตามผมมาติดๆ 55
แล้วเราก็เดินนกลับไปปราสาทฮอกวอตส์อีกรอบ เพื่อเล่นเครื่องเล่น 2 เครื่อง นั่นคือ Harry Potter and the Forbidden Journey กับ Flight of the Hippogriff ตอนนั้นเวลาสักทุ่มเกือบสองทุ่มละ เราไปต่อคิวเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff กันก่อน เพราะอีกอันคิวยังยาว เครื่องเล่นตัวนี้ก็คือรถไฟเหาะนั่นแหละครับ ระหว่างทางเดินเราก็จะได้เห็นปราสาทในอีกมุม เห็นกระท่อมแฮกริด แล้วก็บัคบีค
แต่เพราะบัคบัคเห็นได้ตอนที่ขึ้นรถไฟเหาะแล้ว และตอนที่ขึ้นเขาไม่ให้พกอะไรติดตัว เลยไม่ได้ถ่ายมา – – กะว่าขาลงจะหาโอกาสถ่าย ปรากฏว่า ทางที่ลงไม่ได้เห็นบัคบีคเลย T_T ตอนขึ้นเครื่องเล่น มันก็ไม่ได้ฟินอะไรหรอกครับ เพราะรอคิวเกือบ 40 นาที แต่ได้เล่นแค่ 2 นาที แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไม่ลองก็เสียความเป็นพอตเตอร์เฮดดิ! ไหนๆ ก็แค่ 2 นาทีเอาให้คุ้ม!
ตอนขึ้นรถไฟเหาะ ผมเผลอบ้าติ่งแตกกับบรรยากาศค่ำคืนมากไปหน่อย เลยหอนซะ 3 รอบ 5555 ลองนึกถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่ร้องอาฮู้! แบบนั้นเลย คือคนอื่นกรี๊ด กรีีดไป ผมหอนแบบพร้อมกลายร่าง (สรุปเป็นทอม ริดเดิ้ล หรือเป็นลูปิน) แต่ใครที่ได้ขึ้นเล่นตอนกลางคืนนะครับ แนะนำว่าลองหอนดูสักรอบ จะฟินกระจายมากกก เพราะอะไร เพราะเราอยู่ในป่าต้องห้าม บรรยากาศกลางคืน เราขี่บัคบีค หอนแล้วมันใช่มากๆ
พอออกจากเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff ผมกับพี่จาร์ก็รีบวิ่งไปอีกเครื่องเล่นทันที เพราะถ้าช้าก็ยิ่งรอนาน ระหว่างเดินไปตามทางคดเคี้ยวก่อนเข้าปราสาทเพื่อเล่นเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ยิ่งถ่ายไป ฟังดนตรีประกอบไป ยิ่งทำให้รู้สึกว่า “เวลาของเรากำลังจะหมดลงแล้ว” แอบใจหายเบาๆ
ทำนองเพลง Hedwig’s Theme กลับกลายเป็นเสียงเพลงอันแสนเศร้าสร้อย ราวกับฟอกส์ที่บินจากฮอกวอตส์ไปแบบไม่มีวันหวนกลับ
ระหว่างทางกำลังจะเข้าปราสาท พนักงานหญิงก็บอกกับพี่จาร์ว่า ถุงใบใหญ่จัง คือทักเพราะต้องเอาของใส่ล็อกเกอร์ไว้ทั้งหมด ไม่ให้พกอะไรติดตัว เพราะเครื่องเล่นจะเหวี่ยงไปมา ถ้าเสียหายเขาก็ไม่รับผิดชอบเพื่อนเตือนแล้ว ตอนใส่ล็อกเกอร์ทำผมหงุดหงิดมาก เพราะถุงใหญ่แล้วใส่ไม่หมด ต้องกระจายใส่ไป ผมใช้ไปสามล็อกเกอร์ หัวเสียมากเพราะกลัวถุงมันขาดหรือเป็นรอย แต่ทำไงได้ ไม่ทำตามก็ไม่ต้องเข้านะ เพราะคนญี่ปุ่นคุณต้องทำยังไงก็ได้ให้เป็นไปตามกฎ เขาไม่มารับฝากกระเป๋าหรือของนะครับ ถ้าจะเล่นก็ต้องเอาของใส่ล็อกเกอร์ให้หมด
พอทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ไปต่อคิวรอเล่น เครื่องเล่นชนิดนี้เป็นอะไรที่ห้ามพลาดมากๆ เพราะถ้าพลาดจะต้องเสียใจแบบสุดๆ เพราะเป็นเครื่องเล่นแบบ 4D ให้เรานั่งเครื่องเล่น แล้วเครื่องเล่นจะพาเราพุ่งทะยานไปตามแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไปเจอกับสถานที่ต่างๆ ของฮอกวอตส์ หลบแมงมุม ป้องปัดผู้คุมวิญญาณ และอีกเพียบ ที่เรียกว่าเล่นแล้วอยากเล่นอีกสักหลายรอบ อยากถ่ายวิดีโอมาก เสียดายมาก
เอาเป็นว่าดูคลิปที่ฝรั่งเขาถ่ายมาละกันเนอะ
หลังจากออกจากเครื่องเล่นนี้ แล้วกลับไปที่ล็อกเกอร์ ผมก็พบว่า ถุงขาดไปนิดนึง จนได้!!!!
แต่เอาเถอะ พอออกมาถึงห้องทำงานของฟิลช์อีกรอบ ด้วยเวลาที่สามทุ่มแล้ว ไม่มีคนแล้ว เหลือแต่พนักงานแล้ว เราสองคนก็เลยถือโอกาสสำรวจและตัดสินใจในการซื้อของอีกรอบ แล้วก็ได้มาเพิ่มอีกหลายชิ้น 55+ ใช้เวลาในการพิจารณานาน แต่พนักงานก็ยังยิ้ม และบอกลาด้วยเสียงเบิกบานใจ แบบการช้าของเราไม่ได้ทำให้พวกเขาหงุดหงิด
ตอนนี้สามทุ่มกว่าๆ เกือบสี่ทุ่มแล้ว บรรยากาศโล่ง สงบ และเงียบสงัด พนักงานที่ยืนบริการตามจุดต่างๆ เมื่อเดินไปถึง พนักงานก็โบกมือ และกล่าวสวัสดี ให้ความรู้สึกใจหายแบบสุดๆ อยากร้องไห้มันซะตรงนั้น อยากนอนแหมะกลางพื้นแล้วไม่ยอมลุกไปไหน ความว่างเปล่าในบรรยากาศค่ำคืนนี้มันเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ก็ทุกข์ทรมาน เพราะเวลากำลังจะหมดลงแล้ว…
ถ้าคุณเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผมอยากให้คุณมีโอกาสได้ไปสัมผัสประสบการณ์ที่สวนสนุกแห่งนี้สักครั้งในชีวิต เพราะมันอยู่ใกล้เรามากขึ้น เดินทางไปง่ายขึ้น แค่ต้องอาศัยการเก็บออมเงินให้พอสำหรับการเดินทาง คุณจะพบความสุขล้นจนเสกผู้พิทักษ์ได้เลยล่ะ!
ขอบคุณพี่จาร์ที่ให้ผมร่วมเดินทางไปด้วย และบ้าแฮร์รี่ไปด้วยกันตลอดทั้ง 6 วัน ขอบคุณแฟนๆ Muggle-V และสาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ติดตามอ่านทั้ง 3 ตอน และขอบคุณที่รักแฮร์รี่ พอตเตอร์ เหมือนผม…