มาเที่ยวกันต่อเลย…สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 คลิกที่นี่ เลยค่ะ
วันที่ 10 ตุลาคม 2014
ร้านต่อมาที่อยู่ติดๆร้านน้ำชาของมาดามพุดดี้ฟุตเลย (แต่มีทางเข้าซอยเล็กๆคั่นกลางระหว่างร้าน) คือร้านขายไม้กายสิทธิ์ของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ (แหม! มาเปิดสาขาที่ฮอกส์มี้ดด้วย) ร้านนี้ถ้าจะเข้าต้องต่อคิวค่า คิวก็ขดไปมาตรงซอยเล็กๆที่ทะลุไปเห็นวิวปราสาทได้นั่นแหละ
ระหว่างรอคิวพวกเราเจอสาวผิวสีอยู่คนนึง เธอดูเป็นคนที่นิสัยดีมากเลยล่ะ สาวคนนี้เขาใส่ชุดเดรสสีขาวลายเดลี่พรอเฟ็ตมา พี่ทอม ริดเดิ้ลเราอยากถ่ายรูปกับเธอมากค่ะ พี่ลิลี่เลยคุยให้ แต่เตือนสาวคนนี้ด้วยนะว่า ‘Beware of him, he is Tom Riddle!’ (ระวังนะ เขาคือทอม ริดเดิ้ลล่ะ!)
พอถึงคิวพวกเราได้เข้าไปด้านในร้าน…ด่านแรกเจ้าหน้าที่จะพาพวกเรามารวมตัวกันที่ห้องแรกก่อน เป็นห้องไม้กายสิทธิ์ จะมีกล่องไม้กายสิทธิ์หลากสีสันวางเรียงตามชั้นเยอะไปหมด และก็มีชุดไม้กายสิทธิ์วางตกแต่งด้วย
สักพักนึงเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูลับให้เข้าไปในห้องที่สอง เป็นห้องมืดๆสลัวๆมีกล่องไม้กายสิทธิ์เต็มห้องเหมือนเดิม แต่ต่างที่ห้องนี้มีมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์รอพวกเราอยู่ (มิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์รอบที่เราเข้าไปยังหนุ่มอยู่เลย ดูเซอร์ๆ น่ารักดี อิอิ)…พอทุกคนเข้ามาครบหมดมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ก็เริ่มแสดงบทบาท แล้วก็เลือกคน 1 ในพวกเราออกไปเลือกไม้กายสิทธิ์…แล้วรู้ไหมใครถูกเลือก สาวผิวสีแห่งเดลี่พรอเฟ็ตค่ะ (น่าอิจฉาจัง >.<)…ขั้นตอนเลือกไม้กายสิทธิ์ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ มีเอฟเฟคท์ฟ้าร้องบ้างล่ะ (เล่นเอาเด็กเล็กๆที่เข้ามาด้วยร้องจ้าเลย ฮ่าๆ) เอฟเฟคท์กล่องเลื่อนออกมาบ้างล่ะ และก็เอฟเฟคท์ลมเสียงแสงสีตอนได้ไม้ที่ใช่ด้วย
พอผู้ถูกเลือกได้รับไม้กายสิทธิ์ของตัวแล้ว (แน่นอนว่าถ้าอยากได้ต้องออกไปจ่ายตังด้านนอก) มิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์บอกอำลาพวกเรา ก็ถึงเวลาไปห้องสุดท้ายต่อคือ…ห้องขายสินค้านั่นเอง!!
สินค้าก็คือไม้กายสิทธิ์แหละค่ะ ไม่ใช่ของแบรนด์โนเบิล คอลเลคชั่นนะ อันนี้แบรนด์ของวอร์เนอร์ของสวนสนุกเลย และแน่นอนว่า made in China จ้า…ไม้กายสิทธิ์จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบหลักๆคือ ไม้กายสิทธิ์ตัวละคร (ไม่ได้มีหลายตัวละครเท่าของโนเบิล คอลเลคชั่นหรอกนะ) กับไม้กายสิทธิ์ตามปฏิทินเคลติก (ที่ยาวและหนาเว่อร์ ราคา 3,500 เยน)
[ตรงนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ] โดยส่วนตัวแล้วตอนแรกพี่ลิลี่กะจะมาซื้อไม้กายสิทธิ์ตัวละคร (จำราคาไม่ได้ แต่ตีเป็นเงินไทยแล้วน่าจะราวๆ 1,300 บาท) ที่พี่ยังไม่มีมาเพิ่มนะ แต่พอเห็นชิ้นงานตัวอย่างแล้ว บวกกับลองเปิดดูบางกล่องแล้วออกแนวหมดอารมณ์ค่ะ…คือจริงๆมันก็ไม่ได้แย่นะ เพียงแต่พี่เปรียบเทียบกับงานของโนเบิล คอลเลคชั่นที่ราคาพอๆกันแล้ว (ในกรณีที่ซื้อที่อังกฤษ หรือที่อเมริกา) โนเบิล คอลเลคชั่นงานดี สวยเนี้ยบกว่า ตัวไม้ขึ้นเงากว่า…อย่างไม้กายสิทธิ์ของนาร์ซิสซา (ที่ตอนแรกพี่ว่าจะซื้อ) พี่เห็นไม้ตัวอย่างบางจุดสีเงินถลอกเป็นสีดำหน่อยนึงเลยไม่ปลื้ม เหอะๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่คนซื้อนะคะ
ตัวร้านไม้กายสิทธิ์จะเชื่อมต่อกับตัวร้านด้านในของร้านขายของวิเศษ Wiseacre’s Wizarding Equipment ค่ะ (ร้านนี้ไม่เคยถูกพูดถึงในหนังสือนะ) ร้านส่วนนี้จะตกแต่งในโทนสีน้ำเงินลายดวงดาว สินค้าในร้านก็จะเป็นพวกเสื้อ ผ้าพันคอ เนคไท สมุด แก้ว และอะไรทั้งหลายแหล่จากสี่บ้าน
ส่วนด้านนอกร้านจะมีหน้าร้านโชว์ของร้านขายปากกาขนนกสคริฟเวนชาฟต์อยู่กึ่งกลางระหว่างร้านขายไม้กายสิทธิ์ของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ กับร้านขายของวิเศษ Wiseacre’s Wizarding Equipment
เอาล่ะ! เคลียร์ร้านมาแถวนึงละ…สถานที่ต่อไปคือปราสาทฮอกวอตส์ค่า!!! แต่เดี๋ยวนะ! มีการแสดงของพวกโบซ์บาตงกับเดิร์มสแตรงก์อยู่นี่ ขอแว่บไปดูแป๊บ!!
พอดูการแสดงเสร็จก็ถึงเวลาเข้าปราสาท (ต่อแถวอีกแล้ว) ย้ำว่าเข้าชมปราสาท!! ตรงหน้าปราสาทมันจะมีแถวอยู่ 2 แถวคือ แถวสำหรับชมปราสาทอย่างเดียว กับแถวสำหรับเล่นเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey กรณีพวกเราคือเผลอไม่ดูข้อมูลให้ดีเลยเข้าอีหรอบเลยตามเลย ดูตัวปราสาทไปก่อน (แนะนำว่าเข้าแถวเครื่องเล่นเลยจะดีกว่า ได้เห็นตัวปราสาทเหมือนกันหมดค่ะ)
พวกเราเข้าแถวเดินขยับไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ T^T เดินลัดเลาะรอบปราสาทด้านนอกไปเรื่อยจนไปเข้าตัวปราสาทตรงเรือนกระจกปลูกต้นไม้ (ที่ไม่เหมือนในหนังเลย)
พอเข้าไปในปราสาทซึ่งมืดๆทึมๆ ถ่ายรูปก็ไม่ค่อยรอด อัดวีดีโอก็อนาถนัก T^T เราจะเห็นรูปปั้นสถาปนิกผู้วิเศษผู้สร้างปราสาท นาฬิกาทรายบอกคะแนนประจำแต่ละบ้าน รูปปั้นผู้วิเศษชี้นิ้ว (เห็นแล้วนึกถึงเคาต์โอลาฟจากเรื่องอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย) และก็รูปปั้นนกยักษ์ทางขึ้นบันไดวนไปห้องของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ด้านข้างตรงผนังจะมีพรมตกแต่งด้วย
เดินไปเรื่อย ๆ จะเจอห้องที่มีรูปภาพเหมือนเยอะมาก มีเอฟเฟคท์ทำให้ภาพคุยกันด้วย คุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ
จากนั้นเราก็จะเจอห้องของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ (โดยส่วนตัวพี่ว่าที่สตูดิโอทัวร์ที่อังกฤษฟินกว่านะ ที่นี่มืดด้วยแหละ) มีเอฟเฟคท์ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ออกมายืนคุยด้วย (แน่นอนว่าภาษาญี่ปุ่น)
ต่อมาเป็นห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด มีเอฟเฟคท์พวกแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากผ้าคลุมล่องหนมาพูดทักทายแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่น…ตัวห้องก็มืดๆเหมือนเดิม แต่ก็พอมองเห็นอะไรได้หมด เวลามีคนใช้แสงแฟลชถ่ายรูปแล้วแสงมันวาบขึ้นให้เห็นโครงกระดูกมังกรบนเพดานนะ ฟินมากๆ!! แล้วก็มีอยู่ช่วงนึงมีหิมะปลอมโปรยลงมาด้วยแหละ อ่อ! อีกอย่างนึงเสียงเฮอร์ไมโอนี่ภาคภาษาญี่ปุ่นฟังแล้วเพราะมุ้งมิ้งดีนะ ชอบๆ
พอเดินต่อไปอีกก็จะเจอกระจกสี (stained glass) แบบที่เนวิลล์มองในหนัง แล้วก็เจอภาพสุภาพสตรีอ้วน (นางช่างเม้าท์มาก!!) อ่อ! มีห้องนั่งเล่นหอกริฟฟินดอร์ กับหมวกคัดสรรพูดได้ด้วยแต่อยู่ตรงไหนจำไม่ได้ละ เดินไปเรื่อยๆจนทะลุไปเจอห้องทำงานของฟิลช์ หรือร้าน Filch’s Emporium of Confiscated Goods ที่คนเยอะทะลักหาโอกาสอัดวีดีโอยากมาก!!!
ในร้านจะมีของให้เลือกซื้อเยอะสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ตุ๊กตา แก้ว กรอบรูป พวงกุญแจ ดินสอกด ปากกา สมุด แฟ้ม สติ๊กเกอร์ เข็มกลัด เคสไอโฟน ลูกสนิช ดาบกริฟฟินดอร์พลาสติก ไม้กายสิทธิ์แบบมีไฟ (มีให้เลือกแค่ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่) หมอน หนังสือ และอีกสารพัด แล้วก็มีโซนขายขนมพวกคุกกี้ต่างๆด้วย (ก็แล้วแต่จะเลือกว่าจะซื้อเป็นกล่องเหล็กหรือกล่องกระดาษ)…พี่ลิลี่ก็เดินวนไปวนมาอยู่นานนะ เลือกไม่ถูกจะซื้ออะไรบ้างดี บางอย่างน่าซื้อแต่ก็ไม่สมกับราคา บางอย่างก็แลงั้นๆ
วนเวียนอยู่นานเหมือนกันกว่าจะตัดสินใจได้ (จนทอม ริดเดิ้ลซื้อเสร็จหนีฝูงชนไปรอนอกร้านแทนละ -.,-‘) และก็สอยเจ้าพวกนี้มาในรอบแรกของการเข้าร้านนี้…คุ๊กกี้กระป๋องเหล็กทรงรีลายแฮร์รี่กับสวนสนุก (1,800 เยน) คุ๊กกี้กล่องทรงกระเป๋าเดินทางสีแดง (1,800 เยน) ไม้กายสิทธิ์แฮร์รี่แบบมีไฟ (4,200 เยน) ถุงพลาสติกใส่ของไซส์ L ลายแฮร์รี่กับสวนสนุก (650 เยน)…อ่อ! และเพราะคนเยอะ แถวจ่ายเงินเลยคดเคี้ยวยาวออกไปจนถึงนอกร้านเลยล่ะ
พอเสร็จจากภารกิจจ่ายเงินเรียบร้อย พี่ลิลี่ออกมาหาน้อง (ทอม ริดเดิ้ล) ไม่เจอทำไงดี?…เดินไปถ่ายวีดีโอเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff ที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนละกัน แล้วค่อยหา ฮ่าๆ (ช่างเป็นพี่ที่ดีเสียนี่กระไร ;P)
หาไปหามา ไปเจอทอม ริดเดิ้ลรออยู่ตรงป้ายผ้า 4 บ้านใกล้ทางไปซุ้มเพ้นท์หน้า (ซึ่งพี่ลิลี่กับพี่ทอมไม่ได้เพ้นท์หน้าหรอกนะ แต่เห็นคนที่ทำเดินผ่านไปบ้างอยู่)…ป้ายผ้าจริงๆไม่ได้ลายสวยเท่าไหร่ แต่ก็ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยเหอะ
ตอนนั้นเวลาราว ๆ 5 โมงกว่าเข้าให้แล้ว พวกเราเลยตกลงกันว่างั้นรีบไปซื้อบัตเตอร์เบียร์มาดื่ม ถ่ายวีดีโอรีวิวกันก่อนดีกว่า และก็เข้าร้านค้าที่เหลือให้หมดด้วย แล้วค่อยไปเล่นเครื่องเล่น…แต่ว่าระหว่างทางเจอการแสดงของพวกโบซ์บาตงกับเดิร์มสแตรงก์ก่อนก็เลยหยุดดู อัดวีดีโอกันไป (แต่แบตมือถือจะหมดกันอยู่ละ)…พอการแสดงจบก็มีให้ถ่ายรูปกับนักแสดงด้วยได้ แต่พวกเราไม่ถ่าย ขี้เกียจแย่งคิวกับคนอื่น (ที่จริงก็อยากถ่ายกับหนุ่มเดิร์มสแตรงก์ผมบลอนด์อยู่นะ T^T เอ๊ะ! ยังไง)
พอดูการแสดงเสร็จก็ไปซื้อบัตเตอร์เบียร์กินกันที่ซุ้ม…บัตเตอร์เบียร์นี่ไม่มีแอกอฮอล์ผสมนะคะ เป็นเหมือนน้ำอัดลม ใส่วิปครีม มีกลิ่นคาราเมลออกด้วย ราคาจะมีอยู่ 4 แบบคือ
1.แบบเย็นธรรมดาใส่แก้วพลาสติกราคา 600 เยน
2.แบบเย็นธรรมดาใส่แก้วที่ระลึกราคา 1,100 เยน
3.แบบแช่แข็งใส่แก้วพลาสติกราคา 700 เยน
4.แบบแช่แข็งใส่แก้วที่ระลึกราคา 1,200 เยน
*แบบแช่แข็งก็คือบัตเตอร์เบียร์ปั่น (เนื้อจะนิ่มเข้ากันดี อารมณ์เหมือนเรากินมูลาเต้ของแดรี่ควีนน่ะค่ะ)
พวกเราเลือกซื้อบัตเตอร์เบียร์แบบ 2 กัน และก็ไปยืนดื่มตรงมุมใกล้ๆลานแสดง…สักพักพอเราดื่มหมดไปล้างแก้วเรียบร้อย กลับมาก็เจอการแสดงคณะนักร้องประสานเสียงเด็กนักเรียนฮอกวอตส์กับกบค่ะ ร้องหลายเพลงเลย 1 ในนั้นก็เพลง Double Trouble นั่นเอง…พอการแสดงจบก็มีให้ถ่ายรูปกับนักแสดงด้วยได้อีกเช่นเคย คราวนี้ขอถ่ายรูปด้วยละ ผลัดกันเป็นตากล้องเนี่ยแหละ ได้ถ่ายกับสาวบ้านกริฟฟินดอร์ผมบลอนด์ นางยังทักเลย อ้าว! บ้านเดียวกันนี่ แต่ตอนถ่ายกับทอม ริดเดิ้ล พี่ลิลี่ก็ยังมิวายแกล้งแหย่นางอีก ระวังนะ! นี่ทอม ริดเดิ้ล
ตอนนั้นท้องฟ้ามืดเรียบร้อย (ประมาณไม่ถึง 6 โมงเย็นดี พระอาทิตย์ก็ตกแล้ว) พวกเราลุยเข้าร้านค้าอื่นๆต่อ เริ่มจากร้านที่มีแต่หน้าร้านโชว์ก่อนคือ ร้าน Spintwitches Sporting Needs (มีโชว์ของพวกอุปกรณ์ควิดดิชหน้าร้าน) กับร้าน Tomes and Scholls (มีโชว์พวกหนังสือหน้าร้าน) ทั้งสองร้านนี้ไม่เคยถูกกล่าวถึงในหนังสือค่ะ…ข้างๆร้าน Tomes and Scholls จะมีซุ้มรถเข็นขายของเล็กๆสีเขียวชื่อร้าน The Magic Neep ด้วย (ไม่มีปรากฏในหนังสือ) ก็ขายของจุกจิกเล็ก ๆ นะ
ร้านต่อมาคือร้านเดอร์วิสแอนด์แบนเจส ร้านนี้ถ้ายึดตามเนื้อเรื่องในหนังสือจะเป็นร้านขายเครื่องมือของวิเศษ…ส่วนที่สวนสนุกนี้ ตัวร้านจะอยู่มุมด้านหลังร้านเสื้อผ้าพ่อมดแกลดแร็กส์ ซึ่ง 2 ร้านนี้ตัวร้านด้านในจะเชื่อมต่อกันกับที่ทำการไปรษณีย์นกฮูกด้วย
หน้าร้านเดอร์วิชแอนด์แบนเจสจะมีโชว์โครงสร้างอัฒจันทร์ควิดดิช กับหุ่นโชว์ชุดนักเรียนฮอกวอตส์
ด้านหน้าตรงถนนหลักจะมีร้านเสื้อผ้าพ่อมดแกลดแร็กส์ ที่ทำการไปรษณีย์นกฮูก และโรงนกฮูก
ในตัวร้านเดอร์วิชแอนด์แบนเจสภาพรวมส่วนใหญ่ของขายก็เหมือนที่ห้องทำงานฟิลช์ จะมีพวกเข็มกลัด ปากกา สมุด ลูกควัฟเฟิล สนีกโคสโคป และอีกจิปาถะขาย
แล้วก็มีของโชว์เช่นหนังสือ ‘ปีศาจว่าด้วยเรื่องปีศาจ’ ใส่อยู่ในกรง แล้วก็แผงหนังสือเดอะควิบเบลอร์
กับร้านนี้เงินพี่ลิลี่สูญไปกับนาฬิกาข้อมือลายบ้านกริฟฟินดอร์ (2,800 เยน) กับปากกาไม้กวาดนิมบัส 2001 (2,200 เยน) แฮะ ๆ ห้ามใจตัวเองไม่ได้
หน้าร้านเสื้อผ้าพ่อมดแกลดแร็กส์จะมีโชว์ชุดออกงานเต้นรำของแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ในหนังภาค 4
ส่วนด้านในร้านจะมีโชว์ชุดออกงานเต้นรำของเฟลอร์กับโช…ร้านนี้จะขายพวกเสื้อผ้าเป็นหลัก และก็มีหมวก ถุงเท้า กระเป๋าถือแบบของเฮอร์ไมโอนี่ในหนังภาค 7 ด้วย
หน้าร้านที่ทำการไปรษณีย์นกฮูกจะตกแต่งเป็นพวกนกฮูกกับกล่องพัสดุต่างๆ
ด้านในร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีเขียวมีกล่องพัสดุวางใกล้เพดาน สินค้าที่ขายจะเป็นพวกแสตมป์และโปสการ์ด รวมถึงสมุดโน้ตด้วย
สำหรับใครที่อยากซื้อโปสการ์ดพร้อมแสตมป์เขียนส่งกลับมาที่ไทย ก็ซื้อได้เลยที่นี่ มีหลายลายให้เลือก ราคาอยู่ที่ 700 เยนค่ะ ซื้อแล้วเขียนส่งที่ไปรษณีย์ด้านนอกตัวร้านได้เลย เขาจะมีประทับตราฮอกส์มี้ดให้ด้วยนะ ไปนั่งเขียนตรงโรงนกฮูกก็ได้
พอส่งไปรษณีย์เสร็จ พวกเราก็เหลือเก็บรายละเอียดจุดสุดท้ายคือสถานีฮอกส์มี้ด…จริงๆเขาไม่ให้ถ่ายรูป อัดวีดีโอหรอก เพราะเขาเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับให้ถ่ายรูปเสียตัง แต่เขาห้ามพี่ลิลี่ช้าไป พี่เลยอัดวีดีโอได้ ฮ่าๆ (ช่างชั่วร้ายนัก!!)
จากนั้นพวกเราก็วกไปซื้อบัตเตอร์เบียร์แบบแช่แข็งราคา 1,200 เยนกันอีกรอบ แล้วไปนั่งดื่มกันตรงที่นั่งด้านนอกร้านไม้กวาดสามอันที่เห็นวิวปราสาทนั่นแหละค่ะ…เอาตามความเป็นจริงนะ ตอนนั้นไม่ได้ดื่มชิลๆกันหรอก ต้องเรียกว่ารีบดื่มมากกว่า เพราะเวลาล่วงเลยไป 1 ทุ่มครึ่งแล้วยังไม่ได้เข้าเล่นเครื่องเล่นอะไรกันเลย ฮ่า ๆ
พอดื่มเสร็จก็ถึงเวลาลุยค่ะ ไปเล่นเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff ก่อนเลย…สำหรับเครื่องเล่นนี้เป็นรถไฟเหาะรูปฮิปโปกริฟฟ์ ระดับแรงเหวี่ยงเด็กๆมากเลยแหละ ไม่มีการตีลังกา รวมเวลาต่อแถวและได้เล่นก็ประมาณ 40 นาทีได้…ระหว่างทางต่อคิวด้านในก็จะเจอกระท่อมแฮกริด บัคบีค และก็รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของซิเรียสด้วยนะ…พอถึงคิวเล่น เจ้าหน้าที่จะให้เราเดินข้ามตัวเครื่องเล่นที่เป็นที่นั่งแบบไม้สาน เอาของส่วนตัวไปวางที่ชั้นก่อน แล้วค่อยมานั่งกันเป็นคู่ๆ ล็อตๆ แล้วก็เล่นเลย ฮิ้ว!! กรีดร้องเอามันเร็ว!!
พอเล่นเสร็จ Flight of the Hippogriff เสร็จ เหลือเวลาราวๆ 40 นาทีก่อน 3 ทุ่ม พวกเราก็รีบไปที่ปราสาทต่อเลย ไปเล่นเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey
ด้านในตัวปราสาทเส้นทางการเดินต่อคิวก็เหมือนกับตอนเดินชมปราสาทเลยค่ะ เดินไปเรื่อยๆจนถึงห้องล็อกเกอร์ แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ใบแนะนำการใช้ล็อกเกอร์ให้พวกเราจัดแจงเก็บสัมภาระยัดเข้าไปให้รอด…อ่อ! ล็อกเกอร์มีแค่ไซส์เดียวนะ สูงประมาณข้อแขนช่วงบน แต่ยาวลึกเท่าทั้งแขน ตอนใช้ก็ระวังด้วยเพราะล็อกเกอร์มันสปริงปิดตัวแรง อาจข่วนรอยถุงพลาสติกที่เราซื้อได้ T^T ส่วนจะใช้ล็อกเกอร์กี่ตู้ก็แล้วแต่เลย ต้องเตรียมเหรียญ 100 เยนไว้หยอดตู้ด้วยนะ แต่ตอนมาเอาของคืนก็ได้เหรียญคืนจ้า ตัวกุญแจจะคล้องกับสายรัดข้อมือให้เราใส่ได้สะดวก…จากนั้นก็ไปห้องกระจกเงาที่มีเครื่องเล่น
ในส่วนเครื่องเล่น (ถ่ายรูปให้ดูไม่ได้ แต่ก็เห็นมีคนเคยอัดวีดีโอลงยูทูปของที่สวนสนุกที่อเมริกาอยู่นะ ตามคลิปด้านล่างเลย) จะมีการใช้เอฟเฟคท์ 3D ค่ะ มีทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งลม ทั้งไฟปลอม ทั้งควันพุ่งหน้าให้ฟินดี…ที่นั่งจะเป็นแบบ 4 ที่นั่งต่อแถวเวียนมาเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่จะจับกลุ่มให้พวกเราไปขึ้นทีละ 4 คน…แล้วจากนั้นก็นั่งเล่นที่นั่งเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแบบไม่แรงมาก เดี๋ยวเงยหน้า เดี๋ยวหน้าทิ่ม อารมณ์แบบกำลังขี่ไม้กวาดไปพร้อมกับแฮร์รี่ไปเจอหลายสถานการณ์เด่นๆ เช่น แข่งควิดดิช หนีลูกบลัดเจอร์ หนีมังกร (มีหุ่นมังกรพ่นไฟปลอมกับควันใส่เราด้วยนะ) หนีผู้คุมวิญญาณ หนีแมงมุมอาราก็อก และอีกสารพัดฉากจนไปจบที่หน้าประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่ฮอกวอตส์ตัวละครทุกคนในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ปรบมือให้…เล่นจบ ฟินเลย ชอบมากๆ อยากเล่นต่อ แต่เวลาจะ 3 ทุ่มละ เขาจะปิดสวนสนุกละ
[ตัวอย่างเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey]
พวกเราไปเอาของในล็อกเกอร์ แล้วก็ออกทางร้านห้องทำงานฟิลช์ซึ่งคนว่างมากๆ (แหม! อยากอัดวีดีโอนะ แต่เกรงว่าจะโดนเจ้าหน้าที่ดุเอา ฮ่าๆ)…พวกเราเดินชมของอีกหน่อย และก็ซื้ออีกจนได้ คราวนี้พี่ลิลี่เผลอใจไปซื้อของพวกนี้ล่ะ…แฟ้มลายแผนที่ตัวกวน (650 เยน) แฟ้มลายแฮร์รี่กับสวนสนุก (500 เยน) ขนมกล่อง (1,600 เยน) ถุงพลาสติกใส่ของไซส์ใหญ่ลายตราประจำบ้าน 4 บ้าน (950 เยน)…ซื้อของเสร็จก็ปาไปราวๆ 3 ทุ่มครึ่ง (ได้ข่าวว่าเขาปิด 3 ทุ่มนะ ฮ่าๆ) เจ้าหน้าที่เริ่มแจ้งให้คนที่มาเที่ยวที่เหลือออกนอกโซน
พวกเราเองเป็น 2 คนสุดท้ายที่ออกจากโซนแฮร์รี่ ดี๊ด๊ากันมากค่า ก็ตอนนี้พื้นที่นี้มันเป็นของพวกเราแล้วนี่ แต่ก็มิวายเดินอ้อยอิ่งถ่ายรูปวิวกลางคืนอีกนิด ทำตัวเป็นเด็กอีกหน่อย เดินหมุนตัวร้องว่า This is my world! Hogwarts is my home! อย่างไม่แคร์ใคร (ก็เหลือกันอยู่แค่นี้เนอะ ต้องแคร์เหรอ อิอิ) ก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย เดินเริงร่าออกจากโซนแฮร์รี่
ไปเข้าร้านค้าหน้าทางออกสวนสนุกที่ยังไม่ปิดซื้อของอีกหน่อยกรณีพี่ลิลี่คือ กบช็อกโกแลต (1,200 เยน) กับปากกาไม้กวาดไฟร์โบลต์ (2,200 เยน) เป็นอันปิดท้ายทริปสุดสนุกอีกทริปหนึ่งเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ^^
***************************************************************************
แหล่งอ้างอิง
– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 19 [1/2]
– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 19 [2/2]
– เว็บไซต์ Universal Studio Japan (อ้างอิง)