บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ (No.12 Grimmauld Place)

“จะพบกองบัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟีนิกซ์ที่บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ลอนดอน”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.3

ประวัติของบ้าน

แผนผังตระกูลแบล็ก โดย เจ.เค.โรว์ลิ่ง

ขโมยมักเกิ้ลมา

บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ เดิมเป็นบ้านของมักเกิ้ล ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านเลขที่ 11 และ 13 ด้วยความปรารถนาอยากได้บ้านสวยงามหลังนี้ บรรพบุรุษตระกูลแบล็กจึง ‘จูงใจ’ มักเกิ้ลผู้ครอบครองให้ออกไป และร่ายมนตร์ที่เหมาะสมให้กับบ้าน (J.K.Rowling, 6 กุมภาพันธ์ 2015)

ธรรมเนียมของตระกูลแบล็ก

ประเพณีของตระกูลแบล็กกำหนดไว้ว่าต้องยกบ้านให้ทายาทสายตรงเท่านั้น กำหนดให้ผู้ชายคนต่อไปที่ใช้นามสกุลแบล็ก… ดัมเบิลดอร์คาดเดาว่าอาจมีการลงอาคมไว้กับตัวบ้านเพื่อไม่ให้คนที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์เป็นเจ้าของได้ (เจ้าชายเลือดผสม บ.3)

ใต้กรรมสิทธิ์ของโอไรออน แบล็ก

(บนซ้าย) โอไรออน แบล็ก (บนขวา) วัลเบอร์กา แบล็ก (ซ้ายล่าง) เรกูลัส แบล็ก (ขวา) ซิเรียส แบล็ก ภาพประกอบโดย Jessica Roux
(บนซ้าย) โอไรออน แบล็ก (บนขวา) วัลเบอร์กา แบล็ก (ซ้ายล่าง) เรกูลัส แบล็ก (ขวา) ซิเรียส แบล็ก ภาพประกอบโดย Jessica Roux

“ยังไม่มีใครบอกเธอหรือ นี่เป็นบ้านพ่อแม่ของฉันเอง”

– ซิเรียส แบล็ก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.97)

โอไรออน แบล็ก (Orion Black) พ่อของซิเรียสติดตั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยทุกชนิดที่รู้จักกันในโลกพ่อมดไว้ มันถูกทำให้ไม่ปรากฏในแผนที่ พวกมักเกิ้ลจึงไม่เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.136)

ซิเรียส แบล็กเติบโตในบ้านหลังนี้ และหนีออกจากบ้านไปตอนอายุ 16 ในปี 1975-6 (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6) ไปอาศัยกับเจมส์ที่บ้านของเขาจนอายุ 17 หลังจากที่น้าอัลฟาร์ดทิ้งทองไว้ให้ ซิเรียสก็หาบ้านเป็นของตัวเอง และไม่เคยกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกเลย กระทั่งยกบ้านให้ดัมเบิลดอร์ใช้เป็นกองบัญชาการลับภาคีนกฟีนิกซ์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.132)

“ทำไมถึงหนีไปน่ะหรือ เพราะฉันเกลียดทุกคนในบ้านน่ะสิ พ่อแม่ฉันเป็นพวกบ้าคลั่งเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์ เชื่อว่าแค่เป็นคนตระกูลแบล็กก็เท่ากับเป็นเจ้านายชั้นสูงแล้ว… น้องชายปัญญาอ่อนของฉันก็โง่พอจะเชื่อไปด้วย…”

– ซิเรียส แบล็ก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.132)

โอไรออน แบล็ก เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1979 ด้วยวัยเพียง 50 ปี (ปีเดียวกับที่ เรกูลัส แบล็ก ลูกชายคนสุดท้องของเขาเสียชีวิต)

ใต้กรรมสิทธิ์ของซิเรียส แบล็ก

เป็นเวลาเกือบสิบปีที่บ้านหลังนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ นับตั้งแต่วัลเบอร์กา แบล็ก (แม่ของซิเรียส) เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1985 (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.102) กระทั่งปี ค.ศ. 1995 ซิเรียส แบล็กที่ได้รับบ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาก่อนหน้านี้ ได้มอบมันให้เป็นกองบัญชาการลับภาคีนกฟีนิกซ์ ที่ฟื้นคืนกลุ่มขึ้นอีกครั้งหลังโวลเดอมอร์คืนชีพกลับมา

กองบัญชาการภาคีนกฟีนิกซ์

“ประเพณีของตระกูลแบล็กกำหนดไว้ว่าต้องยกบ้านให้ทายาทสายตรงเท่านั้น ให้ผู้ชายคนต่อไปที่ใช้นามสกุลแบล็ก ซิเรียสเป็นคนสุดท้ายในสายสกุลของเขา เพราะเรกูลัสน้องชายตายไปก่อน และทั้งคู่ไม่มีลูก…”

– ดัมเบิลดอร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.3)

หลังจากที่ซิเรียสยกบ้านหลังนี้ให้ดัมเบิลดอร์ ดัมเบิลดอร์ได้เสกคาถาป้องกันเพิ่มให้บ้านอีกมาก หนึ่งในนั้นคือคาถาปกปิดความลับขั้นสูง ที่ต้องใช้ผู้รักษาความลับในการปกปิด ซึ่งดัมเบิลดอร์เป็นผู้รักษาความลับคนนั้นเอง จะไม่มีใครในภาคีนอกจากตัวเขาที่จะบอกหรือเขียนข้อมูลที่อยู่ของบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซหลังนี้ได้ กระดาษโน้ตที่มู้ดดี้ให้แฮร์รี่ท่องจำก็มาจากดัมเบิลดอร์เขียนให้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.136)

ภาพประกอบโดย Jim Kay จาก Harry Potter and the Order of the Phoenix: Illustrated Edition

ในปี 1995 หน้าบ้านหลังนี้จากที่เคยสวยงามในอดีต กลายเป็นบานประตูสีดำเก่าโทรมและมีรอยขีดข่วน กำแพงสกปรก และหน้าต่างเขรอะ ๆ หลายบาน บันไดหน้าเป็นหินที่ตอนนี้เก่าจนสึก จากการถูกทอดทิ้งมานาน ที่เคาะประตูเป็นรูปงูบิดตัว ไม่มีรูกุญแจและช่องรับจดหมาย ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์เคาะที่ประตูหนึ่งครั้งเพื่อเปิด คุณจะได้ยินเสียงกุญแจเหล็กชุดใหญ่ไขตัวเองดังกริ๊ก ๆ ตามด้วยเสียงโซ่โกร่งกร่าง จากนั้นประตูก็จะเปิดอ้าออก (เครื่องรางยมทูต บ.9 น.169) ของตกแต่งและบรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของพ่อมดฝ่ายมืดที่สุด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.78)

มีการใช้เวทมนตร์ใส่กุญแจและกลอนหลายต่อหลายชั้นกับประตูหน้า ในช่วงที่ภาคีใช้บ้านหลังนี้เป็นกองบัญชาการลับ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.94)

ภาคีรวมถึงเด็ก ๆ ต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการซ่อมแซม ทำความสะอาด และทำให้บ้านที่แสนทรุดโทรมนี้กลับมาเป็นบ้าน

ภายในบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ที่ทรุดโทรมหลังจากถูกทิ้งร้างหลายปี
ภายในบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ที่ทรุดโทรมหลังจากถูกทิ้งร้างหลายปี

กองระวังหน้าพาแฮร์รี่มายังบ้านของซิเรียส แบล็ก

แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับการคุ้มภัยและพาเขาจากบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต มายังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ภายใต้การปกป้องของกองระวังหน้าถึง 9 คน เขามาถึงบ้านหลังนี้ครั้งแรก ในวันที่ 6 สิงหาคม 1995 ราวสามถึงสี่ทุ่ม (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.3)

แฮร์รี่: “ว่าแต่ ที่นี่มันคืออะไรล่ะ”

รอน: “กองบัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟีนิกซ์”

เฮอร์ไมโอนี่: “เป็นสมาคมลับ ดัมเบิลดอร์เป็นคนควบคุม เขาก่อตั้งมันขึ้นเอง พวกนี้เคยสู้กับคนที่เธอก็รู้ว่าใครมาเมื่อครั้งที่แล้ว”

แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.78

พวกเขาใช้ห้องครัวเป็นห้องประชุม และมอลลี่ วีสลีย์ ได้ลงมือเสกคาถาห้ามรบกวนใส่ประตูครัว หลังจากที่เธอจับได้ว่าเฟร็ดและจอร์จพยายามใช้หูยาวยืดที่ทั้งคู่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง เพื่อแอบฟังบทสนทนาในห้องครัว (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.85)

ที่ซ่อนของโจรของมันดังกัส

7 สิงหาคม 1995 เด็ก ๆ ใช้หูยาวยืดอีกครั้งเพื่อแอบฟังการสนทนาภายในห้องครัว พวกเขาได้ยินมอลลี่เดือดดาลกับสิ่งที่มันดังกัสทำ เพราะเขาเอาของที่ขโมยมาซ่อนไว้ในบ้านหลังนี้ หนึ่งในนั้นคือหม้อใหญ่หลายใบที่เขาลากเข้าบ้านมา

“เราไม่ได้เปิดที่รับซ่อนของโจรนะ! — ไม่มีความรับผิดชอบที่สุด ทำอย่างกับว่าเรายังมีเรื่องให้กลุ้มไม่มากพอ นี่ยังจะต้องลากหม้อขโมยนั้นเข้ามาในบ้าน — “

– มอลลี่ วีสลีย์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.127)

ความทุกข์ใจของนางวีสลีย์

31 สิงหาคม 1995 ขณะที่เด็ก ๆ กำลังวุ่นกับการเตรียมตัวเพื่อกลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ มอลลี่ วีสลีย์ ที่ทำความสะอาดห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง เผชิญหน้ากับบ็อกการ์ตเพียงลำพังในห้องนั่งเล่น มันแปลงร่างเป็นศพของลูก ๆ เธอ ศพแรกที่แฮร์รี่เห็นคือศพของรอน เธอที่รู้ว่ามันคือบ็อกการ์ต ร่ายคาถาริดดิคูลัสกับมัน และมันกลายเป็นร่างของบิลล์ที่นอนหงายดวงตาเบิกกว้าง อีกครั้งเป็นฝาแฝดตาย เธอร้องไห้สะอื้นไม่หยุด ทันทีที่ลูปิน ซิเรียส และแม้ด-อาย เข้ามา ลูปินก็เห็นศพที่พื้นเป็นร่างของแฮร์รี่

“ครอบครัวครึ่งหนึ่ง ย-ย-อยู่ในภาคี คงจะ ป-ป-เป็นปาฏิหาริย์ละถ้าเรารอดได้ทั้งหมด… และ พ-พ-เพอร์ซี่ก็ไม่ยอมพูดกับเรา… แล้วถ้าเกิดอะไร ร-ร-ร้าย ๆ ขึ้น แล้วเราไม่ได้ ค-ค-คืนดีกับเขาล่ะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาเธอร์กับฉันถูกฆ่า ใครจะ ด-ด-ดูแลรอนกับจินนี่”

– มอลลี่ วีสลีย์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9 น.203)

อาเธอร์ วีสลีย์ถูกส่งตัวเข้าเซนต์มังโก

ประมาณวันที่ 18 ธันวาคม 1995 หลังแฮร์รี่ พอตเตอร์เห็นภาพนิมิตว่าอาเธอร์ถูกงูใหญ่ (นากินี) ทำร้าย ทันทีที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเข้ามา เขาก็รีบแจ้งเธอถึงสิ่งที่เขาเห็น มิเนอร์ว่าเชื่อในตัวเขาและให้แฮร์รี่กับรอนตามเธอไปพบดัมเบิลดอร์เพื่อแจ้งเรื่องนี้ และเป็นจริงอย่างที่แฮร์รี่ พอตเตอร์เห็น อาเธอร์ วีสลีย์ ถูกนากินีเล่นงานขณะทำงานให้ภาคีนกฟีนิกซ์ และดัมเบิลดอร์ได้ส่งเขากับเด็ก ๆ วีสลีย์ ไปยังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซเป็นการด่วน ก่อนที่อัมบริดจ์จะล่วงรู้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ และเข้ามาแทรกแซง ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผลร้ายแรงต่อภาคี (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21, 22)

แฮร์รี่ รอน จินนี่ เฟร็ด และจอร์จ นั่งรวมกันอยู่จนเวลาบนนาฬิกาของรอนบอกเวลาตีห้าสิบนาที ของวันที่ 19 ธันวาคม มอลลี่ วีสลีย์ ที่เดินทางไปเยี่ยมอาเธอร์ที่เซนต์มังโกก็มาหาเด็ก ๆ ที่บ้านเลขที่ 12 และแจ้งข่าวแก่ลูก ๆ ของเขาว่าพ่อปลอดภัยดีแล้ว (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.22 น.527) และในเช้าวันเดียวกันนั้นเองที่พวกเขาจะเดินทางไปเยี่ยมอาเธอร์ที่เซนต์มังโก

ประมาณหกโมงเย็นของวันที่ 20 ธันวาคม 1995 (ตามปฏิทินจริง) เฮอร์ไมโอนี่ที่เดิมจะต้องไปเล่นสกีช่วงเทศกาลคริสต์มาสกับครอบครัว ยกเลิกแผนดังกล่าว แล้วตามมาสมทบกับพวกเขาด้วยรถเมล์อัศวิน เธอมาหาแฮร์รี่ที่ขังตัวเองและหลบหน้าหลบตาคนอื่นอยู่แต่ในห้องของบัคบีค (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23)

คริสต์มาสที่กริมโมลด์เพลส

คืนก่อนคริสต์มาส พวกเขาตกแต่งในบ้านที่เศร้าหมองหลังนี้ให้สดใสขึ้น โคมระย้าที่เคยหมองมัวไม่ได้มีใยแมงมุมเกาะเต็มอีกต่อไป แต่ห้อยประดับด้วยพวงมาลัยใบฮอลลี่และสายรุ้งสีเงินและทอง กองหิมะเสกด้วยมนตร์ส่องประกายวาวอยู่บนพรมสึกกร่อน ต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่มันดังกัสหามาให้ และประดับด้วยแฟรี่เป็น ๆ ตั้งบดบังม่านปักรูปแผนผังตระกูลของซิเรียส และแม้กระทั่งหัวเอลฟ์สตัฟฟ์ที่เรียงรายตามผนังในห้องโถงก็สวมหมวกซานตาครอสและมีเคราด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23)

25 ธันวาคม 1995 แฮร์รี่ที่ฉลองวันคริสต์มาสในบ้านของซิเรียสได้รับของขวัญจากเฮอร์ไมโอนี่เป็นสมุดหนึ่งเล่ม หน้าตาคล้ายบันทึกประจำวัน เว้นแต่ตอนที่เปิดมัน มันจะพูดเสียงดังทำนองว่า “ทำซะวันนี้ ไม่งั้นต่อไปจะต้องใช้หนี้!” ซิเรียสกับลูปินให้หนังสือชุดชั้นเยี่ยมชื่อว่า เวทมนตร์ป้องกันตัวฉบับสะดวกและวิธีใช้ต้านศาสตร์มืด ซึ่งทุกคาถาและคำสาปที่อธิบายไว้จะมีภาพประกอบสี่สีสวยงามเคลื่อนไหวได้ แฮกริดส่งกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลขนยาวมีเขี้ยวมาให้เขา ซึ่งมันดูอันตรายทั้งต่อเจ้าของเงินมากด้วยเหมือนกัน ท็องส์ให้ไม้กวาดไฟร์โบลต์จำลองเล็ก ๆ ที่บินได้จริง รอนให้เจลลี่เม็ดทุกรสกล่องใหญ่มหึมา นายและนางวีสลีย์ให้เสื้อกันหนาวสวมหัวถักเองเหมือนเคยและขนมพายไส้ผลไม้รวมอีกหลายชิ้น ส่วนด๊อบบี้ให้ภาพวาดน่าเกลียดน่ากลัวซึ่งแฮร์รี่สงสัยว่าเขาจะวาดด้วยตนเอง และมันคือภาพวาดแฮร์รี่ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23 น.553)

หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็เดินทางไปเซนต์มังโกอีกครั้งเพื่อเยี่ยมอาเธอร์ วีสลีย์ มันดังกัสที่อ้างว่า “ยืม” รถยนต์มาให้คันหนึ่งเพื่อพาพวกเขาไปโรงพยาบาล มันถูกเสกคาถาให้ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกับรถฟอร์ดแองเกลียของครอบครัววีสลีย์ ซึ่งคนทั้งสิบคนสามารถเข้าไปนั่งได้สบาย ๆ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23 น.556)

การปะทะกันของซิเรียสกับเซเวอรัส

11 มกราคม 1996 วันสุดท้ายของวันหยุด สเนปขอพบแฮร์รี่เป็นการส่วนตัวเพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าเขาจะต้องเรียนการสกัดใจตัวต่อตัวกับเขา โดยจะเริ่มเรียนครั้งแรกหกโมงเย็นวันจันทร์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24)

เกิดการปะทะคารมและเหน็บแนม ทำให้ซิเรียสโกรธจัด เพราะเขาโดนเหน็บว่าไร้ประโยชน์ เอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน สร้างเรื่องให้ไม่ต้องทำอะไร ขณะที่คนอื่นวุ่นวายเพื่อภาคี ด้วยการออกไปเพ่นพ่านที่ชานชาลาจนเกือบโดนลูเซียส มัลฟอยจำได้

“ฉันเตือนนายแล้วนะ สนิฟเวลลัสขี้มูกโป่ง ฉันไม่สนว่าดัมเบิลดอร์จะคิดว่านายกลับตัวแล้ว ฉันรู้ดีกว่านั้น –“

“อ้อ ถ้างั้นทำไมนายไม่บอกเขาล่ะ หรือกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อถือคำแนะนำจากคนที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านแม่ตัวเองนานตั้งหกเดือน”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24 น.573

โชคดีที่เหตุการณ์นี้จบลงที่ทั้งคู่ไม่ได้ปะทะกัน เพราะครอบครัววีสลีย์เข้ามาเสียก่อน ทั้งคู่เลยลดไม้กายสิทธิ์ลง แล้วสเนปก็ออกจากครัวไป

วันนี้เป็นวันเดียวกับที่อาเธอร์ออกจากโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโก หลังจากที่เขาถูกนากินีทำร้ายที่กองปริศนา

12 มกราคม 1996 เช้าตรู่วันนี้ เด็ก ๆ ครอบครัววีสลีย์ แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ เดินทางกลับไปฮอกวอตส์ด้วยรถเมล์อัศวิน โดยมีท็องส์และลูปินเป็นผู้คุ้มกัน ก่อนเดินทางซิเรียสมอบกระจกสองทางให้แฮร์รี่เพื่อหวังว่าเขาจะช่วยเหลือแฮร์รี่ได้หากสเนปเล่นงานเขา ซึ่งแฮร์รี่ยืนกรานกับตัวเองว่าจะไม่ใช้มัน เพราะไม่อยากเป็นคนที่ทำให้ซิเรียสต้องออกมาบ้านที่ปลอดภัย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24 น.576)

ใต้กรรมสิทธิ์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์

ดัมเบิลดอร์: “ถ้าอาคมแบบนั้นมีอยู่ คนที่น่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านมากที่สุดก็คงจะเป็นญาติของซิเรียส คนที่อายุมากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็หมายถึงเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา”

แฮร์รี่: “ไม่มีทาง”

ดัมเบิลดอร์: “แน่ล่ะ เราก็ไม่อยากให้เขาได้บ้านไปหรอก สถานการณ์นี้เต็มไปด้วยความยุ่งยากสับสน เราไม่รู้ว่าอาคมที่เราลงไว้บนบ้านนั้น อย่างเช่น ที่จะทำให้มันไม่ปรากฏบนแผนที่ จะยังคงมีอำนาจอยู่ต่อไปหรือเปล่าถ้าเปลี่ยนเจ้าของจากซิเรียสเป็นคนอื่น เพราะอย่างนี้เราถึงต้องย้ายออกจนกว่าจะรู้แน่ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.3

หลังการเสียชีวิตของซิเรียส แบล็ก ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1996 (Pottermore) ภาคีนกฟีนิกซ์จำเป็นต้องเลิกใช้บ้านหลังนี้เป็นฐานที่มั่นไปชั่วคราว เนื่องจากไม่แน่ใจว่าบ้านหลังนี้จะตกไปเป็นมรดกของเบลลาทริกซ์ ซึ่งเป็นญาติชิดของซิเรียสหรือไม่ โชคดีที่พินัยกรรมที่ซิเรียสเขียนไว้มีผลบังคับเหนือเวทมนตร์ที่ดัมเบิลดอร์กังวลว่าจะมี เขาทดสอบผลบังคับทางเวทมนตร์ง่าย ๆ ด้วยการให้แฮร์รี่ควบคุมครีเชอร์ เขาสั่งให้มันเงียบ และมันเงียบทันทีแม้จะขัดขืนอย่างสุดกำลัง บ้านหลังนี้จึงตกเป็นสมบัติของแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยสมบูรณ์ และเขาอนุญาตให้ภาคีนกฟีนิกซ์ต่อไปได้ (เจ้าชายเลือดผสม บ.3)

ฐานที่มั่นถูกทำลาย

ปี 1997 หลังการเสียชีวิตของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ สมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ที่เชื่อว่า เซเวอรัส สเนป ทรยศ ภาคีนกฟีนิกซ์ก็ย้ายออกจากบ้านหลังนี้อย่างถาวร มีการลงอาคมเพิ่มเติมจากแม้ด-อาย เพื่อเล่นงานสเนปหากกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก

“เฮอร์ไมโอนี่ จะมีที่ไหนอีกล่ะ ที่แหละทางเลือกที่ดีที่สุดที่เรามี ถ้าไปที่นั่นเราเจอสเนปแค่คนเดียว แต่ถ้าไปที่อื่น เราจะเจอพวกมันเป็นฝูงเลยนะ ถ้าฉันยังมีร่องรอยติดตัวอยู่ละก็”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.9)

หลังงานแต่งของบิลและเฟลอร์ที่ถูกผู้เสพความตายบุกโจมตี ในวันที่ 1 กันยายน 1997 แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ที่หายตัวหลบหนีออกมา และถูกทอร์ฟินน์ โรวล์และแอนโทนิน โดโลฮอฟ ติดตามมาเล่นงาน (เพราะเผลอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์) แฮร์รี่ได้ตัดสินใจที่จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ชั่วคราว (แม้จะกังวลเรื่องสเนปที่จะเข้าบ้านหลังนี้มาเมื่อไหร่ก็ได้ ) คาถาต่าง ๆ ที่ลงไว้ในตัวบ้านยังคงซ่อนเร้นจากบุคคลภายนอก แม้ผู้เสพความตายจะเฝ้าแวะเวียนมาตรวจตรารอบนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยพบทั้งสามคน กระทั่งความผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อสามสหายหลบหนีออกมาจากกระทรวงเวทมนตร์ โดยมีแยกซ์ลีย์ติดสอยตามพวกเขามาด้วย ความลับของบ้านหลังนี้ก็ถูกเปิดเผยในทันที

ไม่มีใครรู้ว่าบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซเป็นอย่างไร หลังจากที่โวลเดอมอร์สิ้นอำนาจลง

มาตรการรักษาความปลอดภัย

การป้องกันเก่าแก่อย่างหนึ่งของบ้าน คือการเปิดประตูหน้าบ้านด้วยการให้ผู้มีเวทมนตร์ใช้ไม้กายสิทธิ์เคาะเพื่อเปิดประตู (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4)

พ่อของซิเรียสติดตั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยทุกชนิดที่รู้จักกันในโลกพ่อมดไว้ มันถูกทำให้ไม่ปรากฏในแผนที่ พวกมักเกิ้ลจึงไม่เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.136) ไม่มีใครมองเห็นบ้านหลังนี้ เว้นแต่จะเป็นคนที่เคยเข้าออกบ้านหลังนี้

ภาพโดย MARY GRANDPRÉ

ต่อมาเมื่อซิเรียสมอบบ้านหลังนี้ให้เป็นกองบัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟีนิกซ์ ในปี 1995 ดัมเบิลดอร์ก็ได้ลงคาถาฟิเดลิอัสเพื่อซ่อนบ้านหลังจากจากคนที่ไม่ได้รับอนุญาตทั้งหมด ไม่มีใครบอกที่อยู่ของบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนแก่คนอื่นได้ เว้นแต่ผู้รักษาความลับจะเป็นคนบอกด้วยตนเอง แม้คุณจะเคยเข้าออกบ้านหลังนี้มาก่อน หรือเดินดุ่มเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ ก็ไม่มีทางเจอที่ที่คุณเคยมา ซึ่งดัมเบิลดอร์เป็นผู้รักษาความลับเพียงคนเดียว จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1997 คนที่ดัมเบิลดอร์เคยบอกที่ตั้งของกริมโมลด์เพลซให้ก็ต้องผลัดเวรกันเป็นผู้รักษาความลับแทน

“แล้วในเมื่อมีผู้รักษาความลับราว ๆ ยี่สิบคน พลังของคาถาฟิเดลิอัสก็เลยเจือจางลงมาก แถมผู้เสพความตายก็มีโอกาสล้วงความลับเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเท่าด้วย เราคงยื้อต่อไปได้อีกไม่นานหรอก”

– นายวีสลีย์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.6)

หลังการเสียชีวิตของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ แม้ด-อาย ได้เสกคำสาปแช่งต่อต้านสเนปเพิ่มเติมให้แก่บ้านหลังนี้ เมื่อคุณก้าวย่างไปบนพรมเพียงก้าวเดียว คุณจะได้ยินเสียงของแม้ด-อายดังขึ้นว่า “เซเวอรัส สเนปหรือ” ทันทีที่แฮร์รี่ตอบกลับไปว่า “เราไม่ใช่สเนป” แฮร์รี่รวมถึงรอน และเฮอร์ไมโอนี่ก็ถูกคำสาปผูกลิ้นในทันที มันทำให้ลิ้นของพวกเขาถูกม้วนไปข้างหลังทำให้พูดไม่ได้ ไม่เพียงคำสาปผูกลิ้น เมื่อพวกเขาก้าวเดินต่อไปก็พบกับบางอย่างที่ขยับตัวอยู่ในเงามืดตรงสุดห้องโถง ร่างหนึ่งผุดขึ้นมาจากพรม สูงทะมึนและน่าสะพรึงกลัว ร่างสีเทาลอยเลื่อนมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว มันเป็นเงาร่างของดัมเบิลดอร์ที่น่าสยดสยอง ทันทีที่แฮร์รี่ตะโกนว่า “เราไม่ได้ฆ่าอาจารย์” ร่างนั้นก็ระเบิดออกเป็นเมฆฝุ่นกลุ่มใหญ่ (เครื่องรางยมทูต บ.9) ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่ตอบคำถามเป็นเซเวอรัส สเนป จริง ๆ

นอกจากคาถาที่ปกป้องลงในตัวบ้านแล้ว แม้ด-อายยังร่ายคำสาปผูกลิ้นไม่ให้สเนปบอกเรื่องบ้านหลังนี้ด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.6 น.94)

อย่างไรก็ตาม บ้านหลังนี้ไม่ได้เสกคาถาต้านการหายตัวเอาไว้

เอลฟ์ประจำบ้าน

“ดัมเบิลดอร์ยังบอกเลยว่าเราควรจะเมตตาครีเชอร์”

– เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.93)

ครีเชอร์เป็นเอลฟ์ประจำบ้านแก่ ๆ ที่นับจากแม่ของซิเรียสตาย มันก็อาศัยอยู่ที่นี่ โดยไม่ได้ทำความสะอาดใด ๆ ในบ้านอีกเลยนับจากที่นายของมันเสียชีวิตลงในปี 1985 (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.102)

มันสวมผ้าขี้ริ้วสีโครกที่พันไว้กลางตัวเหมือนผ้าเตี่ยวผืนเดียว (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.127)

เอลลาดอรา แบล็ก (Elladora Black) เทียดของซิเรียส เป็นคนริเริ่มประเพณีตัดหัวเอลฟ์ประจำบ้านที่แก่จนถือถาดไม่ไหว (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.16 น.134)

ส่วนต่าง ๆ ของบ้าน

ชั้นล่าง (Ground Floor)

เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาจะพบกับโถงทางเดินที่เกือบมืดสนิท มีกลิ่นอับชื้น กลิ่นฝุ่น และกลิ่นเน่าเปื่อยเหม็นเปรี้ยว ทันทีที่ประตูปิดลงก็เกิดเสียงฟู่เบา ๆ แล้วตะเกียงแก๊สแบบโบราณหลายดวงที่ติดอยู่ตามผนังก็กลับฟื้นคืนชีพ ส่องแสงริบหรี่รางเลือนจับกระดาษปิดผนังที่หลุดลอกและพรมเก่าขาดตลอดโถงทางเดินยาวมืดมัว โคมระย้าที่มีใยแมงมุงจับเขรอะส่องแสงสลัวอยู่เบื้องบน ภาพเหมือนที่เก่าแก่จนฝุ่นจับดำแขวนเอียงกระเท่เร่อยู่ตามกำแพง โคมระย้าและเชิงเทียนกิ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะง่อนแง่นทำเป็นรูปคล้ายงู

สุดโถงทางเดินจากประตูหน้าคือประตูที่นำลงไปสู่ห้องครัวใต้ดิน ห้องครัวที่สมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ใช้ประชุม (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.77, 85, บ.5 น.98)

ระหว่างทางเดินไปยังบันไดขึ้นชั้นบน จะต้องผ่านม่านยาวคู่หนึ่ง ใกล้ ๆ มีที่วางร่มอันใหญ่เหมือนทำมาจากขาโทรลล์ เบื้องหลังผ้าม่านแมลงกินคือภาพเหมือนขนาดเท่าคนจริง ๆ เป็นรูปภาพของผู้หญิงแก่สวมหมวกสีดำ เป็นภาพเหมือนที่เหมือนจริงมาก ๆ และไม่น่าดูที่สุดเท่าที่แฮร์รี่เคยเห็นมาในชีวิต เธอเป็นหญิงแก่น้ำลายยืด ตากลิ้งกลอกไปมา มือมีเล็บแหลมคม ผิวหน้าสีเหลืองนั้นตึงเขม็งเมื่อนางกรีดร้อง และนั่นทำให้ภาพวาดอื่น ๆ ตลอดโถงทางเดินพากันตื่นและเริ่มส่งเสียงตะโกนตามไปด้วย ทางเดียวที่จะทำให้เสียงเงียบลงได้ คือต้องกระชากผ้าม่านปิดให้สำเร็จ แต่นั่นก็ยากมากทีเดียว (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.94, 95) ซิเรียสค่อนข้างมั่นใจว่าแม่ของเขาร่ายคาถาติดแน่นถาวรไว้ข้างหลังภาพเหมือนนี้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.97)

“บอกตั้งหลายหนแล้วว่าไม่ให้กดกริ่งประตู!”

– ซิเรียส แบล็ก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.123)

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนกดกริ่งประตูบ้าน คุณจะได้ยินเสียงกรีดร้องแสบหูของนางแบล็ก (แม่ของซิเรียส) ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งบ้าน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.123)

“พวกโสมม! กากเดนมนุษย์! ผลิตผลจากคนสกปรกถ่อยสถุล! พวกลูกครึ่ง กลายพันธุ์ ตัวประหลาด ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! กล้าดียังไงถึงมาทำแปดเปื้อนในบ้านบรรพบุรุษของฉัน–“

– ภาพเหมือนของวัลเบอร์กา แบล็ก แม่ของซิเรียส แบล็ก (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.95)

จากโถงทางเดินสูงขึ้นไป คือชานบันไดที่สูงขึ้นไป บันไดทางเดินนั้นมืด เมื่อเดินผ่านจะพบกับหัวย่อส่วนของเอลฟ์ประจำบ้านติดบนแผ่นไม้ตามผนัง เฟร็ดกับจอร์จเคยหย่อนหูยาวยืดจากชั้นบนลงไปที่โถงทางเดินที่ปลายทางเป็นประตูบ้าน เพื่อดักฟังการสนทนาของคนที่ออกมาจากห้องประชุม แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเลย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.93, 94)

ชั้นใต้ดิน

ห้องครัวใต้ดิน

จากประตูห้องโถงชั้นบนลงมาตามบันไดหินแคบ ๆ ที่นำมาสู้ห้องครัวใต้ดินแห่งนี้ มันเป็นห้องที่ไม่ได้มืดสลัวเศร้าซึมน้อยไปกว่าห้องโถงข้างบนเท่าไหร่นัก ห้องนี้มีขนาดกว้างใหญ่เหมือนถ้ำ มีผนังเป็นหินขรุขระ แสงเกือบทั้งหมดส่องมาจากเตาไฟขนาดใหญ่ที่ปลายห้อง กลุ่มควันจากกล้องยาสูบของมันดังกัสลอยแขวนอยู่ในอากาศเหมือนหมอกควันในการรบ หม้อเหล็กกระทะเหล็กใบหนักห้อยจากเพดานมืด ๆ ดูเป็นเงาทะมึนน่ากลัวท่ามกลางควันนั้น เก้าอี้หลายตัววางเบียดกันอยู่ในห้องเพื่อใช้ในการประชุม มีโต๊ะไม้ตัวยาวตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะเกลื่อนไปด้วยม้วนกระดาษ ถ้วยมีเชิง ขวดไวน์เปล่า ๆ และของกองหนึ่งที่ดูเหมือนผ้าขี้ริ้ว มีตู้โบราณที่ไว้เก็บถ้วยชาม ห้องครัวใต้ดินแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่ประชุมของภาคีนกฟีนิกซ์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.97-99)

ห้องเก็บอาหาร (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.22 น.530)

ตู้เก็บของของครีเชอร์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23 น.554)

ครีเชอร์อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพังนับสิบปี ก่อนที่ซิเรียสจะเปิดให้ภาคีนกฟีนิกซ์เข้ามาตั้งเป็นกองบัญชาการลับ มันอาศัยนอนในซอกเล็ก ๆ ใต้หม้อต้มน้ำร้อนในตู้ติดกับห้องครัวและใช้เป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของตระกูลแบล็ก ประตูทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับห้องเก็บอาหาร เป็นประตูสกปรกมอซอ พื้นที่ส่วนใหญ่ในตู้นั้นเป็นที่ตั้งหม้อต้มน้ำแบบโบราณขนาดใหญ่มาก ครีเชอร์สร้างมันให้เป็นเหมือนรังขึ้นตรงที่ว่างข้างใต้ท่อ ผ้าขี้ริ้วนานานชนิดและผ้าห่มเก่า ๆ เหม็น ๆ หลายผืนกองสุมกันอยู่บนพื้น มีรอยกดลึกเป็นร่องอยู่ตรงกลาง มีเศษเปลือกขนมปังเก่า ๆ และเนยแข็งชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นราแทรกอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างในกองผ้า ที่มุมไกลมองเห็นประกายจากของชิ้นเล็ก ๆ และเหรียญ รวมถึงรูปภาพครอบครัวแบล็กในกรอบเงินที่ซิเรียสเขวี้ยงทิ้งไปด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23 น.555-6)

ชั้น 1

ห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นเป็นห้องยาวเพดานสูง มีโคมระย้าที่เต็มไปด้วยหยากไย่ประดับอยู่ (เครื่องรางยมทูต บ.10 น.175) ผนังห้องสีเขียวมะกอกแขวนม่านปักสกปรกผืนโต ๆ นางวีสลีย์ เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ เฟร็ด จอร์จ และแฮร์รี่ ใช้เวลาเกือบทั้งเช้าในการจัดการกับเจ้าด็อกซี่ ด้วยยาฆ่าด็อกซี่ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.122) พวกเขาใช้เวลาถึงสามวันในการทำความเฉพาะห้องนั่งเล่น (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138) ภายในห้องมีพรมมีฝุ่นกลุ่มน้อย ๆ ฟุ้งขึ้นมาทุกครั้งที่มีใครวางเท้าลงไป เก้าอี้นวมหย่อนยาน ม่านกำมะหยี่สีเขียวตะไคร่ส่งเสียงหึ่ง ๆ จากฝูงด็อกซี่ ผ้าม่านนี้อยู่คู่กับบ้านมายาวนานถึงเจ็ดร้อยปี มันคือผ้าม่านปักด้วยเส้นไหมสีทองที่ยังคงทอประกายสดใสแม้จะเก่าเขรอะและมีรอยด็อกซี่กัดแทะหลายแห่ง เส้นไหมเหล่านี้แสดงให้เห็นแผนผังตระกูลแบล็กที่แผ่กิ่งก้านย้อนไปถึงสมัยกลาง มีตัวอักษรขนาดใหญ่ที่บนสุดของม่านปักเขียนว่า “ตระกูลแบล็กที่สูงส่งและเก่าแก่ที่สุด ‘บริสุทธิ์ตลอดกาล (Toujours Pur)’ ” ชื่อของซิเรียส แบล็ก ถูกแม่ของตัวเองใช้บุหรี่จี้ออกไปจากแผนผัง เช่นเดียวกัน น้าอัลฟาร์ดของซิเรียสก็ถูกจี้ออกไป เพราะช่วยเหลือลูกชายด้วยการทิ้งทองให้เขามากพอจะหาบ้านเป็นของตัวเอง (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.130-2) ม่านหลังนี้ไม่สามารถปลดออกจากผนังได้ มันยังคงประดับอยู่ในห้องนั่งเล่นจนถึงทุกวันนี้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)

มีโต๊ะเขียนหนังสือ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีบ็อกการ์ตซ่อนตัวอยู่ในโต๊ะตัวนี้ แล้วมันทำให้มอลลี่ตกใจและร้องไห้อย่างหนักที่เห็นมันกลายเป็นคนในครอบครัวของเขานอนตายอยู่ตรงหน้าเธอ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5 น.103)

ตู้กระจกหลังหนึ่งเต็มไปด้วยข้าวของที่อันตราย ไม่ว่าจะเป็นตลับยานัตถุ์เงินที่กัดซิเรียสจนมือเป็นแผลเหวอะ ทันทีที่มันขึ้นสะเก็ดมันก็ดูเหมือนถุงมือกระด้างสีน้ำตาลน่าเกลียด ซิเรียสเดาว่ามันมีผงเชื้อปลูกหูดอยู่ในนั้น (และจอร์จที่ทำทีช่วยพันแผลแอบล้วงเอาตลับยานัตถุ์ไปจากกระสอบขยะ) มีเครื่องเงินมากมายอีกหลายชิ้น ชิ้นหนึ่งเหมือนแหนบที่มีหลายขา มันไต่ได้เหมือนแมงมุมและพยายามเจาะลงไปในผิวหนังคนที่จับมัน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137) มีหีบดนตรีที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งชั่วร้ายเบา ๆ เมื่อถูกไขลาน มีล็อกเกตหนัก ๆ ที่ไม่มีใครเปิดออกได้ (ภายหลังทราบกันว่ามันคือล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน ที่มันดังกัสขโมยไปขายโดยไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร) เหรียญตราเมอร์ลินชั้นหนึ่งที่มอบให้ปู่ของซิเรียส สำหรับ “ความช่วยเหลือต่อกระทรวง” (จากการที่เขาบริจาคเงินให้จำนวนมาก) (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)

แหวนตราประจำตระกูลที่ตกมาถึงพ่อของซิเรียส เป็นของอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกทิ้งใส่กระสอบ แม้ครีเชอร์จะพยายามแอบเก็บมันมาก็ตาม (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)

หนังสือเล่มหนักที่หน้าปกเขียนว่า เหล่าผู้สูงศักดิ์โดยธรรมชาติ: วงศ์วานว่านเครือของพ่อมดแม่มด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137

ภาพโปรโมต แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1

2 สิงหาคม 1997 แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ที่หลบหนีการบุกโจมตีของผู้เสพความตายในงานแต่งของบิลกับเฟลอร์ ได้หายตัวมาบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ และนอนรวมกันที่ห้องนั่งเล่นแห่งนี้ แฮร์รี่กับรอนนอนในถุงนอน และให้เฮอร์ไมโอนี่นอนบนเบาะจากเก้าอี้ยาว (แขนของเธองอห้อยลงมาที่พื้น นิ้วมือห่างจากนิ้วของรอนเพียงไม่กี่เซนติเมตร แฮร์รี่สงสัยว่าทั้งสองคงจะนอนหลับไปทั้งที่จับมือกัน) (เครื่องรางยมทูต บ.10 น.175)

ห้องน้ำ

ห้องน้ำที่แฮร์รี่วิ่งไปหลังจากที่ยึดโยงกับโวลเดอมอร์ที่กำลังเดือดดาลลงโทษโรวล์อยู่ มันเป็นห้องน้ำที่ปูด้วยพื้นหินอ่อนสีดำเย็นเยียบ มีอ่างอาบน้ำที่รองรับไว้ด้วยหางงูสีเงิน (เครื่องรางยมทูต บ.9 น.174)

ชั้น 2

ห้องนอนติดชานบันได (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.23 น.549)

ประตูห้องนี้อยู่ทางขวาจากชานบันได ซึ่งลูกบิดมีรูปร่างคล้ายหัวงู เป็นห้องเพดานสูงมืดทึมที่มีเตียงนอนสองเตียง ห้องนี้เป็นห้องที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่พักอยู่ช่วงนึง ก่อนจะกลายเป็นห้องของรอนกับแฮร์รี่ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.78) มันมืดและชื้น ผืนผ้าใบว่างเปล่าที่ขึงอยู่ในกรอบรูปหรูหราเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้ผนังสีถลอกนั้นไม่โล่งเกินไป และเมื่อแฮร์รี่เดินผ่านรูป เขาคิดว่าได้ยินเสียงใครบางคน ซึ่งแอบซุ่มหลบให้พ้นสายตาและหัวเราะคิก ๆ (เสียงที่ภายหลังเราทราบกันว่าเป็นเสียงของครีเชอร์ เอลฟ์ประจำบ้านของบ้านแบล็ก) (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4 น.81)

ในห้องนอนนี้มีภาพวาดของฟีนีอัส ไนเจลลัส แบล็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเหลือเพียงกรอบรูปที่ว่างเปล่า ขณะที่รูปภาพครอบครัวส่วนใหญ่ในบ้านถูกทำลายทิ้งไป (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.22 น.521)

ห้องน้ำที่มีผีกูลแก่ดุร้าย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.140)

ชั้น 3

ห้องนอนที่มีตู้ขึ้นรา ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ รอน และแฮร์รี่ช่วยกันขัดอยู่นานสองสามวัน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9 น.183-4)

เฟร็ด จอร์จ และพ่อแม่ของเขานอนที่ชั้นนี้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6)

ห้องนอนของแม่ซิเรียส

ซิเรียสเคยใช้ห้องนี้เป็นที่พักสำหรับวิทเทอร์วิงหรือบัคบีค (ฮิปโปกริฟฟ์ที่ครั้งหนึ่งแฮกริดเคยเลี้ยงดู) และมักใช้เวลาส่วนใหญ่ขังตัวเองอยู่ในห้องนี้กับการให้หนูตายเป็นอาหารบัคบีค (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.122, บ.9 น.183 และแฮร์รี่ พอตเตอร์: พลิกปูมโลกเวทมนตร์ น.80)

ชั้น 4

มีประตูเพียงสองประตู บานหนึ่งมีป้ายชื่อเขียนว่า “ซิเรียส”

ห้องนอนของซิเรียส

ที่ประตูมีป้ายเขียนว่า “ซิเรียส” ห้องนอนนั้นโอ่โถง และครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องที่สง่างาม มีเตียงขนาดใหญ่ที่หัวเตียงเป็นไม้แกะสลัก หน้าต่างบานสูงปิดไว้ด้วยม่านกำมะหยี่ผืนยาว โคมระย้ามีฝุ่นจับหนา ก้นเทียนไขยังอยู่ในเชิงเทียนติดผนัง น้ำตาเทียนห้อยย้อยลงมาเหมือนหยาดน้ำค้างแข็ง หัวเตียงและรูปภาพตามผนังมีฝุ่นจับเป็นฝ้าหนา ใบแมงมุมทอดยาวจากโคมระย้าสู่หลังตู้เสื้อผ้าไม้

ภาพประกอบจาก Oclumencia

ซิเรียสในวัยรุ่นติดโปสเตอร์และรูปภาพต่าง ๆ ไว้มากมายจนแทบมองไม่เห็นผ้าไหมบุผนังสีเทาเงิน ซิเรียสดูเหมือนจะทำทุกวิถีทางให้พ่อแม่รำคาญใจ เขาติดธงกริฟฟินดอร์ขนาดใหญ่ไว้หลายผืน แม้สีแดงและทองจะซีดจางลงไปแล้ว แต่ก็ยังขับเน้นความแตกต่างระหว่างเขากับสมาชิกบ้านสลิธีรินที่เหลือในครอบครัว มีภาพมอเตอร์ไซค์ของมักเกิ้ลหลายภาพ และโปสเตอร์สาวมักเกิ้ลในชุดบิกินีหลายใบ แฮร์รี่บอกได้ว่าเป็นสาวมักเกิ้ลเพราะทุกคนในภาพนิ่งขึง รอยยิ้มเริ่มเลือนลาง และดวงตาก็แข็งทื่ออยู่บนกระดาษ ทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับภาพถ่ายพ่อมดเพียงภาพเดียวบนผนัง ซึ่งมีนักเรียนฮอกวอตส์สี่คนยืนคล้องแขนกันอยู่ ทุกคนหัวเราะใส่กล้อง แฮร์รี่พยายามแกะภาพออกจากผนัง แต่มันไม่ยอมขยับเลย

บนพื้นห้องมีเศษกระดาษ หนังสือ และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนกลาดอยู่บนพรม เห็นได้ชัดว่าห้องนี้ก็ถูกมันดังกัสรื้อค้นหาของมีค่าเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นมีจดหมายที่ลิลี่ส่งมาให้เขา

เซเวอรัส สเนป เคยเข้ามาในห้องนอนนี้ และร้องไห้กับข้อความในจดหมายที่ลิลี่ส่งให้ซิเรียส (เครื่องรางยมทูต บ.33)

ห้องนอนของเรกูลัส

บานประตูที่อยู่เยื้องกับประตูห้องของซิเรียส คือห้องนอนของน้องชาย บนประตูมีป้ายเล็ก ๆ เขียนด้วยลายมือตัวบรรจง

“ห้ามเข้า
หากไม่ได้รับอนุญาตด้วยถ้อยคำอันแจ่มแจ้ง
จาก เรกูลัส อาร์กทูรัส แบล็ก”

ห้องของเรกูลัสเล็กกว่าของซิเรียสเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกถึงความโอ่อ่าในอดีตได้เช่นกัน ขณะที่ซิเรียสพยายามโฆษณาความแตกต่างระหว่างเขากับครอบครัว เรกูลัสกลับพยายามอย่างยิ่งที่จะทำตรงข้าม สีเขียวและเงินของสลิธีรินปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง ประดับบนเตียง ผนัง และหน้าต่าง ตราประจำตระกูลแบล็กถูกวาดไว้เหนือเตียงอย่างประณีต พร้อมคำขวัญ บริสุทธิ์ตลอดกาล ต่ำลงมาเป็นข่าวตัดจากหนังสือพิมพ์ซึ่งเก่าจนเหลือง จัดกลุ่มรวมกันเป็นภาพปะติดหยาบ ๆ ทั้งหมดนี้เป็นข่าวของโวลเดอมอร์ เรกูเลสเป็นแฟนคลับเขาก่อนจะเข้าเป็นผู้เสพความตาย

ในห้องมีรูปถ่ายของทีมควิดดิชบ้านสลิธีริน กำลังยิ้มแย้มและโบกมือกันอยู่ในกรอบ ในภาพเจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงกลางแถวหน้า มีผมดำและสีหน้าหยิ่ง ๆ คล้ายพี่ชาย แต่ดูตัวเตี้ยกว่า ผอมกว่า และหล่อน้อยกว่าซิเรียสด้วย เขาเล่นเป็นซีกเกอร์สมัยเรียนที่ฮอกวอตส์ (เครื่องรางยมทูต บ.10)

ห้องใต้หลังคา

ครีเชอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่อาศัยและแอบซุ่มอยู่ในห้องใต้หลังคา เพื่อเก็บสะสมของมีค่าของตระกูล (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24)

ข้าวของในบ้าน

  • ที่วางร่มอันใหญ่เหมือนทำมาจากขาโทรลล์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.4)
  • หนังสือ เหล่าผู้สูงศักดิ์โดยธรรมชาติ: วงศ์วานว่านเครือของพ่อมดแม่มด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137)
  • โต๊ะเขียนหนังสือที่สั่นกราว ซึ่งข้างในมีบ็อกการ์ตอยู่ในนั้น (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)
  • ตู้เสื้อผ้าหลังหนึ่ง ที่กองเสื้อคลุมโบราณสีม่วงพยายามรัดคอรอน โชคดีที่มันดังกัสช่วยชีวิตเขาไว้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.140)
  • เหรียญตราเมอร์ลินชั้นหนึ่งที่มอบให้ปู่ของซิเรียส (อาร์กทูรัส แบล็ก) สำหรับ “ความช่วยเหลือต่อกระทรวง” ซึ่งหมายความว่าเขาบริจาคทองให้กระทรวงเป็นจำนวนมาก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)
  • ล็อกเกตหนัก ๆ ที่ไม่มีใครเปิดออกได้ ต่อมาทราบว่าเป็นล็อกเกตของสลิธีริน ฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)
  • ตราประทับโบราณหลายอัน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)
  • แหวนประจำตระกูลที่ตกมาถึงพ่อซิเรียส ซึ่งซิเรียสแย่งมันคืนมาจากครีเชอร์เพื่อโยนทิ้งลงถุงขยะไปพร้อมกับของชิ้นอื่น (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.138)
  • เครื่องมือเงินที่หน้าตาเหมือนแหนบที่มีหลายขาเหมือนแมงมุมและพยายามเจาะลงไปในผิวหนังเมื่อใครก็ตามจับมันขึ้นมา (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137)
  • ตลับยานัตถุ์เงินที่กัดมือซิเรียสจนเป็นแผลเหวอะ แล้วทิ้งสะเก็ดแผลแข็ง ๆ น่าเกลียดเหมือนถุงมือกระด้างสีน้ำตาล จากผงเชื้อปลูกหูดในตลับ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137)
  • ม่านปักลายแผนผังตระกูลแบล็กที่ไม่สามารถปลดออกจากผนังได้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.137)
  • จานชามกระเบื้องประดับตราและคำขวัญตระกูลแบล็ก ซึ่งถูกโยนทิ้งรวมไปในกระสอบเพื่อกำจัดทิ้ง (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.139)
  • รูปถ่ายเก่า ๆ ในกรอบเงินที่ถูกทิ้งรวมในกระสอบด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.139)
  • นาฬิกาตั้งพื้นเรือนใหญ่ที่มีนิสัยชอบยิงสลักเกลียวหนัก ๆ ใส่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.140)
  • ตู้กระจกฝุ่นเขรอะสองข้างของหิ้งเหนือเตาผิง ภายในอัดแน่นด้วยวัตถุแปลก ๆ นานาชนิด ทั้งดาบสั้นสองคมสนิมกรัง กรงเล็บสัตว์มากมาย หนังงูม้วนขดหนึ่งวง กล่องเงินหมอง ๆ สลักตัวอักษรภาษาที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจ ขวดแก้วเจียระไนหรูหรา จุกขวดฝังโอพอลเม็ดใหญ่ ข้างในขวดบรรจุสิ่งที่แฮร์รี่มั่นในว่าคือเลือด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.126)
  • ตู้ขึ้นราบนชั้นสาม ที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ช่วยกันขัด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9 น.183)
  • กล่องดนตรี
  • รังพัฟฟ์สกีนตายแล้วใต้โซฟาห้องนั่งเล่น (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.6 น.122)
  • เปียโน ที่เห็นในภาพยนตร์ไม่มีการกล่าวถึงในหนังสือ (ภ.แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1)

การเดินทาง

จากกริมโมลด์เพลซไปยังสถานีรถไฟคิงส์ครอส ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.10 น.208)

คุณสามารถเดินทางจากกริมโมลด์เพลซไปยังกระทรวงเวทมนตร์ได้ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินที่อยู่ไม่ไกล เพื่อไปยังปลายทางเมืองลอนดอน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9 น.145-6)

หากเดินทางด้วยรถเมล์อัศวินไปยังหมู่บ้านฮอกส์มี้ดคุณจะผ่านเบอร์มิงแฮมด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24 น.578) หากคุณเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่จะถึงหน้าประตูใหญ่ฮอกวอตส์ช่วงค่ำ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.24 น.577-580)

นิรุกติศาสตร์

แม้จะไม่มีคำยืนยันชัดเจนจาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง แต่แฟน ๆ คิดว่าชื่อ Grimmauld Place น่าจะมีที่มาจากการเล่นคำของคำว่า Grim old place (ที่พำพักเก่าของกริม) หรือ Grim mould place (ที่หล่อหลอมให้เป็นกริม) โดยบันทึกที่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ (น่าจะแรกเริ่มที่สุด) เริ่มต้นมาจากคุณ Steve VanderArk ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HP-Lexicon ระบุว่าคริส (ลูกชายของเขา) เป็นผู้ชี้ประเด็นให้เขาเห็นว่ามันคือการเล่นคำของคำว่า grim old place

ซึ่งแฟน ๆ รู้กันดีว่า กริมในที่นี้คือรูปร่างแอนิเมจัสของซิเรียส แบล็ก ที่เป็นหมาสีดำตัวใหญ่ขนรุงรัง ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับกริมตามตำนานเก่าแก่ ที่เชื่อกันว่าการปรากฏตัวของกริมถือเป็นลางบอกเหตุเกี่ยวกับความตาย

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับฉากถ่ายทำกริมโมลด์เพลซ

  • ทุกห้องในฉากถูกสร้างแยกกันแต่อยู่ในโรงถ่ายเดียวกัน
  • โต๊ะในห้องครัวถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ และมีความยาว 20 ฟุต กว้าง 2 ฟุต 9 นิ้ว
  • เครื่องเคลือบดินเผาทั้งหมดในห้องครัวซื้อมาจากตลาด การประมูล และพ่อค้าขายของมือสองสัญลักษณ์ครอบครัวแบล็ก ‘บ้านของตระกูลแบล็กที่สูงส่ง’ ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายกราฟิกและเพิ่มเข้าไปในเครื่องปั้นดินเผา
  • ห้องนอนอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านและเป็นสถานที่ที่แม่ของซิเรียสเก็บเครื่องเพชร กล่องใส่หมวก และของสะสมจากแฟน ๆ ของเธอ เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอน (เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะสำหรับแต่งตัว) ซื้อมาจากการประมูล
  • ที่นั่นมีภาพวาดห้องนอนอยู่บนกำแพงของห้องนอนพร้อมกับเตียงที่ยังไม่ได้จัด
  • ผ้าไหมสีดำที่ใช้สำหรับคลุมบนเตียงถูกสร้างขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์
  • วัสดุที่ใช้ในห้องโถงและผนังปล่องบันไดถูกสร้างขึ้นจากผ้าไหมสีเทาเข้มขนาด 350 เมตรที่ซื้อมาจากอินเดียและนำมาสกรีนเป็นสีทอง ซึ่งลวดลายเดียวกันนั้นถูกนำมาใช้กับผ้าม่านในห้องวาดภาพ
  • ที่ห้องโถงและบันไดจะมีโดมกระจกที่บรรจุหัวของเอลฟ์ ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายสร้างสรรค์เอฟเฟกต์
  • ที่ห้องโถงยังมีที่ตั้งร่มใหญ่เท่าฝ่าเท้าของเจ้ายักษ์ใหญ่ ซึ่งนี่เป็นต้นแบบของเท้าเจ้ายักษ์จากหนังภาคแรก

(อ้างอิง https://www.muggle-v.com/3473/)

เกร็ดน่ารู้

  • บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ปรากฏเป็นชื่อบทที่ 4 ของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์
  • เบื้องหลังของภาพยนตร์ระบุว่า กริมโมลด์เพลซตั้งอยู่ในเขต London Borough of Islington ซึ่งข้อมูลนี้ไม่มีระบุในหนังสือ และไม่มีการยืนยันจาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์
  • ฉากกริมโมลด์เพลซ สร้างขึ้นที่ Leavesden Studios ประเทศอังกฤษ ซึ่งใช้เป็นสตูดิโอถ่ายทำแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในหลากหลายฉาก ซึ่งเดิมวางแผนที่จะถ่ายทำในสถานที่จริงที่จตุรัส Camden ของลอนดอน แต่ด้วยต้นทุนและความยุ่งยากในการถ่ายทำตอนกลางคืน จึงต้องเปลี่ยนมาสร้างฉากขึ้นในสตูดิโอ ภายใต้การออกแบบของ Stuart Craig (Production Designer) โดยออกแบบด้วยต้นแบบจากสถาปัตยกรรมจอร์เจียน (Georgian Architecture) ในศตวรรษที่ 18 ที่นิยมสร้างอย่างแพร่หลายในลอนดอน (Harry Potter: Page to Screen น.152-3)
  • แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่แฟน ๆ ให้ความเห็นว่าสถานที่ที่ใช้เป็นต้นแบบในการเซ็ตฉากกริมโมลด์เพลซ มาจาก Claremont Square ด้วยโครงสร้างภายนอกบ้านที่เหมือนกัน มีการตกแต่งบ้านเรือนเพิ่มเติมให้แตกต่างจากสถานที่จริงร่วมกับ VFX
  • เดวิด เฮย์แมนกล่าวว่า ในการออกแบบพรมผนังที่แสดงผังตระกูลแบล็ก เขาได้ติดต่อขอรายละเอียดผังตระกูลแบล็กจาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง และเพียง 15 นาที เธอก็แฟกซ์ผังกลับมาด้วย 75 รายชื่อ จากลำดับสายกว่า 5 ลำดับ พร้อมด้วยวันเกิด วันตาย การสมรส และตราตระกูลกับคำขวัญตระกูล (Harry Potter: Page to Screen น.153)
  • ครีเชอร์ซึ่งเป็นเอลฟ์ประจำบ้านตัวสุดท้ายของตระกูลแบล็กเคยถูกตัดออกจากบทภาพยนตร์ (แม้ในบทร่างแรกจะมีบทของเขา) ที่เขียนโดย Michael Goldenberg แต่เมื่อเจ.เค.ได้อ่านบทร่างภาพยนตร์ เธอก็ยกสายติดต่อกลับมาเพื่อยืนยันไม่ให้ลบตัวละครนี้ออกจากภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ ผู้เขียนบทรู้สึกดีใจมากที่ตัวละครนี้ไม่โดนตัดทิ้งไป ด้วยเหตุผลที่เขารู้สึกว่าตัวละครครีเชอร์นั้นช่วยเปิดเผยแง่มุมบางอย่างออกมาจากตัวตนของซิเรียส แบล็ก (Harry Potter: Page to Screen น.153)
  • พรมผนังที่แสดงผังตระกูลแบล็ก ออกแบบโดย Miraphora Mina โดยอิงจากข้อมูลที่ เจ.เค.โรว์ลิ่งแฟกซ์ส่งมาให้ (ภายในสิบห้านาทีหลังจากที่เดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างโทรสอบถามไป) รวมถึงรายชื่อที่ถูกเผาทิ้งจากผังตระกูลด้วย (Harry Potter: Page to Screen น.406)
  • Concept Art ด้านหน้าบ้านกริมโมลด์เพลซ ออกแบบโดย Andrew Williamson (Harry Potter: Page to Screen น.407)
  • ภาพพิมพ์เขียวโครงสร้างของย่านกริมโมลด์เพลซ ออกแบบโดย Andrew Ackland-Snow (Senior Art Director) (Harry Potter: Page to Screen น.407)
  • ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ มีการปรับเปลี่ยนฉากให้อาเธอร์ วีสลีย์ ออกจากโรงพยาบาลมาฉลองกับครอบครัวในวันคริสต์มาส ขณะที่ในหนังสือ พวกเขาไปเยี่ยมอาเธอร์ที่โรงพยาบาล