ป่าต้องห้าม (Forbidden Forest)

ป่าต้องห้าม (Forbidden Forest)

“ป่าเหรอ เราเข้าไปในนั้นตอนกลางคืนไม่ได้หรอก — มีอะไรตั้งเยอะอยู่ในป่านั้น — ฉันได้ยินมาว่ามีมนุษย์หมาป่าด้วย”

– เดรโก มัลฟอย (ศิลาอาถรรพ์ บ.15)

ป่าต้องห้ามอยู่หลังแนวกำแพงฮอกวอตส์ กินผืนที่เป็นวงกว้างทางทิศตะวันออกถึงตะวันออกเฉียงเหนือของตัวปราสาท กระท่อมไม้เล็ก ๆ ของแฮกริดตั้งอยู่ริมป่าต้องห้าม (ศิลาอาถรรพ์ บ.8) ไม่ไกลจากป่าและกระท่อมของแฮกริดมีต้นวิลโลว์จอมหวดที่ดัมเบิลดอร์ปลูกในปีที่ลูปินเข้าเรียน

ป่าต้องห้ามมีพันธุ์ไม้หนาทึบมากมายขึ้นเบียดเสียดหนาแน่น และบางจุดของป่าก็เป็นลานโล่ง ต้นไม้ในป่าทั้งต้นบีชที่สูงตระหง่าน (ศิลาอาถรรพ์ บ.13) ต้นโอ๊กเก่าแก่ (ศิลาอาถรรพ์ บ.15) ต้นสน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30) ที่ชายป่ามีต้นซิคามอร์ (ห้องแห่งความลับ บ.15) และต้นยู (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21) รากไม้โบราณเป็นตะปุ่มตะป่ำบิดเบี้ยวอยู่ตามพื้น มีตอไม้ขวางอยู่ตามทาง (ห้องแห่งความลับ บ.15) และมีลำธารอยู่ใกล้ ๆ บริเวณที่แฮร์รี่เจอตอไม้เตี้ย ๆ ที่มีมอสส์ขึ้นเกาะเต็ม (ศิลาอาถรรพ์ บ.15)

ยามกลางคืนป่าต้องห้ามมืดและเงียบกริบ (ศิลาอาถรรพ์ บ.15)

ภาพวาดป่าต้องห้ามจาก Pottermore
ภาพวาดป่าต้องห้ามจาก Pottermore

แม้ป่าต้องห้ามจะเป็นที่ที่ไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้าไป แต่ก็ใช้เป็นสถานที่สำหรับเรียนวิชาดูแลสัตว์วิเศษในบางครั้ง และสำหรับนักเรียนที่ทำผิดกฎก็อาจได้รับโทษกักบริเวณที่ป่าต้องห้าม เช่นที่แฮร์รี่ เนวิลล์ เฮอร์ไมโอนี่ และเดรโก โดนกักบริเวณตอนปี 1

ลึกเข้าไปในป่าต้องห้าม (ไกลจากลานโล่งที่แฮกริดเคยเอาเธสตรอลมาสอนนักเรียน) เต็มไปด้วยพุ่มไม้ที่ขึ้นหนาแน่น ต้นไม้สูง ๆ ขึ้นเบียดชิดกันมาก ยิ่งเดินลึกเข้าไป ป่าก็ยิ่งมืดสลัวราวกับเป็นเวลาค่ำ กระจุกพุ่มไม้เริ่มกลายเป็นไม้หนามหนา พุ่มไม้เหล่านี้สูงพอจะเกาะเกี่ยวเสื้อคลุม ทำให้เกิดรอยแผลตามแขนขาได้ แต่แฮกริดก้าวผ่านพวกมันไปได้สบาย ๆ ต้องใช้เวลานานมากทีเดียวกว่าจะไปถึงที่ที่กรอปว์อาศัยอยู่ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30)

หน้าต่างของห้องนั่งเล่นบ้านเรเวนคลอ จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ฮอกวอตส์ได้กว้างขวาง ซึ่งรวมถึงทิวทัศน์ของป่าต้องห้ามด้วย (Pottermore) โรงนกฮูกเองก็มองเห็นป่าและกระท่อมแฮกริดได้เช่นกัน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.14)

สัตว์วิเศษและอื่น ๆ ในป่าต้องห้าม

“ป่าต้องห้ามคับคั่งไปด้วยสัตว์ประเภทต่าง ๆ ที่น่าจะทำให้แฮกริดถูกไล่ออกได้”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21

อะโครแมนทูล่า

ฝูงอะโครแมนทูล่าขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ พวกมันเป็นแมงมุมขนาดใหญ่เท่ามาลากรถ มีตาแปดตา ขาแปดขา ขนดำยาวรุงรัง รังของพวกมันอยู่ลึกเข้าไปในป่ากว่าตอนที่แฮร์รี่ตามรอยยูนิคอร์น ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงเพื่อไปถึงรัง ทางมุ่งสู่รังเป็นพื้นดินที่เทลาดลงไป ความมืดกดแน่นไปทั่วบริเวณ สูงขึ้นไปสามเมตรจะมีฝูงแมงมุมส่งเสียงกลิ๊ก ๆ อยู่เต็ม ท่ามกลางหมู่ไม้มืดทึบ ลึกไปจากจุดนั้นความมืดมิดจางลง เผยให้เห็นพื้นที่ปกคลุมด้วยใบไม้ มีแมงมุมไต่ยั้วเยี้ย มันเป็นขอบหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง เป็นหลุมลึกที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุม ทำให้แสงดาวส่องลงมาให้เห็นภาพเลวร้ายตรงหน้า ภาพของทางลาดชันลงไปที่มีใยแมงมุมรูปโดม ที่พำนักของอาราก็อก (ห้องแห่งความลับ บ.15) แมงมุมเหล่านี้เป็นผลผลิตของอาราก็อกที่ตัวใหญ่โตเท่าช้างและตาบอด กับโมแซ็ก แมงมุมเพศเมียที่แฮกริดหามาให้อาราก็อกเพื่อขยายเผ่าพันธุ์

แม้อาราก็อกจะจากฝูงไปในวันที่ 20 เมษายน 1997 (เจ้าชายเลือดผสม บ.22) แต่พวกมันก็ยังอาศัยอยู่ในป่า และเข้าร่วมกับผู้เสพความตายในปี 2008 (เครื่องรางยมทูต บ.32)

เซนทอร์

“ป่าซ่อนความลึกลับไว้มากมาย”

– โรนัน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.15)
ฝูงเซนทอร์ ในป่าต้องห้าม
ฝูงเซนทอร์ ในป่าต้องห้าม

ในป่าต้องห้ามมีเหล่าเซนทอร์อยู่ห้าสิบตัวหรือมากกว่านั้น พวกเขามีอาวุธเป็นธนู (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.33) แฮกริดเคยบอกว่าเซนทอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอิทธิพลอย่างมากในป่านี้ และเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในป่าด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30) เซนทอร์ที่ได้รับการกล่าวถึงคือ โรนัน เบน ฟีเรนซี มากอเรียน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.33)

ลูกมนุษย์หมาป่า

ลูกมนุษย์หมาป่า (werewolf cubs) ครอกหนึ่งถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอิสระอยู่ในป่าต้องห้าม ด้วยความเมตตาของดัมเบิลดอร์ ภายใต้การปกปิดความลับอย่างเข้มงวด พวกเขาเหมือนหมาป่าธรรมดา แต่เฉลียวฉลาดกว่า ข่าวลือเรื่องที่มีมนุษย์หมาป่าอยู่ในป่าต้องห้าม เกิดจากสาเหตุนี้ และไม่มีใครที่รู้พยายามเปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะต่างพึงพอใจที่เด็กนักเรียนอยู่ห่างจากป่าแห่งนี้ได้ (เจ.เค.โรว์ลิ่ง) ซึ่งแฮกริดเคยเอาลูกมนุษย์หมาป่ามาเลี้ยงไว้ใต้เตียงสมัยที่เขาเป็นนักเรียน (ห้องแห่งความลับ บ.17)

หมีบั๊กดูดเลือด

แฮกริดเคยเดาว่าการตายของไก่โต้งอาจเป็นฝีมือของมัน (ห้องแห่งความลับ บ.11)

หมาสามหัว (ปุกปุย) (เพียงชั่วคราว)

หลังเสร็จสิ้นภารกิจปกป้องศิลาอาถรรพ์ในปี 1992 ปุกปุยก็ถูกย้ายไปอาศัยอยู่ในป่าต้องห้ามช่วงระยะเวลาหนึ่ง (เจ.เค.โรว์ลิ่ง, Blue Peter (cBBC), 12 มีนาคม 2001) ก่อนถูกส่งไปยังประเทศกรีซ ตามความต้องการของอาจารย์ใหญ่อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เนื่องจากเขามองว่ามันควรอยู่ในที่ที่เหมาะสมมากกว่าจะอยู่ในป่า (เจ.เค.โรว์ลิ่ง, 6 ก.พ. 2015)

เธสตรอล

“คนที่เห็นเธสตรอลได้ คือคนที่เคยเห็นความตายมาแล้วค่ะ”

– เฮอร์ไมโอนี่ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21)
เธสตรอล
เธสตรอล

เธสตรอลเป็นสัตว์ปีกกินเนื้อที่ดูเหมือนนกยักษ์อัปลักษณ์ ปีกเป็นหนังสีดำเหมือนปีกของเทอโรแด็กทิล (Pterodactyl) พวกมันมีดวงตาสีขาวว่างเปล่า ใบหน้าคล้ายมังกร คอ และลำตัวผอมเห็นซี่โครง มีหางยาวสีดำ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21) ฮอกวอตส์ใช้มันเป็นสัตว์ลากรถม้าสำหรับพานักเรียนจากหมู่บ้านฮอกส์มี้ดมาฮอกวอตส์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.14) บางครั้งดัมเบิลดอร์ก็ใช้มันเมื่อต้องเดินทางไกล ๆ แล้วไม่อยากหายตัวไป (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21 น.493) เชื่อกันว่าครอบครัวเธสตรอลที่อาศัยอยู่ในป่าต้องห้ามปัจจุบัน เป็นลูกหลานของเธสตรอลที่นักเรียนเคยใช้มันขี่มาโรงเรียน ก่อนที่ฮอกวอตส์จะใช้รถไฟเป็นพาหนะหลักสำหรับพานักเรียนเดินทางมายังฮอกวอตส์ (Pottermore) แฮกริดสามารถเรียกเธสตรอลได้ด้วยการทำเสียงคล้ายเสียงร้องของนกประหลาด

“แฮกริดบอกว่าพวกมันหาสถานที่ที่คนขี่ต้องการได้เก่งด้วย”

– ลูน่า (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.33)

ในปี 1995 แฮกริดเคยพานักเรียนชั้นปีห้าไปยังที่อาศัยของเธสตรอล ที่นั่นต้นไม้ขึ้นเบียดเสียดจนมืดมัวเหมือนยามสนธยา แน่นหนาชนิดที่หิมะก็ตกลงไม่ถึงพื้นดิน (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21)

ยูนิคอร์น

ช่วงปี 1991-2 ยูนิคอร์นในป่าอย่างน้อย 2 ตัว ถูกควีเรลล์ทำร้ายเพื่อให้โวลเดอมอร์ดื่มเลือดของมัน (ศิลาอาถรรพ์ บ.15)

โทรลล์

ทอมหรือโวลเดอมอร์เคยบอกว่าสมัยเรียนแฮกริดเคยเข้าป่าต้องห้ามไปหาโทรลล์ (ห้องแห่งความลับ บ.17)

ฮิปโปกริฟฟ์

สัตว์ที่มีลำตัว ขาหลัง และหางอย่างม้า แต่ขาหน้า ปีก และหัวเหมือนอินทรียักษ์ พร้อมด้วยจะงอยปากสีเหล็กดูดุร้ายและนัยน์ตาโตสีส้มเจิดจ้า กรงเล็บที่ขาหน้ายาวครึ่งฟุตและดูเหมือนจะใช้เป็นอาวุธพิฆาตได้เลย ขนที่เงาเป็นมันมีทั้งขนอย่างนกและขนเส้นบางนุ่มกลมกลืน แต่ละตัวมีสีต่างกันไป ทั้งสีเทาพยับหมอก สีเทาเงิน สีน้ำตาลอมชมพู สีน้ำตาลไหม้เป็นเงามัน และสีดำขลับ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.6)

แฮกริดเตรียมคอกสัตว์สำหรับสอนนักเรียนปี 3 ไว้ใกล้ป่าต้องห้าม และนำพวกมันออกจากป่ามาให้นักเรียนได้เรียนนับสิบตัว บทเรียนฮิปโปกริฟฟ์เป็นบทเรียนแรกที่เขาสอนนักเรียนในฐานะศาสตราจารย์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.6)

คลาสเรียนปี 5 ของแฮกริด
คลาสเรียนปี 5 ของแฮกริด

ยักษ์ (กรอปว์)

ที่อาศัยของกรอปว์อยู่ลึกเข้าไปในป่า เป็นบริเวณเนินดินใหญ่มหึมา ที่โดยรอบโล่งเตียนจากการถอนต้นไม้ออกทั้งต้น บริเวณเนินดินล้อมรอบด้วยลำต้นและคาคบไม้ที่กองซ้อนกันเป็นรูปร่างเหมือนรั้วหรือเครื่องกีดขวาง ที่จริงแล้วเนินดินที่แฮร์รี่เห็นคือร่างของกรอปว์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30)

มังกร (เพียงชั่วคราว)

ในภารกิจแรกของการประลองเวทไตรภาคี แม่มังกรสี่ตัวที่กำลังฟักไข่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ในป่าต้องห้าม ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดจำนวนมาก (ถ้วยอัคนี บ.19)

แม่มังกรในป่าต้องห้าม
แม่มังกรในป่าต้องห้าม

โบวทรัคเกิล

เพราะป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่จำนวนมาก จึงไม่แปลกที่จะมีโบวทรัคเกิลอยู่ในป่าต้องห้าม ครั้งหนึ่งแฮร์รี่เคยเห็นมันกับตา ตอนที่เขาโกรธและกำลังกลัวว่าซิเรียสจะตายก่อนที่เขาจะไปช่วยได้ทัน เขาก็เตะเข้าที่ต้นไม้ใกล้ ๆ อย่างโมโห และเจอเข้ากับโบวทรัคเกิลที่โกรธจัดตัวหนึ่งงอนิ้วยาว ๆ เหมือนกิ่งไม้ใส่เขา (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.33 น.830)

สัตว์ธรรมดาในป่า

ป่าต้องห้ามก็เหมือนป่าสมบูรณ์ทั่วไปที่จะมีสัตว์อยู่หลากหลาย ในป่าต้องห้ามก็มีสัตว์ธรรมดาทั่วไปด้วย

จิ้งจอก

แฮกริดเคยเดาว่าการตายของไก่โต้งอาจเป็นฝีมือของมัน (ห้องแห่งความลับ บ.11)

กวาง

กวางเป็นหนึ่งในอาหารที่กรอปว์สามารถหากินเองได้ในป่าแห่งนี้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30)

นก

กรอปว์น้องชายที่เป็นยักษ์ของแฮกริด เคยคว้าเอารังนกมาจากบนกิ่งไม้ในบริเวณที่เขาอาศัยอยู่ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30)

อื่น ๆ

รถฟอร์ดแองเกลีย

หลังจากที่มันช่วยชีวิตรอนและแฮร์รี่ออกจากป่าต้องห้าม และมันก็ตะบึงกลับเข้าไปในป่า มันก็ใช้ชีวิตอยู่ในป่าต้องห้ามนับแต่นั้น

ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง

ในยุคที่อาร์มันโด ดิพพิต เป็นอาจารย์ใหญ่ เบเนดิตา โดว์ราโด อาจารย์ใหญ่ของคาสเตลโลบรูชู เคยเสนอจะส่งไคปอเรมาอยู่ป่าต้องห้ามจำนวนหนึ่งเพื่อให้ดิพพิตเห็นว่าความโกลาหลที่แท้จริงยิ่งกว่าพีฟส์เป็นยังไง แต่ดิพพิตตอบปฏิเสธข้อเสนอนั้น (Pottermore)

13 มิถุนายน 1943 อาราก็อกถูกปล่อยเข้าป่าต้องห้าม (ห้องแห่งความลับ บ.15)

1991 แฮกริดเคยบอกรอนว่าเขาใช้ครึ่งชีวิตคอยไล่ฝาแฝดเฟร็ด จอร์จ ออกจากป่า ซึ่งระยะเวลาออกจะเกินจริงไปสักหน่อย (ศิลาอาถรรพ์ บ.8)

ใบไม้ผลิ ปี 1992 แฮร์รี่ขี่ไม้กวาดนิมบัสสองพันแอบบินตามควีเรลล์กับสเนปที่วิ่งเข้าไปในป่า แต่ความหนาทึบของป่าทำให้เขาคลาดกับทั้งคู่ (ศิลาอาถรรพ์ บ.13)

ราววันที่ 26 พฤษภาคม 1992 แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ เนวิลล์ และเดรโก ตามแฮกริดเข้าไปในป่าเพื่อรับบทลงโทษ พวกเขาต้องตามหายูนิคอร์นที่ถูกเล่นงานให้พบ ในเหตุการณ์นั้นเซนทอร์ที่ชื่อว่าฟีเรนซีได้ช่วยชีวิตแฮร์รี่จากเงื้อมมือของโวลเดอมอร์ไว้ได้และให้เขาขึ้นขี่หลัง ซึ่งผิดวิสัยของเซนทอร์อย่างยิ่ง (ศิลาอาถรรพ์ บ.15)

“เป็นไปได้ไหมครับ ว่ามนุษย์หมาป่าฆ่าพวกยูนิคอร์น”

“มันไม่ว่องไวพอร็อก ไม่ง่ายนะที่จะจับยูนิคอร์น มันเป็นสัตว์ที่มีอำนาจวิเศษสูงมาก ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอะไรทำร้ายมันได้”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.15

1 กันยายน 1992 หลังถูกต้นวิลโลว์จอมหวดเล่นงาน รถฟอร์ดแองเกลียของอาเธอร์ก็หายเข้าไปในป่า

24 พฤษภาคม 1993 แฮร์รี่กับรอนและเจ้าเขี้ยวตามแมงมุมเข้าไปในป่าต้องห้าม ตามคำแนะนำของแฮกริด พวกเขาเจอกับอาราก็อกสัตว์เลี้ยงของแฮกริด และครอบครัวแมงมุมสุดสยองที่นั้น (ห้องแห่งความลับ บ.15)

6 มิถุนายน 1994 แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่ย้อนเวลาช่วยชีวิตจากบัคบีคและพามันเข้าไปบริเวณชายป่าต้องห้าม (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.20)

22 พฤศจิกายน 1994 แฮกริดได้นัดพบกับมักซีมในป่าต้องห้าม เพื่อดูมังกรที่จะถูกใช้สำหรับภารกิจแรกของการประลองเวทไตรภาคี ซึ่งแฮกริดได้แอบชวนแฮร์รี่ให้ติดตามพวกเขาไปดูด้วย โดยแฮร์รี่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าคลุมล่องหน ขณะเดียวกันคาร์คารอฟก็แอบตามทั้งคู่ไปดูด้วย (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.19)

17 มิถุนายน 1995 ครัมเดินเข้าในป่ากับแฮร์รี่ เพื่อถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะเจอกับบาร์ตี้ เคร้าช์ ที่สภาพผิดไปจากครั้งแรกที่เขาเห็น สภาพของคุณเคร้าช์เหมือนเดินทางรอนแรมมานานหลายวัน เสื้อผ้าขาดวิ่นและมีรอยเปื้อนเลือด ไม่สามารถครองสติได้อย่างสมบูรณ์ แฮร์รี่วิ่งออกไปตามดัมเบิลดอร์ แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าครัมถูกสะกดนิ่งนอนอยู่บนพื้น และคุณเคร้าช์หายไปแล้ว (ถ้วยอัคนี บ.28)

พฤศจิกายน 1995 แฮกริดพานักเรียนชั้นปี 5 เข้าไปในป่าต้องห้ามเพื่อให้พวกเขาเจอกับเธสตรอล (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21)

พฤษภาคม 1996 แฮกริดพาแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ไปพบกับกรอปว์ น้องชายที่เป็นยักษ์ของเขา (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.30)

ราว 20 มิถุนายน 1996 เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่หลอกล่ออัมบริดจ์เข้าไปในป่าต้องห้าม เธอโดนเล่นงานจากฝูงเซนทอร์ หลังจากนั้น รอน จินนี่ ลูน่า และเนวิลล์ก็ตามมาสมทบกับทั้งคู่และขึ้นขี่เธสตรอลไปยังกระทรวงเวทมนตร์เพื่อช่วยซิเรียส แบล็ก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.33) ซึ่งดัมเบิลดอร์เปิดเผยภายหลังกลับจากกระทรวงว่าสเนปได้เข้าไปหาแฮร์รี่ในป่าต้องห้าม หลังจากที่รู้เรื่องที่ซิเรียสถูกโวลเดอมอร์จับไปว่าเป็นเรื่องโกหก (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.37)

กุมภาพันธ์ 1997 แฮกริดบังเอิญได้ยินดัมเบิลดอร์กับสเนปโต้เถียงกันรุนแรงในค่ำวันหนึ่ง (เจ้าชายเลือดผสม บ.19) สเนปไม่อยากทำในสิ่งที่ดัมเบิลดอร์ต้องการให้สังหารเขา เพื่อให้แผนดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น (เครื่องรางยมทูต บ.33)

2 พฤษภาคม 1998 โวลเดอมอร์ใช้รังอะโครแมนทูล่าที่ว่างเปล่าเป็นที่มั่นของเขากับผู้เสพความตาย และเกณฑ์ฝูงอะโครแมนทูล่าออกไปต่อสู้ พวกผู้คุมวิญญาณก็อาศัยอยู่ในป่าต้องห้ามด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.34 น.664)

เกร็ดน่ารู้

  • ในบทภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ ป่าต้องห้ามถูกเรียกว่า Dark Forest
  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ ตัวละครที่ถูกกักบริเวณ แตกต่างจากหนังสือตรงที่เปลี่ยนจากเนวิลล์เป็นรอน
  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน แฮกริดพานักเรียนของเขาไปเจอกับฮิปโปกริฟฟ์ในป่าต้องห้าม แต่ในฉบับหนังสือ แฮกริดจัดสอนในคอกสัตว์ ไม่ได้เข้าไปในป่า (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.6 น.120)
  • เจ.เค.โรว์ลิ่ง เคยให้สัมภาษณ์ว่าป่าแห่งนี้เป็นส่วนภาคพื้นที่เธอชื่นชอบที่สุด (J. K. Rowling: A Year in the Life)
ภาพวาดแผนที่ฮอกวอตส์ โดย เจ.เค.โรว์ลิ่ง
ภาพวาดแผนที่ฮอกวอตส์ โดย เจ.เค.โรว์ลิ่ง