ขอเริ่มต้นด้วยการเตรียมตัวก่อนการเดินทางเลยนะครับ แต่ขอตัดรายละเอียดบางจุดไป รอพี่จาร์ (Lily Potter) ของเรามาเขียนตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ แบบละเอียดในส่วนนี้อีกทีนะครับ ^^
ผมเตรียมตัวสำหรับการหมดตัวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เงิน 10,000 บาท หรือประมาณ 35,000 เยน สำหรับค่าเข้าสวนสนุกแบบ 1 วันอยู่ที่ 6,980 เยน หรือประมาณ 2,100 บาท (รายละเอียดตั๋วแบบอื่นๆ ดูได้ที่ Universal Studios Japan) ส่วนค่าเดินทางจากไทยไปญี่ปุ่นรวมขาไปและกลับก็ตกประมาณ 12,000 บาท (ถ้าจองช่วงโปรโมชั่นดีๆ เด็ดๆ จะได้สะใจกว่านี้อีก) เอาล่ะพอเงินพร้อมแล้วก็ลุย! 55+
ต้องบอกก่อนว่าผมเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 6 แต่มีแผนสำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ วันที่ 10 ซึ่งเช้าวันที่ 10 ตุลาคม แอดมินกับพี่จาร์ (Lily Potter) ออกเดินทางไปถึง Universal Studios Japan ประมาณแปดโมงครึ่ง ตอนขามารถไฟไม่มีลายแฮร์รี่ แต่พอลงถึงสถานี Universal City ก็เจอรถไฟลายแฮร์รี่ พอตเตอร์!
จากนั้นเราก็เดินออกจากสถานีไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งร้อนอะไร (เพราะปวดล้าขามาหลายวัน ฮ่าา) อากาศเย็นๆ มีร้อนบ้างนิดหน่อย แต่ไม่เหมือนบ้านเรา (ร้อนลูกเดียว) เห็นกลุ่มที่เดินไปทางเดียวกันหลายคนเหมือนกัน จุดแรกที่เราเจอหลังจากลงสถานีรถไฟ Universal City แล้วเดินมาเรื่อยๆ ตามฝูงชน ก็คือซุ้มประตูทางเข้าที่ประดับด้วยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไปตลอดทาง มีแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี รอน มาให้การต้อนรับข้างหน้า แล้วถ้าหันไปทางขวาก็จะเห็นยอดปราสาทฮอกวอตส์อยู่ไกลๆ ด้วย!
จากซุ้มประตูด้านหน้าเข้าไป ก็จะเจอกับช่องจำหน่ายตั๋ว คนต่อคิวกันเต็มทุกช่องเลย แต่ไม่ได้เยอะมากอะไร ตรงจุดจำหน่ายตั๋วเราจะเห็นฮอกวอตส์อยู่ไกลๆ อีกเหมือนกัน มีคนที่ยืนรอตั๋วแต่งคอสเพลย์ธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์จำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะมาแนวฮาโลวีนมากกว่า เพราะสวนสนุกกำลังโปรโมตฮาโลวีนช่วงนี้ สำหรับค่าเข้าสวนสนุกแบบ 1 วันอยู่ที่ 6,980 เยน หรือประมาณ 2,100 บาท (รายละเอียดตั๋วแบบอื่นๆ ดูได้ที่ Universal Studios Japan)
อ้อ! ตรงจุดจำหน่ายตั๋วอย่าลืมขอ Guide Book ด้วยนะ ไม่งั้นอด Guide Book แฮร์รี่นะ มีทั้งญี่ปุ่น จีน และอังกฤษครับ แต่ขอมาแค่อังกฤษ ไม่กล้าขอเยอะ 555 (แต่ใจจริงก็อยากขอมาเยอะๆ 555) จากภาพด้านล่าง อันจิ๋วๆ คือตั๋ว แถมตั๋วแต่ละคนได้ภาพไม่เหมือนกันด้วยนะ! ผมได้แฮร์รี่ พี่จาร์ได้เฮอร์ไมโอนี่ อันกลางคือใบคำแนะนำเล็กๆ ว่าต้องไปกดตั๋วต่อคิวสำหรับเข้าชมสวนสนุกโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วยนะ ไม่งั้นเข้าไม่ได้ ส่วนอันสุดท้ายก็คือ Guide Book ที่บอกให้ขอนั่นเองครับ ^^
จากนั้นผมกับพี่จาร์ก็เดินดุ่มๆ กันไปในสวนสนุก เพื่อหาทางดิ่งกลับฮอกวอตส์ให้ไว 555 ระหว่างทาง ด้านขวามือก็เจอร้านที่หน้าร้านโชว์สินค้าแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีของขายในนั้น ซึ่งของแต่ละชิ้นก็เหมือนกับในโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ก็มีที่ไม่เหมือนเหมือนกันนะ ต้องเข้าไปดู เพราะข้างในจัดธีมห้องต้องประสงค์ ห้องถ้วยรางวัลครับ (บางคนอาจไม่รู้ว่าฉากห้องต้องประสงค์กับห้องถ้วยรางวัลใช้ฉากเดียวกัน)
(รูปภาพทั้งหมดอัปไว้ใน Gallery นะครับ)
ระหว่างที่เราเดินหาทางไปโซนแฮร์รี่อิงจาก Guide Book แต่ด้วยความที่ไม่ได้อ่านไอ้แผ่นกลาง ก็เลยงงว่าไปกดตั๋วต่อคิวตรงไหนนะ สุดท้ายเสียเวลาต้องย้อนกลับออกจากแนวหินในภาค 3 ที่ผมขอเรียกว่าสโตนเฮนจ์ กลับไปกดตั๋วรอคิว ได้คิว 10:50 รอกันพักใหญ่ๆ 1 ชั่วโมงโดยประมาณ เดินเล่นถ่ายรูปอยู่แถวสโตนเฮนจ์รอไปพักใหญ่ๆ คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่หันมาจ้องหน้าเราสองคน ด้วยความที่คอสเพลย์แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่จริงๆ แล้วเราโดนมองตั้งแต่ขึ้นรถไฟละ 55
ช่วงที่รอคิวเนี่ย แดดร้อนเปรี้ยงมาก แต่ดีมีลมเย็นมาเป็นระยะๆ ตอนแรกก็คิดในใจจะมีคนขอถ่ายรูปไหมนะ ปรากฏว่าไม่มีครับ แถบไม่มีใครขอใครถ่ายรูปเลย ส่วนใหญ่คือยืนมองลูกเดียว แล้วคนญี่ปุ่นนี่มองไม่ธรรมดา หันมองแบบจ้องกันจะๆ มองแล้วมองอีก 555 ไม่รู้จะดีใจหรือยังไงดี แต่ไม่เป็นไร ฟินต่อไป! เพราะตอนนี้คิวมาถึงเราแล้ว
เราสองคนค่อยๆ เดินลัดเข้าป่าไป ซึ่งตลอดที่รอคิวเราก็ได้ยินเสียงคุยภาษาไทยบ้างเหมือนกัน แต่ไม่มีใครจำเราสองคนได้ 55 จนเที่ยวหมดวันแล้วก็ยังไม่มีคนไทยคนไหนทักเรา (เราก็ไม่ทักเขา) ทางเดินเข้าเป็นแบบป่าสนเหมือนเราเดินออกจากแนวป่าต้องห้ามที่เชื่อมไปยังฮอกส์มี้ดกับฮอกวอตส์ แต่จริงๆ ฮอกส์มี้ดก็ไม่ได้ติดกับป่าต้องห้าม และป่าในสวนสนุกอาจไม่ใช่ป่าต้องห้ามก็ได้ แต่แอดมินขอคิดว่าใช่ละกันเนอะ ^^
ระหว่างทางเดินออกจากป่า เราก็เจอกับรถฟอร์ดแองเกลียของครอบครัววีสลีย์ ตอนส่งเสียงดังปี๊นๆ คนรุมกันถ่ายรูปกระจาย แต่พอพวกเราที่ใส่ชุดคอส หรือใครที่ใส่ชุดคอสก็โดนถ่ายรูปไปด้วยเหมือนกัน เรียกว่ารถฟอร์ดแองเกลียคันนี้ มีคนรุมถ่ายเป็นเซเลปรัวๆ เลย
จากนั้นพวกเราก็เดินมาเรื่อยๆ ระหว่างทางก็มองหานักเรียนฮอกวอตส์บ้านอื่น ซึ่งคนแต่งบ้านเรเวนคลอ กับฮัฟเฟิลพัฟนี่น้อยมาก ฮัฟเฟิลพัฟนี่เรียกว่าน้อยสุดๆ เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทางเดินก็มาถึงแล้วครับ ซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านฮอกส์มี้ด!! ที่มาพร้อมกับเสียงของรถไฟสายด่วนฮอกวอตส์!
ฟอร์ดแองเกลียว่าคนถ่ายรูปด้วยเยอะแล้วนะ รถไฟยิ่งเยอะกว่า เยอะแบบโคตรๆ แทบไม่มีที่ว่างให้คนอื่นได้ถ่ายรูป คนที่ได้ถ่ายไม่ยอมเลิกถ่าย คนที่จะถ่ายก็พยายามจะเข้าแทรก 555 แล้วยิ่งนายสถานีมานะ ยิ่งกรูกันแบบนัวสุดๆ
ถ่ายรูปรัวกันพักใหญ่ๆ ก็เริ่มต้นต่อคิวเข้าร้านค้าต่างๆ เริ่มแรกที่ร้านฮันนี่ดุกส์ ต้องบอกเลยว่า แทบทุกจุดต้องต่อคิวสำหรับเข้าพื้นที่นั้นๆ ครับ แล้วคนญี่ปุ่นก็ถึกทนมากๆ ด้วย แอดมินพยายามถ่ายรูปมาแบบรัวๆ ให้เยอะที่สุด แต่ภาพส่วนใหญ่ไปติดตามต่อใน Gallery ละกันนะครับ เพราะมันเยอะมากจริงๆ 555
ซึ่งตัวร้านฮันนี่ดุกส์กับร้านซองโก้จะเชื่อมติดกัน คือต่อคิวเข้าชมร้านฮันนี่ดุกส์จะทะลุไปฝั่งร้านซองโก้ได้เลย ซึ่งแอบรู้สึกว่าของน้อยกว่าที่คิดเยอะเลย และแอบสลดใจเบาๆ รู้สึกถอดใจที่อุตส่าห์มา ประมาณว่า “มีของแค่นี้เนี่ยนะ!”
ภายในร้านฮันนี่ดุกส์ตกแต่งตามในภาพยนตร์ครับ ร้านอื่นๆ ก็เช่นกัน แต่เล็กกว่า แคบกว่า ที่สำคัญคนเยอะเลยถ่ายรูปได้ลำบากมาก ร้านเชื่อมต่อกันที่ว่าเป็นแบบนี้ครับ คือเหมือนร้านหุ้นส่วนกันยังไงยังงั้น
(บรรยากาศร้านฮันนี่ดุกส์)
(บรรยากาศร้านซองโก้)
เราเดินชมของกันได้สักพักก็หยิบเอาน้ำฟักทองมาคนละขวด ราคาขวดละ 800 เยน ตอนแรกกะจะซื้อเบอร์ตี้บอตต์แบบกล่องเต็ม (ราคา 1,800 เยน) สักกล่องแต่พอเห็นจุกที่ปิดด้านบนแล้ว บวกกับเคยกินมาแล้ว อาจมีรสแปลกที่เพิ่มมาก็จริง แต่ไม่ซื้อดีกว่า เพราะถ้าแกะกล่องแล้วคงให้อยู่ในสภาพเดิมยาก เพราะจุกปิดเป็นสกอตเทปแกะแล้วอาจจะขาด เลยไม่ดีกว่าตัดใจไป
ด้วยความที่พวกลูกกวาดกับของเล่นเด็กไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่ แล้วส่วนตัวไม่ค่อยชอบเก็บอะไรพวกนี้ ก็เลยเฉยๆ ของน่าซื้อสำหรับสองร้านนี้ไม่เยอะ ไม้กายสิทธิ์ชนิดทานได้ก็น่าซื้อ แต่กลับไทยคงละลายหายเกลี้ยง ส่วนร้านซองโก้ที่ชอบสุดก็เห็นจะเป็นพิกมี่พัฟฟูฟ่องตัวเบิ้ม แต่ราคาก็แพงไม่เบา สนีกโคสโคปราคา 1,600 เยน
หลังจากเดินดูของในร้านทั้งสองร้านเรียบร้อย ก็ออกมาจากทางหลังร้าน เจอกับประตูทางเข้าที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ แต่ฉากหน้าถ่ายรูปเลยขอมาสักหน่อย ตรงพื้นที่ส่วนนี้ถ่ายรูปได้สบายๆ เพราะไม่ค่อยมีคน ส่วนใหญ่ก็คือเดินผ่านไปกันหมด
แล้วพอใกล้เที่ยง เราสองคนก็เริ่มหิว แล้วถ้าหิวต้องไปที่ไหน? ร้านไม้กวาดสามอัน ที่หมู่บ้านฮอกส์มี้ดซิ! (ต่อคิวเข้าอีกเช่นเคย)
ต้องขอบคุณสภาพอากาศที่ไม่ร้อนทะลุจุดเดือดแบบบ้านเรา เพราะร้อนเย็นสลับกันไป การต่อคิวร้านไม้กวาดสามอันและร้านอื่นๆ ทำให้มีเวลาในการถ่ายรูปบรรยากาศได้เยอะมากๆ แต่คนเยอะอย่างกับเดินในตรอกไดแอกอน อ้อ! หน้าร้านไม้กวาดสามอันที่แผ่นประกาศจับซิเรียส แบล็กด้วยครับ แต่ถ่ายรูปลำบากมากเพราะแสงสะท้อนตลอดเวลาเลย
ต้องแนะนำก่อนครับว่า ใครที่อยากมาเพื่อซื้อของเยอะๆ อาจต้องเผื่อไว้สำหรับค่าอาหารในสวนสนุกสัก 2,500 เยนด้วยนะ ราคาอาหารค่อนข้างแพงครับ ขั้นต่ำสำหรับอาหารที่กินอิ่มเลยก็ 1,750 เยน ไม่รวมค่าเครื่องดิ่ม (ถ้าพกน้ำดื่มติดตัวไปด้วยจากตู้หยอดเหรียญนอกสวนสนุกจะได้ราคาประหยัดกว่า แต่ก็อดได้แก้วพลาสติกไป)
หลังจากที่สั่งอาหารพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อย ผมสั่ง Chicken and Pork Ribs Platter ราคา 1,750 เยน กับน้ำแอปเปิ้ล 410 เยน รวมราคาก็ 2,160 เยน เราก็จะได้บิลค่าใช้จ่าย กับใบคิว พนักงานจะบอกเราอีกครั้งว่าเราต้องไปรับอาหารที่สั่งจากเคาน์เตอร์ไหน แล้วเราก็มานั่งตามสบาย พนักงานจะคอยเลือกจุดที่นั่งให้ครับ สำหรับ 2 คน หรือแบบกลุ่ม เพราะให้รองรับจำนวนคนได้เพียงพอ สามารถนั่งทานในทั้งด้านในด้านนอก เราเลือกนั่งด้านในเพราะอยากฟินบรรยากาศร้านแบบเต็มๆ
หลังจากที่ทานเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเอาถาดอาหารไปกะว่าจะหาที่วาง พนักงานก็เดินเข้ามาแล้วรับไปวางให้ เราก็เดินไปตามทางในร้าน แล้วทะลุไปเจอร้านหัวหมูที่อยู่อีกฝั่ง คือร้านอยู่ในอาคารเดียวกันเหมือนฮันนี่ดุกส์กับซองโก้ครับ ตรงโซนร้านหัวหมูจะเป็นโซนเครื่องดื่มแบบแอลกอฮอล์ บัตเตอร์เบียร์ธรรมดาก็มีนะ แต่ไม่ได้ลองทานในร้านหัวหมู เพราะเฉยๆ กับเครื่องดื่ม บวกจะไปทานด้านนอกช่วงตอนเย็นเลยผ่านร้านหัวหมูไป แต่ก็เอาภาพมาฝากเหมือนเดิมครับ ^^
ตรงทางเดินขึ้นที่มีป้ายว่า INN GEUSTS จะมีเสียงคนทำของตกโครมครามด้วย
พอออกจากร้านหัวหมู เราก็ตรงไปเรื่อยๆ ตามทางเดินของหมู่บ้านฮอกส์มี้ด ด้วยความคิดว่าน่าจะเสกคาถาให้คนที่เหลือหายวับไปซะให้หมดๆ ความคิดชั่วร้ายของเราสองคนผุดขึ้นมาเป็นคาถาสารพัดว่าจะจัดการคนพวกนี้ให้หายไปยังไง พวกเราจะได้เดินเที่ยวเล่นได้แบบสบายๆ เลยจากร้านไม้กวาดสามอันและร้านหัวหมูมาแล้ว ก็จะเจอกับร้าน Dogweed & Deathcap (Exotic Plants & Flowers) ร้านนี้ไม่มีในหนังสือครับ แล้วในสวนสนุกก็เข้าไปในตัวร้านไม้ได้ครับ 55+ เป็นการโชว์จัดแสดงสินค้าหน้าร้านเฉยๆ ครับ ตรงหน้าร้านนี้จะเจอแมนเดรกด้วย ^^ มันจะออกมาร้องเสียงแหลมเป็นระยะๆ กับต้นมิมบูลัส มิมเบิลโทเนียที่เนวิลล์เขี่ยเล่นตอนภาค 5 ครับ
เดินเลยจากร้าน Dogweed & Deathcap มาหน่อยนึงก็จะเจอทางเข้าโซนนั่งทานอาหารด้านนอกร้านไม้กวาดสามอันครับ ตรงนี้มีอะไรดี เดี๋ยวรอดูนะครับ ^^ พอเลยจากจุดทางข้าโซนนอกร้านไม้กวาดสามอันแล้วก็จะเป็นห้องน้ำครับ ในห้องน้ำก็มีดี เพราะมีเมอร์เทิลส่งเสียงมุ้งมิ้งแบบญี่ปุ่น แล้วก็มีเสียงเอฟเฟกต์อื่นๆ เหมือนในภาค 2 เลย เข้าไปแล้วฟินมาก ถ้าไม่มีคนนะจะเอาหม้อใหญ่ไปนั่งปรุง 555 ว่าแล้วก็เอารูปห้องน้ำไปดู 55+ ยืนถ่ายแบบไม่สนสายตาชาวบ้านที่เข้าห้องน้ำเอาซะเล้ยย!
ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองถ่ายคลิปเสียงในห้องน้ำไว้ด้วย ปรากฏไม่ได้ถ่าย 555 สงสัยลืมกดบันทึก T_T เสียงฟินมากจริงๆ ครับ ใครมีโอกาสไป อย่าลืมไปนั่งฟังนะ
เอาล่ะ! ออกจากห้องน้ำแล้วไปเที่ยวต่อดีกว่า ร้านต่อไปที่อยู่ติดกับห้องน้ำก็คือร้านน้ำชาของมาดามพุดดี้ฟุตครับ ร้านนี้ก็เข้าไปในร้านไม่ได้เหมือนเดิม ได้แต่ยืนมองแล้วก็ถ่ายรูปรัวๆ ตรงร้านนี้สาวๆ มาถ่ายรูปกันเต็มเลย แล้วเจอคู่หญิงสูงอายุละ มาถ่ายทำหน้าแบ๊วกันสองสามีภรรยาน่ารักดีครับ
จากในภาพด้านบน สังเกตทางเข้ามืดๆ นะครับ ตรงนั้นเป็นจุดรอคิวสำหรับเข้าร้านไม้กายสิทธิ์ของโอลลิแวนเดอร์ครับ เราต้องเข้าไปต่อแถวตรงนั้น ซึ่งมันจะทะลุไปเจอกับทะเลสาบ!!! ซึ่งสวยมาก!!! แล้วตรงโซนทานอาหารนอกร้านไม้กวาดสามอัน นั่งทานแล้วเห็นวิวปราสาทชัดเจน สวยเฟอร์! พูดแล้วไม่เห็นภาพ ไปดูรูปดีกว่าเนอะ
พยายามหามุมที่เขาถ่ายโปรโมต แต่หาไม่เจอ น่าจะเป็นเขตที่คนทั่วไปเข้าไปถ่ายไม่ได้แหงมๆ
ระหว่างที่รอเข้าร้านโอลลิแวนเดอร์ เราก็ถ่ายรูปปราสาทกันแบบรัวๆ แต่ถ่ายค่อนข้างลำบาก เพราะหยุดเดินนานมากไม่ได้ การต่อคิวเข้าร้านโอลลิแวนเดอร์ในส่วนนี้เป็นการต่อคิวเข้าไปเจอกับมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ตัวเป็นๆ ครับ เป็นช่วงเวลาที่เขาจะเลือกใครสักคนมาเลือกไม้กายสิทธิ์ ซึ่งบรรยากาศในห้องนั้นสุดยอดมากครับ ทางเข้าไปตอนแรกคือห้องแคบๆ ที่มีกล่องไม้กายสิทธิ์เรียงเต็มไปหมด กระทั่งพนักงานผลึกประตูลับออกมา แล้วพาทุกคนไปในห้องที่เงียบสงบ มีกลิ่นคล้ายๆ กำยานจางๆ แล้วมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ก็ปรากฏตัวออกมาครับ… ว่าแล้วไปดูภาพและคลิปกันเลยดีกว่า ^^
ผมยืนมองหน้าร้านโอลลิแวนเดอร์อยู่พักใหญ่ๆ พยายามหาคำตอบว่าไม้กายสิทธิ์มันลอยได้ยังไงนะ แต่ก็หาคำตอบไม่เจอ 555
ซึ่งแอดมินรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับคนที่ได้รับเลือกไม้กายสิทธิ์ก่อนที่จะเข้าไปในร้านโอลลิแวนเดอร์ โดยมีพี่จาร์เป็นเหมือนล่ามช่วยขอถ่ายรูปให้ (งานนี้ต้องขอบคุณพี่จาร์หลายๆ รอบเพราะถ้าไม่มีพี่จาร์ก็เงิบไปหลายดอก 55) ที่ขอถ่ายเพราะชุดของเขาสวยมาก เป็นชุดลายหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต เลยต้องขอสักรูป ^^ แล้วปรากฏเขาก็ถูกเลือก! ปริ่ม! ถึงจะแอบเสียดายที่ตัวเองไม่ได้ถูกเลือกก็ตาม…
ความรู้สึกตอบเข้าไปในร้านโอลลิแวนเดอร์โซนเตรียมเข้าห้องทำงานของโอลลิแวนเดอร์ เกิดความรู้สึกคันมืออยากขโมยกล่องที่ใช้ตกแต่งใส่กระเป๋า 555 อยากได้มากกว่าของที่ขายซะอีก!
หลังจากที่ชมในส่วนของห้องทำงานของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่หน้าใสก็จะพาเราไปยังส่วนของร้านค้าที่ขายไม้กายสิทธิ์ครับ จะมีไม้กายสิทธิ์อยู่ 2 ประเภท คือ ไม้กายสิทธิ์ของตัวละคร กับไม้กายสิทธิ์ที่อิงไม้จากปฏิทินเคลติกครับ อย่างของแอดมินราศีเมษ จะต้องเลือกไม้วิลโลว์ อันสั้นๆ อย่างกับไม้ของอัมบริดจ์ รายละเอียดเฉยๆ จริงๆ แล้วไม้ก็ออกแบบมาไม่กี่แบบครับ ด้วยความที่วิลโลว์ดูไม่สวย สั้นๆ ก็ดูอันอื่นต่อ แล้วไปชอบใจไม้ Reed ซึ่งเป็นของคนที่เกิดช่วง 27 ตุลาคม – 24 พฤศจิกายน แต่ในร้านไม้ได้บอกนะครับว่าไม้แต่ละอันของคนเกิดวันไหน เน้นเลือกจากความหมายที่ระบุไว้ครับ
แต่ไหนๆ ก็รีวิวละ เผื่อใครอยากซื้อไม้ตามเดือนเกิด ก็จัดตารางปฏิทินเคลติกให้เลยละกัน
(จริงๆ แล้วแบบไม้เป็นแบบที่ออกแบบสำหรับใช้ในภาพยนตร์นั้นแหละครับ อย่างไม้โรวันกับออลเดอร์เนี่ย ออกแบบสำหรับผู้เสพความตาย)
23 ธันวาคม – 20 มกราคม ไม้เบิร์ช
21 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ ไม้โรวัน
18 กุมภาพันธ์ – 17 มีนาคม ไม้แอช
18 มีนาคม – 14 เมษายน ไม้ออลเดอร์
15 เมษายน – 12 พฤษภาคม ไม้วิลโลว์
13 พฤษภาคม – 9 มิถุนายน ไม้ฮอว์ทอร์น
10 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม ไม้โอ๊ก
8 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม ไม้ฮอลลี่
5 สิงหาคม – 1 กันยายน ไม้ฮาเซล
2 กันยายน – 29 กันยายน ไม้องุ่น
30 กันยายน – 27 ตุลาคม ไม้ไอวี่
28 ตุลาคม – 24 พฤศจิกายน ไม้รีด
25 พฤศจิกายน – 22 ธันวาคม ไม้เอลเดอร์
(แทรกเกร็ดนิดนึงว่า ไม้กายสิทธิ์ของตัวละครในแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่างของสามตัวละครหลัก เจ.เค.อิงจากปฏิทินเคลติกอันนี้ครับ ส่วนความหมายของแต่ละไม้เดี๋ยวไปอ่านในแกลอรี่นะครับ เพราะบางไม้ไม่มีในพอตเตอร์มอร์ แต่ไม้ที่มีความหมายในพอตเตอร์มอร์ก็อ่านกันได้ที่นี่ >> คลิก!)
ส่วนไม้กายสิทธิ์ของตัวละครที่ขายที่นี่ไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ของ Noble Collection ครับ เป็นไม้ที่ผลิตเฉพาะสำหรับที่สวนสนุก ถ้าจำไม่ผิดจะผลิตในจีนครับ รายละเอียดไม้กับกล่องไม่เนี๊ยบเท่าครับ แต่ราคาประหยัด ถ้าชอบก็ซื้อได้ครับ ราคาไม้ละ 3,500 เยน ประมาณ 1,060 บาทครับ ราคาไม้กายสิทธิ์ตามปฏิทินเคลติกก็ราคาเดียวกันครับ
ด้วยความที่ไม้กายสิทธิ์รายละเอียดไม่ถึงกับโดนใจ และพี่จาร์ก็กระซิบเตือนตลอดว่ามันเนี๊ยบไม่เท่า ซึ่งก็จริงอย่างพี่จาร์ว่า เพราะเคยจับโนเบิลแล้วมันก็ต่างกันมากจริงๆ ครับ
จากนั้นผมก็ไปต่อที่ร้าน Wiseacre’s Wizarding Equipment ที่เชื่อมติดกันครับ ซึ่งร้านนี้ไม่ปรากฏชื่อในหนังสือครับ แต่ปรากฏในภาพยนตร์และเกมครับ เป็นร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์ครับ ภายในร้านก็จะมีพวกสมุด ผ้าพันคอ แก้วน้ำ ชุดคลุม ตราประจำบ้าน พวงกุญแจนิดหน่อยครับ
ซึ่งจริงๆ ด้านนอกจะมีร้านปากกาขนนกอยู่คั่นกลางร้านโอลลิแวนเดอร์กับร้าน Wiseacre’s Wizarding Equipment ด้วย แต่มีแค่หน้าร้านเหมือนเดิมครับ
คนนั่งเกะกะขวางทางรูปมาก แล้วเขาไม่แคร์ใครด้วยนะครับ ฉันจะนั่งตรงนี้ไม่ลุกหรอก – –
เอาเป็นว่า ตอนที่ 1 ขอจบกันแค่นี้ก่อนเนอะ ไปอ่านต่อใน ตอนที่ 2 นะครับ ^^ ตอนหน้าเราจะไปเดินเล่นที่ปราสาทฮอกวอตส์กันแล้วครับ ^^ อ่านต่อตอนที่ 2 คลิก!