อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ เป็นน้องชายแท้ ๆ ของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และเป็นเจ้าของร้านหัวหมูในฮอกส์มี้ดด้วย
บุคลิกและอุปนิสัยของอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์
อาเบอร์ฟอร์ธมีดวงตาสีฟ้าสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกเอกซเรย์เช่นเดียวกับดัมเบิลดอร์ (เครื่องรางยมทูต บ.28) ครั้งหนึ่งที่แม้ด-อายเคยเจออาเบอร์ฟอร์ธเพียงครั้งเดียวบอกว่าเขาเป็นคนแปลกพิกล (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9)
วัยเด็กเขาเป็นเด็กผู้ชายที่ผอมเก้งก้าง มอมแมม และไว้ผมยาวประบ่าเหมือนอัลบัสไม่มีผิด (เครื่องรางยมทูต บ.11) เมื่อชรา อาเบอร์ฟอร์ธเป็นชายชราที่มีหน้าตาขี้หงุดหงิด มีผมและเคราสีเทายาวดกหนา รูปร่างผอมสูง และดูคุ้นตาแฮร์รี่อย่างพิกล (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.16)
ประวัติ
วัยเด็ก
อาเบอร์ฟอร์ธเกิดในช่วงปี 1883-4 เป็นลูกชายคนที่สองของเพอร์ซิวาลและเคนดรา ดัมเบิลดอร์ ในช่วงวัยรุ่นนั้นเขาผอมเก้งก้าง (เครื่องรางยมทูต บ.28) และมักใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้านอยู่กับน้องสาว แอรีอานนาสนิทและชอบอยู่กับอาเบอร์ฟอร์ธมากกว่าอัลบัส
อาเบอร์ฟอร์ธชอบแพะมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเคยเลี้ยงแพะที่บ้าน และแอรีอานนาก็ช่วยเขาเลี้ยงด้วยในบางครั้ง นิทานก่อนนอนเรื่องโปรดของเขาคือ กรัมเบิล เจ้าแพะสกปรก ที่เรื่องราวส่วนหนึ่งบอกว่าเจ้าแพะกรัมเบิลนั้นดึงดูดแมลงวัน ซึ่งบ่อยครั้งเขาต้องแย่งชิงกับอัลบัสในการขอให้แม่เล่านิทานเรื่องนี้ให้ก่อนนอน แทนที่จะเป็นนิทานสามพี่น้องที่พี่ชายเขาชอบมากกว่า (นิทานของบีเดิลยอดกวี)
สูญเสียน้องสาว
“ฉันบอกเขาว่า นายเลิกซะตอนนี้ดีกว่า นายพาเธอไปไหนไม่ได้ เธอไม่แข็งแรงพอ ไม่ว่านายจะไปไหน ไปแสดงปาฐกถา กล่อมสาวกอะไรนั่น นายก็พาเธอไปด้วยไม่ได้ เขาไม่ชอบใจเลย กรินเดลวัลด์ไม่ชอบใจเลยที่ได้ยิน เขาโกรธมาก เขาบอกว่าฉันเป็นไอเด็กงี่เง่าตัวกะเปี๊ยก พยายามจะขัดขวางทางเขากับพี่ชายที่ประเสริฐเลิศเลอ… ฉันไม่เข้าใจหรือว่าน้องสาวที่น่าสมเพชของฉันจะไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกเลย ถ้าพวกเขาเปลี่ยนโลกได้ ถ้าเขานำพ่อมดออกจากที่ซ่อน แล้วก็สอนพวกมักเกิ้ลให้รู้จักฐานะตัวเอง”
“แล้วเราก็เถียงกันใหญ่โต…ฉันชักไม้กายสิทธิ์ออกมา เขาก็ชักไม้ของเขา ฉันถูกเพื่อนรักของพี่ชายเสกคำสาปกรีดแทงใส่ — อัลบัสพยายามห้ามเขา แล้วเราสามคนก็ต่อสู้กัน แล้วลำแสงต่าง ๆ กับเสียงดังปึงปังก็ทำให้เธอคลั่ง เธอทนอะไรพวกนี้ไม่ได้ –“
“ฉันคิดว่าเธอคงอยากจะช่วย แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำลงไป มันอาจเป็นใครก็ได้ในบรรดาเราสามคน — แล้วเธอก็ตาย”
– อาเบอร์ฟอร์ธ (เครื่องรางยมทูต บ.28)
ภรรยาและลูกลับ ๆ
หน้าร้อนปี 1899 ขณะที่พี่ชายของเขากำลังวุ่นวายแผนการ “เพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่” อาเบอร์ฟอร์ธที่ต้องดูแลน้องสาวเพียงลำพัง ก็มีสัมพันธ์ลับกับผู้หญิงในก็อดดริกส์โฮลโล่ และให้กำเนิดออเรเลียส ดัมเบิลดอร์ ในช่วงปี 1900
เจ้าของร้านหัวหมูในฮอกส์มี้ด
อาเบอร์ฟอร์ธเป็นเจ้าของร้านและรับบทคนคุมบาร์ (barman) ซึ่งหมายถึงชายที่ทำหน้าที่ชงและเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับบาร์ไปพร้อมกัน ตั้งแต่ยังหนุ่ม (ภ.ความลับของดัมเบิลดอร์) น้อยคนอย่างมากที่จะรู้ว่าคนคุมบาร์เป็นน้องชายของดัมเบิลดอร์ ร้านของเขามักมีแต่พ่อมดแม่มดที่แต่งตัวแปลก ๆ และลูกค้าไม่ได้มากมายนัก
เขานำรูปภาพของน้องสาวมาแขวนไว้ในร้าน และทำให้มันกลายเป็นช่องทางลับจากร้านของเขาไปยังห้องต้องประสงค์ของฮอกวอตส์ (เครื่องรางยมทูต บ.28) ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าช่องทางลับนี้สร้างขึ้นเมื่อไหร่ แต่น่าจะภายหลังจากที่ดัมเบิลดอร์เข้าสอนที่ฮอกวอตส์แล้ว หรือหลังจากที่เขาก้าวขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่
อาเบอร์ฟอร์ธเคยสั่งห้ามมันดังกัสเข้าร้านหัวหมูตั้งแต่ปี 1975 (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.17)
ในปี 1980 ร้านหัวหมูของเขาเคยเป็นที่พักให้ทรีลอว์นีย์ที่เดินทางมาสัมภาษณ์งานกับดัมเบิลดอร์ และในวันนั้นเองสเนปที่ถูกจับได้ว่าแอบฟังการพูดคุยและได้ยินคำพยากรณ์ส่วนต้นของทรีลอว์นีย์ได้ถูกอาเบอร์ฟอร์ธไล่ออกจากร้านไป (เจ้าชายเลือดผสม บ.25)
เป็นไปได้ว่าในปี 1998 เขาเลี้ยงแมวแก่ไว้ที่ร้านตัวหนึ่งด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.28 น.532)
ขึ้นศาล
ดัมเบิลดอร์บอกว่า ครั้งหนึ่งอาเบอร์ฟอร์ธเคยถูกจับขึ้นศาลฐานใช้คาถาที่ไม่เหมาะสมกับแพะ ซึ่งเป็นข่าวหราในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แต่อาเบอร์ฟอร์ธก็ไม่ได้หลบซ่อนตัวจากข่าวเหล่านั้น ตรงกันข้าม เขาเชิดหน้ารับและทำงานของเขาต่อไปตามปกติ ซึ่งดัมเบิลดอร์ก็แอบเหน็บแนมน้องชายของตนเองว่าเขาไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าอาเบอร์ฟอร์ธอ่านหนังสือออก (ถ้วยอัคนี บ.24)
เข้าร่วมภาคีนกฟีนิกซ์
อาเบอร์ฟอร์ธเป็นสมาชิกดั้งเดิมของภาคีนกฟีนิกซ์ ที่พี่ชายของเขาเป็นผู้ก่อตั้ง (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9)
ช่วยเหลือแฮร์รี่และนักเรียนฮอกวอตส์ในช่วงการรบ
ตลอดปี 1998 อาเบอร์ฟอร์ธคอยเฝ้าดูแฮร์รี่ผ่านกระเงาสองทางมาตลอดหนึ่งปีที่เขาซื้อมันมาจากมันดังกัส ตามความต้องการของอัลบัส และเขาก็อาศัยการเฝ้ามองกระจกนั้นส่งด๊อบบี้ไปช่วยพวกเขาออกจากคฤหาสน์มัลฟอย (เครื่องรางยมทูต บ.28)
1 พฤษภาคม 1998 อาเบอร์ฟอร์ธได้ช่วยเหลือแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่จากผู้เสพความตายที่เสกคาถาแมวครวญไว้ทั่วหมู่บ้านฮอกส์มี้ด และจากผู้คุมวิญญาณด้วยการเสกคาถาผู้พิทักษ์ (ผู้เสพความตายคนนึงยืนกรานว่าเขาเห็นเป็นกวาง แต่เมื่ออาเบอร์ฟอร์ธยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เป็นแพะ เขาก็เกิดอาการไม่แน่ใจสิ่งที่ตัวเองเห็น) ทั้งยังให้ข้อมูลครอบครัวของตนเองแก่ทั้งสาม และพาพวกเขาเดินทางเข้าฮอกวอตส์ผ่านช่องทางลับหลังรูปภาพของแอรีอานนา (เครื่องรางยมทูต บ.28)
ไม่เพียงทั้งสามคนที่ใช้ช่องทางลับนี้เดินทางไปฮอกวอตส์ แต่ยังมีอีกหลายคนจากกองทัพดัมเบิลดอร์และภาคีนกฟีนิกซ์ รวมถึงสมาชิกควิดดิชเก่าของกริฟฟินดอร์ (เครื่องรางยมทูต บ.30) และเขาได้เข้าร่วมการสู้รบที่ฮอกวอตส์ด้วย ซึ่งแฮร์รี่ได้ถือวิสาสะใช้ช่องทางลับนี้ในการอพยพคนเป็นร้อย ๆ คนออกจากฮอกวอตส์ด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.31)
“… แล้วนี่ไม่มีใครคิดได้เลยรึว่าควรจะจับเด็กสลิธีรินไว้เป็นตัวประกันบ้าง ที่เธอส่งออกไปน่ะมีลูกหลานของผู้เสพความตายไม่น้อยนะ เก็บไว้สักหน่อยจะไม่ฉลาดกว่าหรือ”
“แค่นั้นคงหยุดโวลเดอมอร์ไม่ได้หรอกครับ แล้วพี่ชายของคุณก็ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่”
– อาเบอร์ฟอร์ธและแฮร์รี่ (เครื่องรางยมทูต บ.31)
ในระหว่างการต่อสู้อาเบอร์ฟอร์ธได้เสกคาถาสะกดนิ่งใส่รู้กวู้ดด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.36)
ความสัมพันธ์กับอัลบัส
สองพี่น้องดัมเบิลดอร์ดูนั้นมีนิสัยแตกต่างกันอย่างมาก และไม่ลงรอยในหลายครั้ง อัลบัสมองว่าน้องชายของตนเองเป็นจอมเกเร และไม่สนใจการเรียน แต่น่าสรรเสริญกว่าเขาเองหลายเท่านัก (เครื่องรางยมทูต บ.35) เมื่อน้องสาวของทั้งคู่ตาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งเลวร้ายลงไปอีก และแตกหักเช่นนี้เรื่อยมาจนทั้งคู่แก่ชรา ความโกรธของอาเบอร์ฟอร์ธที่น้องสาวต้องตายเพราะพี่ชายพากรินเดลวัลด์เข้ามาในบ้าน ยังคงกรุ่นในใจเขาเสมอ แต่เขาเองก็รู้ดีว่าพี่ชายของตนมีอุดมการณ์เช่นไร อุดมการณ์ที่อุทิศตัวเพื่อคนมากมาย
ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะร้าวฉาน แต่ความเป็นครอบครัวของทั้งสองก็ยังติดต่อและช่วยเหลือกันอยู่บ่อยครั้ง
ความสัมพันธ์กับแอรีอานนา
อาเบอร์ฟอร์ธอยู่เคียงข้างน้องสาวแทบจะตลอดเวลา เขาคอยช่วยเหลือน้องสาวให้สงบลง และอันตรายน้อยลง หลายครั้งที่ทั้งคู่ช่วยกันเลี้ยงแพะของอาเบอร์ฟอร์ธ
“ฉันเป็นคนโปรดของเธอล่ะ ไม่ใช่อัลบัส อัลบัสเอาแต่ขลุกอยู่ในห้องนอนเวลาอยู่บ้าน เอาแต่อ่านหนังสือ นับถ้วยรางวัล แล้วเขียนจดหมายติดต่อกับ ‘ผู้วิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุค’ เขาไม่อยากยุ่งกับแอรีอานนา เธอชอบฉันมากที่สุด ฉันทำให้เธอยอมกินได้เวลาเธอดื้อกับแม่ แล้วเวลาเธอเดือดดาลฉันก็ทำให้เธอสงบลง เวลาสงบ ๆ เธอชอบช่วยฉันเลี้ยงแพะ”
– อาเบอร์ฟอร์ธ (เครื่องรางยมทูต บ.28)
ความสัมพันธ์กับกรินเดลวัลด์
อาเบอร์ฟอร์ธนั้นมองเห็นตัวตนของกรินเดลวัลด์ต่างกับพี่ชายของเขา และอย่างที่เรารู้กันว่าจริง ๆ แล้วอัลบัสก็รับรู้ความเป็นสัตว์ร้ายกาจในตัวกรินเดลวัลด์ แต่เลือกจะปิดตาเสียข้างหนึ่ง
ในปี 1898 ขณะที่กรินเดลวัลด์กับดัมเบิลดอร์จมอยู่ในความเพ้อฝันของพวกเขาต่อแผนการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ อาเบอร์ฟอร์ธที่เกินจะทนก็เอ่ยปากทัดทานแผนการของทั้งคู่ เขาไม่ต้องการให้แอรีอานนาเดินทางไปกับทั้งคู่ด้วย เพราะเธออ่อนแอและเปราะบาง การขัดขวางของเขาทำให้กรินเดลวัลด์โกรธจนลืมตัว เขาถูกกรินเดลวัลด์ใช้คำสาปกรีดแทงเล่นงานต่อหน้าพี่ชายของตนเอง (เครื่องรางยมทูต บ.28, 35)
ทักษะ
- คาถาผู้พิทักษ์ เป็นที่ทราบกันดีว่าคาถาผู้พิทักษ์นั้นเป็นคาถาขั้นสูงที่น้อยคนจะทำได้ ซึ่งอาเบอร์ฟอร์ธสามารถเสกได้ และผู้ทักษ์ของเขาเป็นแพะ (เครื่องรางยมทูต บ.28)
เกร็ดน่ารู้
- อาเบอร์ฟอร์ธได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกโดยอัลบัส ดัมเบิลดอร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.24 และปรากฎตัวครั้งแรกในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9
- อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ รับบทโดย Jim McManus แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 รับบทโดย Ciarán Hinds และในภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์: ความลับของดัมเบิลดอร์ อาเบอร์ฟอร์ธตอนหนุ่มรับบทโดย Richard Coyle
- ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 อาเบอร์ฟอร์ธได้เสกคาถาผู้พิทักษ์ซึ่งไร้รูปร่างขับไล่ผู้คุมวิญญาณนับร้อยออกไป ซึ่งฉากดังกล่าวไม่มีระบุไว้ในหนังสือ
- ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ อาเบอร์ฟอร์ธเลี้ยงแพะตัวหนึ่งที่ร้านหัวหมู ซึ่งมันมีชื่อว่า Matey
- เจ.เค.โรว์ลิ่ง เคยตอบคำถามเด็กแปดขวบเรื่องคาถาอะไรที่อาเบอร์ฟอร์ธใช้กับแพะจนขึ้นศาล ซึ่งเธอได้ตอบอย่างระมัดระวังเพราะคนถามเป็นเด็กว่า “ฉันคิดว่าเขาพยายามที่จะทำให้แพะง่ายต่อการทำความสะอาด เพราะเขาของมันโค้งงอ (หัวเราะ) มันเป็นมุกที่คู่รักจะเข้าใจจ้ะ… (I think that he was trying to make a goat that was easy to keep clean [laughter], curly horns. That’s a joke that works on a couple of levels…)” (เจ.เค.โรว์ลิ่ง, Carnegie Hall) แน่นอนว่าคำตอบที่เธอตอบเด็กไปนั้นไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะหากตีความในมุมของผู้ใหญ่ คำตอบนั้นออกจะ…