ตอนนี้ใครอยากไปเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Japan กันบ้าง ยกมือขึ้น!!! บางคนอาจทำหน้างง แล้วก็คงคิดว่า ‘มันมีอะไรดีเหรอ?’ อืม! ก็มี The Wizarding World of Harry Potterไงล่ะ! และก็เป็นที่แรกในเอเชียด้วยนะ ไปง่ายและประหยัดกว่าไปอเมริกาเยอะ อิอิ
เอาล่ะถ้าพร้อมแล้ว เดี๋ยวพี่ลิลี่จะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน ไปเมืองโอซาก้ากันนะ Go Go!
วันที่ 10 ตุลาคม 2014
วันนี้พวกเรา [ทริปนี้ไปเที่ยวกัน 2 พี่น้อง คือพี่ลิลี่ พอตเตอร์ (จาร์) – แฟนพันธุ์แท้แฮร์รี่ พอตเตอร์ 2014 และ พี่ทอม ริดเดิ้ล (โจ้) – สุดยอดแฟนพันธุ์แท้แฮร์รี่ พอตเตอร์ 2014, เว็บมาสเตอร์มักเกิ้ลวี] ออกจากโรงแรม (Consort Hotel) ที่พักราวๆ 8 โมง…เช็คมาแล้วว่าวันนี้สวนสนุกจะเปิดตอน 9 โมงจนถึง 3 ทุ่ม ซึ่งพวกเราควรไปถึงก่อนสวนสนุกเปิดสิ จะได้คุ้ม!! และจะได้กันปัญหาคนเยอะทะลักด้วย
พวกเรา 2 คน (ทอม ริดเดิ้ลในชุดคอสเพลย์จัดเต็ม เรียกกระแสให้ลุงๆ ป้าๆ วัยรุ่นแถวนั้นหันมองได้ชัดเจน และลิลี่ พอตเตอร์ที่ยังไม่ใส่เสื้อคลุมกริฟฟินดอร์) นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีหน้าที่พักคือ สถานี Nishinakajima Minamigata (ชื่อยาวเอาโล่มากๆ!!) ไปลงที่สถานี Umeda (จ่ายคนละ 180 เยน) แล้วเดินต่อไปขึ้นรถไฟสาย JR Osaka Loop ที่สถานี Osaka ไปลงที่สถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนสายไปนั่งรถไฟสาย JR Yumesaki ไปลงสถานี Universal City (จ่ายคนละ 180 เยน)
[แผนที่เส้นทางรถไฟ >>คลิกที่นี่<<] [ตารางเวลารถไฟ >>คลิกที่นี่<<]
ตอนแรกพวกเราก็เดินทางกันตามปกติ พยายามฟังเสียงประกาศในรถไฟว่าถึงสถานีไหนกันแล้ว ตามประสาคนที่มี sense ด้านเส้นทางดีเลิศระดับเบอร์ธา จอร์กิ้นส์กันทั้งคู่ แต่ทีนี้เซ้นส์อันทรงพลังก็เริ่มก่อกวนเข้าให้ตอนนั่งรถไฟสาย JR Yumesaki…พวกเรายึดตามแผนที่ว่า นั่งจากสถานี Nishikujo แค่สถานีเดียวก็ถึงน่า แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่อย่างนั้น…เจ้าหน้าที่ประกาศชื่อสถานีมาเป็นชื่ออื่น (สถานี Ajikawaguchi)
เอาล่ะสิ! มาถูกขบวนเปล่าหว่า งั้นลงสถานีที่ว่านี้เช็คให้แน่ใจก่อนละกัน…พอลงมาสถานีเจ้ากรรม หันซ้ายแลขวา ป้ายบอกสถานีต่อไปคือ Universal City อ้าว! ก็ถูกนี่หว่า แหม! แผนที่หลอกหนูทำไม T^T จะขึ้นรถไฟก็ไม่ทันละ รอขบวนใหม่ก็ได้ ระหว่างรอเลยได้ถ่ายรูปรถไฟสกรีนลายกลุ่ม Trio (Harry, Ron, Hermione) กันเพลินๆไปก่อน และใส่เสื้อคลุมกริฟฟินดอร์ให้พร้อม เตรียมปะทะคอสเพลย์กับเด็กญี่ปุ่น
พอขึ้นรถไฟขบวนใหม่กันได้ และไปถึงที่หมายเกือบ 8 โมง 40 พวกเราเริ่มลุ้นแล้วว่าคนจะเยอะไหมนะ…คือยังไงพวกที่พักโรงแรมของสวนสนุก (ซึ่งแพงเกิ๊น) ก็ได้เริ่มเล่นก่อนอยู่แล้วล่ะ ส่วนพวกที่มาทีหลังอย่างพวกเราจะเยอะขนาดไหนกัน…ที่จริงที่เลือกเที่ยววันศุกร์ เพราะมองว่าวันธรรมดาช่วงเปิดเทอมแบบนี้ เด็กต้องไปเรียนหนังสือสิ ส่วนคนที่เป็นวัยทำงานแบบพวกเรา ปกติคนญี่ปุ่นจะขยันทุ่มเททำงานไม่ใช่เหรอ คงไม่มาหรอกมั้ง
แต่พอถึงที่จริงเข้าให้ หันไปหันมา อ้าวเฮ้ย!! ทำไมเด็กวัยรุ่นวัยเรียนมันยังเยอะอยู่อีกเนี่ย บางคนก็น่าจะอายุเท่าๆพวกเรา อาจมีมาจากจีนบ้าง เกาหลีบ้าง ไทยบ้าง แต่ญี่ปุ่นก็ยังมาเยอะ กลายเป็นว่าทฤษฎีเรื่องจำนวนคนเชื่อไม่ได้ซะแล้ว T^T…แต่ช่างเถอะ (อย่างน้อยจำนวนคนก็ยังดูน้อยกว่าตอนไปโตเกียวดิสนี่ย์แลนด์ช่วงปิดเทอมเด็กญี่ปุ่นวันเสาร์เมื่อเกือบ 7 ปีก่อนละว้า…คิดแง่บวกเข้าไว้!!) รีบไปประตูทางเข้าสวนสนุกดีกว่า
พอถึงประตูหลัก พวกเราก็จัดการแยกย้ายเซลฟี่ตัวเราเองกับประตูกันอย่างเมามัน บางทีก็โฟโต้บอมบ์กันเองแบบไม่ตั้งใจ (และในกรณีพี่ลิลี่เองก็อัดวีดีโอคลิปตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ด้วย ก็จัดไปค่า…ให้ทอม ริดเดิ้ลช่วยเป็นตากล้องเนี่ยแหละ) ไม่ก็ผลัดกันถ่ายรูป
พอถ่ายรูปกันหนำใจละ พวกเราก็เดินกันไปต่อในโซนซื้อตั๋ว ซึ่งคนเยอะมาก!!! (ก็นะ…คนอื่นเขาก็ต้องคิดแบบเราแหละ มาตอนเวลาเปิดเลย) ถ่ายรูป-ถ่ายวีดีโอเจอแต่หัวคนเป็นส่วนมาก ส่วนคนที่มาเที่ยวก็แต่งตัวหลากหลายรูปแบบนะ หลักๆคือ 1.ชุดธรรมดา 2.ชุดธีมผี (เพราะใกล้ฮัลโลวีน) และ 3.ชุดธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์
ตอนซื้อตั๋ว เราสามารถเลือกได้นะว่าจะเอาตั๋วแบบไหน คือจะเข้าเล่นกี่วันอะไรงี้ (เห็นว่ามีตั๋ว Twilight Pass ด้วย ประมาณว่ามาเล่นได้หลังบ่าย 3 โมง…คือถึงจะราคาถูกกว่า แต่ก็ไม่คุ้มค่าเรื่องเวลาเท่าไหร่นะ) และจะซื้อตั๋วพิเศษ Express Pass เสริมหรือเปล่า (กรณีถ้าอยากเข้าเล่นเครื่องเล่นได้เร็วๆ)
[ตั๋วประเภทต่างๆ >>คลิกที่นี่<<]
พวกเราซื้อตั๋วแบบ 1 วัน แบบที่รวมภาษีแล้ว ราคาคนละ 6,980 เยนค่ะ ไม่ได้ซื้อตั๋วพิเศษ Express Pass มาเสริมหรอก (เพราะอยากประหยัดเงินส่วนนี้ไปช้อปปิ้งซื้อของมากกว่า)…อ่อ อย่าลืมบอกเจ้าหน้าที่เขาด้วยว่าจะเอาแผนที่สตูดิโอไกด์ภาษาอะไร (หลักๆก็มีภาษาญี่ปุ่น จีน เกาหลี อังกฤษ)…ในกรณีพวกเรา เจ้าหน้าที่เห็นพวกเราคอสเพลย์มาชัดเจน เขาก็รู้เลย (แอบแซวพวกเราอีกตะหากว่าจะไปโรงเรียนใช่ไหม ฮ่าๆ) เลยให้ใบแนะนำการไปเอาตั๋วเวลาเข้าโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์ด้วย และตั๋วสำหรับเข้าสวนสนุกก็ได้มากันเป็นรูปแฮร์รี่ (พี่ทอมได้) กับรูปเฮอร์ไมโอนี่ (พี่ลิลี่ได้)
พอได้ตั๋วแล้ว ก็เดินไปตามทางหลัก
ทั้งๆที่ควรจะรีบไปจองตั๋วเวลาก่อน เพราะคนต้องเข้าโซนแฮร์รี่เยอะแน่ๆ แต่พวกเรากลับไม่ ฮ่าๆ ก็แหม! ไปเจอร้านนึงเข้า เค้าโชว์ของแฮร์รี่เยอะแยะเลยนี่หน่า พวกเราก็เลยโดนคาถาสะกดใจพาหลงเข้าไปโดยไม่รู้ตัว (เหรอ!?) ทั้งถ่ายรูป-อัดวีดีโอให้เกิดกิเลสกันเข้าไป อ่อ! ในร้านมีกระจกเงาแห่งเอริเซดอยู่ด้วยนะ
ธีมการจัดร้าน เขาก็พยายามให้ได้ฟีลแฮร์รี่อยู่นะ โดยทำแท่นเสาโค้งลงมาเหมือนที่เราเห็นในฉากหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์หรือตามโบสถ์วิหารที่อังกฤษ
ส่วนสินค้า ของที่ขายก็จะเป็นแบรนด์ของวอร์เนอร์เลย (ถึงแม้จะมีสินค้าของแบรนด์โนเบิล คอลเลคชั่นมาวางประดับก็เหอะนะ แต่ไม่มีขายจ้า เช่น ชุดไม้กายสิทธิ์กองทัพดัมเบิลดอร์) ส่วนใหญ่ก็จะมีคล้ายๆกับที่สตูดิโอทัวร์ที่อังกฤษ แต่ก็มีบ้างที่แตกต่างกันไป เช่น ขนมกล่องเหล็กลายแฮร์รี่กับสวนสนุก ถุงผ้า หรือหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ 7 เล่มในรูปแบบปกต่างๆ ขนาดต่างๆในภาษาญี่ปุ่น (เล่มย่อยอย่างเรื่องควิดดิชในยุคต่างๆ สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ บีเดิลยอดกวี ไม่มีนะ)
พอหลุดมาจากวังวนสถานที่ชวนเกิดกิเลส…พวกเราก็เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปแต่ละร้านไปเรื่อย
จนไปถึงหน้าทางเข้าโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่มีกลุ่มหินประหลาดแบบในหนังแฮร์รี่ภาค 3 (ในฉากบริเวณทางลงไปกระท่อมแฮกริด) พวกเราวนเวียนถ่ายรูปเล่นอยู่แถวนั้นพักนึงถึงมีสติกลับคืนจากคาถาสะกดใจโดยสมบูรณ์ เลยไปเห็นป้ายแนะนำวิธีไปเอาตั๋วเวลาเข้า (ที่จริงแผนที่กับใบแนะนำวิธีเจ้าหน้าที่ก็ให้มานะ แต่ไม่ค่อยดูกัน เก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นที่ระลึกไง กลัวยับไง)
ตรงจุดเอาตั๋วเวลาจะมีเจ้าหน้าที่คอยกดตั๋วให้จากตู้สีเขียว (ตอนนั้นคนเยอะมากเลยถ่ายรูป-อัดวีดีโอให้ดูไม่ได้) เจ้าหน้าที่จะเอาตั๋วหลักของเราไปสแกนแล้วให้เราเลือกรอบเวลา ตรงนั้นจะมีผังระยะเวลาประมาณการณ์ของเครื่องเล่นหลักๆให้ด้วยว่าคิวนานแค่ไหน
หน้าตาของตั๋วเวลาจะเป็นแบบนี้ เราจะเข้าโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว และเมื่อเข้าโซนแล้ว ถ้ากลับออกมาข้างนอกจะใช้ตั๋วเดิมไม่ได้อีก (เพราะคนเยอะไง เขาเลยจำกัดรอบเวลาคนเข้า แต่พอเข้าได้แล้ว เขาก็ไม่ได้จำกัดเวลาอยู่ในโซนหรอกนะ)
พอได้ตั๋วเวลามาแล้ว พวกเราก็กลับไปปักหลักอยู่ตรงกลุ่มหินประหลาดเหมือนเดิม รออีกประมาณชั่วโมงกว่าจะได้เข้า (คิดกันว่าต่อให้ไปเล่นเครื่องเล่นที่โซนอื่นก่อนก็ต้องเข้าแถวรอนานอีกอยู่ดี)…ระหว่างรอก็มิวายถ่ายรูปเล่นกันเข้าไป ท่ามกลางอากาศเย็นลมพัดกำลังดีเป็นพักๆสลับกับร้อนแดดเปรี้ยงบ้างเป็นบางที มุมถ่ายรูปดีๆบางจุดก็เจอย้อนแสงเข้าให้หน้าดำกันเลยทีเดียว…พอเจ้าหน้าที่เปลี่ยนป้ายคิวเวลาเป็น 10 โมง 40 พวกเราก็เริ่มสแตนด์บาย หรือถ้าเรียกง่ายๆก็คือเสนอหน้าไปถามเจ้าหน้าที่ก่อนนั่นเอง ฮ่าๆ ว่าจะเข้าได้ยัง (ในเมื่อคนเดินเข้ายังน้อยอยู่)…เจ้าหน้าที่ดูตั๋วเวลาพวกเราเลยพยักหน้าบอกให้เข้าได้เลย เย้!!!
เดินเข้ามาตามเส้นทางป่า (จำลอง) ที่คดเคี้ยวไปเรื่อย ฟังเสียงเพลงประกอบบิ้วท์อารมณ์สักพัก พวกเราก็เจอรถฟอร์ดแองเกลียเข้า…แหม!! รถนี่ยังกับเซเลบเลยล่ะ คนถ่ายรูปด้วยเยอะมาก กว่าพวกเราจะหาจังหวะถ่ายรูปได้ เล่นเอานานเหมือนกัน ฮ่าๆ
ถัดจากรถฟอร์ดแองเกลียไปนิดหน่อยก็คือซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านฮอกส์มี้ด (ที่มีคนเยอะมากกกกกกก…ส่วนใหญ่พวกที่คอสเพลย์จะเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ซะส่วนใหญ่ รองลงมาก็สลิธีริน ส่วนเรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟเจอน้อยมากๆ)
พอเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน ด้านขวามือเราจะเจอรถไฟด่วนฮอกวอตส์ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหมู่บ้านฮอกส์มี้ด…และก็เหมือนเดิม คนถ่ายรูปด้วยเยอะมากกกกกกกกกกกกก…จนสักพักนึงก็มีคุณลุงเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเดินมาทำท่าตรวจเช็คสภาพรถไฟ และให้บรรดามักเกิ้ลและพ่อมดแม่มดวัยเฮี้ยวอย่างพวกเราถ่ายรูปด้วย…แต่กว่าจะได้ถ่ายรูปกันก็ต้องรอนานหน่อยนะ เพราะแต่ละคนก็อยากถ่ายมุมดีๆกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าโฟโต้บอมบ์กันก็ต้องยอม
ส่วนด้านซ้ายมือ เราจะเจอบรรดาร้านค้าต่างๆในหมู่บ้านฮอกส์มี้ด ซึ่งมีทั้งร้านที่ถูกกล่าวถึงเป็นที่รู้จักกันในหนังสือ และร้านที่ปรากฏเฉพาะในหนังและเกม
เริ่มด้วยร้านแรก…ร้านซองโก้…ร้านขายของตลกที่ฝาแฝดเฟร็ด-จอร์จชอบไปกันสมัยเรียน
โดยร้านซองโก้จะอยู่ติดกับร้านฮันนี่ดุ๊กส์ ร้านขนมขวัญใจนักเรียนฮอกวอตส์
ภายในร้าน 2 ร้านนี้จะเชื่อมต่อกัน ถ้าจะเข้าตัวร้านต้องต่อแถว ย้ำนะว่าต่อแถว! เพราะแม้จะเป็นแค่ร้านขายของคนก็เข้ากันเยอะ เข้าแถวไปเรื่อยๆก็ได้เข้าร้านตอนเกือบเที่ยงตรงทางเข้าร้านฮันนี่ดุ๊กส์ ประตูทางเข้าจะอยู่ข้างร้านไม้กวาดสามอัน
สินค้าในร้านฮันนี่ดุ๊กส์จะมีคอนเซพท์เป็นพวกของกินทั้งหลายแหล่…พอเข้าร้านจะเจอบันไดวนสีชมพูมีกระปุกขนมตั้งโชว์ ส่วนบรรยากาศในร้านจะเน้นสีเขียว มีกระปุกใส่ลูกอมกับเยลลี่วางเรียงโชว์ทั่วทิศทาง รวมถึงบนชั้นวางทั่วเพดานร้านด้วย!!
ขนมที่จะซื้อได้หลักๆจะวางอยู่ในชั้นโชว์ของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กบช็อกโกแลต (1,200 เยน) เยลลี่เม็ดเบอร์ตี้บอตต์ (1,800 เยน) น้ำฟักทอง (800 เยน) และอีกสารพัด
นอกเหนือจากของกิน ก็มีอย่างอื่นด้วย เช่น พวงกุญแจ (1,500 เยน) ดินสอ ปากกา แก้วลายกบช็อกโกแลต (3,240 เยน) แก้วลายเยลลี่เม็ดเบอร์ตี้บอตต์ (2,000 เยน)
ตอนแรกก็ว่าจะยังไม่ซื้ออะไรนะ ขี้เกียจถือของเยอะก่อนไปเล่นเครื่องเล่น บวกกับรู้สึกเฉยๆกับพวกของกินและของเล่นพลาสติก (คือชอบเก็บไม้กายสิทธิ์มากกว่า) แต่เห็นทอม ริดเดิ้ลจัดการคว้าน้ำฟักทองไปละ งั้นเอาด้วยคนก็ได้ แหะๆ
ส่วนร้านซองโก้ ร้านนี้จะตกแต่งในโทนสีแดง…สินค้าจะเป็นพวกของเล่นพลาสติกซะเยอะ เช่น หูยาวยืด สนีกโคสโคป (1,600 เยน)…นอกจากนี้ก็มีหมวกตลก ตุ๊กตาพิกมี่พัฟ เสื้อพิกมี่พัฟ พวงกุญแจพิกมี่พัฟ ที่ปิดหูพิกมี่พัฟด้วย
บนเพดานร้านจะเห็นว่าวรูปมังกรและดอกไม้ไฟด้วยนะ
พอช้อปเสร็จ จ่ายเงินเรียบร้อยจะออกตรงทางออกร้านซองโก้ก็ได้ หรือออกตรงประตูหลังร้านฮันนี่ดุ๊กส์ก็ได้…ถ้าจะให้แนะนำ พี่ลิลี่ว่าออกทางประตูหลังเนี่ยแหละดี คนไม่เยอะ แล้วเราจะได้ถ่ายรูปกับของโชว์ด้วย ฮ่าๆ
เวลาราวๆเที่ยงครึ่ง พวกเราก็ไปหามื้อกลางวันกินกันที่ร้านไม้กวาดสามอัน ร้านนี้ก็ต้องเข้าแถวอีกเช่นเดิมจ้า
ระหว่างต่อแถว ตรงหน้าร้านจะมีป้ายแนะนำเมนูอาหาร กับป้ายประกาศจับซิเรียสด้วยนะ
พอเข้าไปในร้านแล้วก็ยังต้องต่อแถวอยู่ดี เราจะต้องไปสั่งอาหารและจ่ายก่อน แล้วถึงเอาใบสั่งอาหารไปยื่นแลกอาหารที่เคาท์เตอร์
บรรยากาศในร้าน
สำหรับเมนูอาหารที่มีขายก็สไตล์อาหารตะวันตกจริงๆเลย และก็ราคาแพงแหละถ้าเทียบกับร้านอาหารข้างนอกประมาณ 2-3 เท่า แต่ก็ต้องกินอ่ะเนอะ
และนี่ก็ตัวอย่างอาหารค่ะ พวกเราสั่งกันคนละแบบ พี่ลิลี่สั่ง Pork Ribs Platter (2,000 เยน) กับน้ำมะนาว (300 เยน) ส่วนพี่ทอมสั่ง Chicken and Pork Ribs Platter (1,950 เยน) กับน้ำแอปเปิ้ล (410 เยน)
พอได้อาหารแล้วจะมีเจ้าหน้าที่จัดหาที่นั่งให้ เขาจะถามว่าจะกินด้านนอกหรือด้านใน พวกเราอยากได้บรรยากาศก็เลยเลือกนั่งด้านในกัน…และพอกินเสร็จ พวกเราพยายามเดินหาที่วางถาดอยู่นะ แต่เจ้าหน้าที่เขาดูแลดีมากเลย เขาเข้ามารับไปจัดการให้ค่ะ…หลังจากนั้นพวกเราก็เดินซอกแซกสำรวจตัวร้านไม้กวาดสามอัน จนเดินทะลุไปทางออกฝั่งร้านหัวหมู
อ่อ! พูดถึงร้านหัวหมูหน่อย ขึ้นชื่อว่า ‘หัวหมู’ ก็มีหัวหมูประกอบด้วย และมีบันไดขึ้นชั้นบนที่มีเสียงประกอบคนทำลังแก้วหล่นโครมๆด้วย
ร้านนี้จะมีเครื่องดื่มขาย ตามที่เข้าใจคือมีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย เพราะหน้าประตูทางออกมีป้ายเตือนว่าเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (ประเทศนี้ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องนี้มากนะ)
ด้านนอกร้านหัวหมูค่ะ
พอออกจากร้านหัวหมูก็จะเจอร้าน Dogweed & Deathcap อยู่ข้างๆ…ร้านนี้ไม่มีพูดถึงในหนังสือนะคะ ที่สวนสนุกนี่ทำไว้แค่เป็นหน้าร้านโชว์พวกต้นไม้ประหลาดค่ะ…เราจะเห็นต้นมิมบูลัส มิมเบิลโทเนีย และก็ต้นแมนเดรกที่หน้าร้านนี้
เลยจากร้าน Dogweed & Deathcap จะเป็นทางเดินเข้าไปโซนที่นั่งทานอาหารด้านนอกของร้านไม้กวาดสามอันกับร้านหัวหมูค่ะ จุดที่นั่งตรงนี้เราจะเห็นวิวปราสาทฮอกวอตส์ด้วย
ถัดมาเป็นห้องน้ำชาย-หญิงค่ะ จะมีป้ายติดว่า Public Conveniences…ห้องน้ำที่นี่น่าสนใจนะ รูปแบบห้องน้ำเขาออกแบบเป็นห้องน้ำไม้สีเขียวเหมือนในหนังภาค 1 ฉากตอนสู้กับโทรลล์…แต่แค่นี้ยังไม่เด็ดพอหรอกนะ ที่เด็ดเลยคือมีเสียงเมอร์เทิลพูดภาษาญี่ปุ่นมุ้งมิ้งให้เราฟังตลอด…บอกเลยว่าชอบ ฟังเพลินดี อิอิ
ข้างๆห้องน้ำหญิงจะมีหน้าร้านน้ำชาของมาดามพุดดี้ฟุตโชว์ด้วย ดีไซน์ออกมาชมพูหวานเว่อร์ มีถ้วยน้ำชาและเค้กตกแต่งน่ารักโชว์
*ยังมีตอนต่อไปอีกนะคะ
ตอนที่ 2 >>คลิกที่นี่<<
***************************************************************************
แหล่งอ้างอิง
– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 19 [1/2]
– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 19 [2/2]
– เว็บไซต์ Universal Studio Japan (อ้างอิง)