เมโรเพ ก๊อนท์ (Merope Gaunt)

เมโรเพ ก๊อนท์

เมโรเพ ก๊อนท์ หรือ เมโรเพ ริดเดิ้ล เป็นแม่มดเลือดบริสุทธิ์ หนึ่งในทายาทของซัลลาซาร์ สลิธีริน ลูกสาวของมาร์โวโล ก๊อนท์ และเป็นแม่ของลอร์ดโวลเดอมอร์

ครอบครัวก๊อนท์

เมโรเพ ก๊อนท์ เกิดราวปี 1907 เป็นบุตรสาวของมาร์โวโล ก๊อนท์ และมีพี่ชายชื่อมอร์ฟิน ก๊อนท์ เธอและครอบครัวเป็นพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์ พวกเขาทั้งสามคนอาศัยอยู่ในกระท่อมโกโรโกโส ปลายทางแยกแคบ ๆ ขวามือของทางไปหมู่บ้านลิตเติ้ลแฮงเกิลตัน บ้านที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงาต้นไม้เก่าแก่หนาทึบ (เจ้าชายเลือดผสม บ.10)

ภาพวาดบ้านตระกูลก๊อนท์ โดย Mary GrandPré

กำแพงนั้นรกเรื้อด้วยตะไคร่ กระเบื้องหลายแผ่นตกลงมาจากหลังคา เผยให้เห็นจันทันในหลาย ๆ จุด ต้นตำแยขึ้นอยู่รอบ ๆ บ้าน ยอดพุ่งสูงขึ้นไปถึงหน้าต่างที่บานจิ๋วและมีขี้ดินขี้ทรายจับหนา…

… ประตูหน้าบ้าน ซึ่งมีคนตอกตะปูตรึงงูตายตัวหนึ่งเอาไว้

… ดูเหมือนบ้านนี้จะมีห้องเล็กจิ๋วสามห้อง มีประตูสองบานตรงห้องกลาง ซึ่งใช้เป็นครัวและห้องนั่งเล่นรวมกัน…

– เจ้าชายเลือดผสม บ.10

ตระกูลก๊อนท์เป็นทายาทของสลิธีริน ที่สืบเชื้อสายผ่านทางแคดมัส เพฟเวอเรลล์ ดังจะเห็นได้จากแหวนประจำตระกูลก๊อนท์ที่มาร์โวโลภูมิใจอย่างยิ่ง ซึ่งหินที่ประดับบนตัวแหวนคือหินชุบวิญญาณในนิทานสามพี่น้องของบีเดิลยอดกวี

ทั้งสามเป็นพวกสุดท้ายในตระกูลก๊อนท์ ที่เก่าแก่มาก เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงว่านิสัยไม่แน่นอนและรุนแรง มาหลายต่อหลายรุ่น (เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.209)

ครอบครัวก๊อนท์เป็นภาพสะท้อนของการใช้อำนาจและความรุนแรงในครอบครัว มาร์โวโลกดขี่ลูกสาวของเขาอย่างหนักเพราะเข้าใจว่าเธอเป็นสควิบ (การเป็นแม่มดที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับเลือดบริสุทธิ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทายาทสายตรงของสลิธีริน) เมโรเพถูกด่าท่อสารพัดตลอด 18 ปีที่เธอเติบโตขึ้นมา และเธอไม่ได้เข้าเรียนฮอกวอตส์เหมือนเด็กคนอื่น

“เก็บมันขึ้นมา! นั่นแหละ หยิบมันขึ้นมาจากพื้นด้วยมือเหมือนไอ้พวกมักเกิ้ลโสโครก ไม้กายสิทธิ์ของแกเก็บไว้ทำอะไรเรอะ นังถุงขยะไม่ได้เรื่อง”

– มาร์โวโล ก๊อนท์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.203)
ภาพวาดตระกูลก๊อนท์ ที่นอกหน้าต่างคือ ทอม ริดเดิ้ล โดย Jessica Roux

บุคลิกลักษณะ

“เขาไม่เคยเห็นใครที่ดูยอมพ่ายแพ้เท่าคนคนนี้เลย”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.203)

เมโรเพ ก๊อนท์ ในวัย 18 ปี เป็นผู้หญิงผมยาวเหยียดตรงและดูกระด้าง ใบหน้าจืดชืด ซีดเซียว และค่อนข้างซึมเซา ดวงตาของเธอก็เหมือนของพี่ชาย มันจ้องมองไปคนละทาง เธอดูสะอาดกว่าพ่อและพี่ชาย แต่เมื่อเทียบกับคนปกติก็ยังนับได้ว่าสกปรกอยู่ดี (เจ้าชายเลือดผสม บ.10) เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สะสวยเลยสักนิด (เจ้าชายเลือดผสม บ.13) เมโรเพไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความกล้าหาญ (เจ้าชายเลือดผสม บ.13 น.256) เธอเติบโตมากับการถูกกดขี่ และคนในครอบครัวปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นคนใช้และสิ่งน่ารังเกียจภายในบ้าน

เป็นอิสระ

ตอนอยู่กับครอบครัว ดูเหมือนว่าเธอพอจะเสกคาถาได้อยู่บ้าง แต่มันไม่ได้เสถียรอย่างที่พ่อมดแม่มดทั่วไปพึงทำได้ เธอเคยใช้ไม้กายสิทธิ์เพื่อจะยกหม้อ แต่หม้อดันพุ่งขึ้นจากพื้นห่างจากเธอออกไป และกระแทกแตกออกเป็นสองเสี่ยง (เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.204) แต่หลังจากที่พ่อและพี่ชายของเธอถูกตัดสินโทษจำคุกอัซคาบันด้วยข้อหาขัดขืนการจับกุมของกระทรวงเวทมนตร์ (มอร์ฟินพี่ชายถูกตัดสินโทษฐานทำร้ายมักเกิ้ล) ในช่วงเดือนกันยายน 1925 (เจ้าชายเลือดผสม บ.10) เธอก็ค้นพบอิสรภาพเป็นครั้งแรก การได้ใช้ชีวิตลำพังทำให้เวทมนตร์ของเธอที่ถูกเก็บเอาไว้กลับคืนมา และเริ่มวางแผนที่จะตั้งต้นชีวิตใหม่

ก่อนละทิ้งบ้านเก่าทรุดโทรมของเธอ เมโรเพได้เขียนจดหมายลาทิ้งไว้ให้พ่อที่ติดคุก เมื่อเขากลับมาบ้านในปี 1926 และพบว่าลูกสาวทิ้งเขาไป พร้อมกับบ้านที่ฝุ่นจับหนา พ่อของเธอก็เสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่นาน

แต่งงานกับมักเกิ้ล

เมโรเพ หลงรัก ทอม ริดเดิ้ล หนุ่มมักเกิ้ลรูปหล่อและร่ำรวย ลูกชายเศรษฐีเจ้าของที่ดินในหมู่บ้านลิตเติลแฮงเกิลตัน เขามีคฤหาสน์หลังงามอยู่บนหุบเขาไม่ไกลจากบ้านก๊อนท์ ซึ่งขณะนั้นเขากำลังคบหากับหญิงสาวมักเกิ้ลที่ชื่อว่าเซซิเลีย

หากเทียบริดเดิ้ลกับก๊อนท์ ก็เหมือนคนรวยที่หนีตามสาวจรจัด แทนที่จะเลือกสาวมักเกิ้ลที่คู่ควร (เจ้าชายเลือดผสม บ.10)

“เค้าชอบดูไอ้มักเกิ้ลนั่น” มอร์ฟินบอก สีหน้ามุ่งร้ายเมื่อเขาจ้องไปที่น้องสาว ซึ่งตอนนี้มีท่าทางกลัวสุดขีด “ไปที่สวนเสมอล่ะเวลามันผ่านมา คอยแอบดูมันลอดรั้ว ใช่ไหมล่ะ แล้วเมื่อคืนนี้- -“

“ยื่นหน้าอยู่ที่หน้าต่าง คอยมันขี่ม้ากลับบ้านผ่านมา ใช่ไหมล่ะ”

“เป็นความจริงหรือ” ก๊อนท์พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว ก้าวตรงไปหาเด็กสาวที่หวาดกลัวสุดขีดหนึ่งหรือสองก้าว “ลูกสาวของฉัน – – ทายาทเลือดบริสุทธิ์ของซัลลาซาร์ สลิธีริน – – อยากได้ไอ้มักเกิ้ลโสโครกเลือดขี้ดินงั้นรึ”

“แก นังสควิบตัวกระจิริดน่าขยะแขยง แก นังคนทรยศต่อเลือดแสนโสโครก!” ก๊อนท์คำราม ควบคุมตัวเองไม่ได้ และมือก็กุมรอบคอลูกสาว

– เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.208

เธอได้ใช้เวทมนตร์ของเธอล่อลวง ทอม ริดเดิ้ล มักเกิ้ลหนุ่มรูปงามมาเป็นคนรักของเธอได้ด้วยยาเสน่ห์

หลังการแต่งงาน เมโรเพ ก๊อนท์ ก็เปลี่ยนนามสกุลเป็น เมโรเพ ริดเดิ้ล (เจ้าชายเลือดผสม บ.13 น.256) สองสามเดือนหลังจากที่ทอม ริดเดิ้ล หนีตามเมโรเพไปเพราะยาเสน่ห์ เขาก็กลับมายังคฤหาสน์ โดยทิ้งภรรยาตั้งท้องไว้เบื้องหลัง (เจ้าชายเลือดผสม บ.10 น.211) ดัมเบิลดอร์คาดเดาว่าสาเหตุของการถูกทิ้ง เพราะเมโรเพทนใช้เวทมนตร์เพื่อพันธนาการสามีที่เธอลุ่มหลงและรักอย่างดูดดื่มให้อยู่กับเธอตลอดไปไม่ได้ เธอจึงหยุดใช้ยาเสน่ห์ และอาจคิดว่าการที่เธอตั้งท้องจะทำให้เขาอยู่กับเธอต่อไป แต่เมื่อยาเสน่ห์หมดฤทธิ์ลง ทอมที่กลับมาเป็นตัวเองโดยสมบูรณ์ก็ทิ้งเธอในทันที และไม่เคยสนใจตามหาลูกชายที่เกิดจากเมโรเพอีกเลย

เมโรเพต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างยิ่ง หลังจากที่สามีของเธอทิ้งเธอไป ความเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวังและความหมดอาลัยตายอยากเป็นเหตุหนึ่งที่ดัมเบิลดอร์ค่อนข้างมั่นใจว่าทำให้เธอหยุดใช้เวทมนตร์ หรือมันอาจดูดกลืนเวทมนตร์ไปจากเธอและทำให้เธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีก

แฮร์รี่: “แต่เธอเสกเวทมนตร์ได้นะครับ! เธออาจหาอาหารและของอื่น ๆ ให้ตัวเองได้โดยใช้เวทมนตร์ เธอทำได้ไม่ใช่หรือครับ”

ดัมเบิลดอร์: “อ้อ บางทีเธออาจทำได้ แต่ฉันเชื่อว่า – – ฉันกำลังเดาอีกแล้วนะ แต่ฉันแน่ใจว่าฉันคิดถูก – – เมื่อตอนที่สามีทอดทิ้งเธอไป เมโรเพหยุดใช้เวทมนตร์ ฉันไม่คิดว่าเธอต้องการเป็นแม่มดต่อไปอีกแล้ว แน่ล่ะ เป็นไปได้ด้วยว่าความรักที่ไม่สมหวังและความหมดอาลัยตายอยากที่รุมเร้าอยู่คงจะดูดเอาพลังอำนาจของเธอไป เรื่องแบบนั้นอาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อีกเดี๋ยวเราก็จะได้เห็น เมโรเพปฏิเสธที่จะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแม้แต่เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.13

ก่อนวันคริสต์มาสปี 1926 เมโรเพ ก๊อนท์ ที่ท้องโย้ใกล้คลอดและต้องการใช้เงิน แบกท้องไปร้านบอร์กินและเบิร์กส์ เพื่อเอาล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน ไปขายให้กับแคแร็กเทคัส เบิร์ก เธอถูกเอาเปรียบอย่างน่ารังเกียจด้วยการให้ราคามันเพียง 10 เกลเลียน ทั้งที่เขารู้ว่ามันเป็นของสลิธีรินจริง ๆ (เจ้าชายเลือดผสม บ.13)

เกิดและตาย

“ฉันจำได้ชัดเจน เพราะว่าเพิ่งเริ่มทำงานที่นี่ เป็นวันสิ้นปีและหนาวเข้ากระดูกเลย หิมะกำลังตก คุณรู้ไหมคะ มันเป็นคืนที่ร้ายกาจ และเด็กสาวคนนี้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้แก่กว่าฉันมากมายเท่าไหร่ ก็เดินโซซัดโซเซมาที่บันไดหน้า แต่เธอไม่ใช่คนแรกหรอกนะคะ เรารับเธอเข้ามา แล้วเธอก็คลอดลูกไม่ถึงชั่วโมงหลังจากนั้น และอีกชั่วโมงต่อมาเธอก็ตาย”

– มิสซิสโคล (เจ้าชายเลือดผสม บ.13 น.259)

ในวันที่ 31 ธันวาคม 1926 (เจ้าชายเลือดผสม บ.13, JKRowling.com) เมโรเพแม่มดวัย 19 ที่บอบช้ำสาหัส เดินโซซัดโซเซมาจนถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในลอนดอน และได้รับความช่วยเหลือจากมิสซิสโคลที่พึ่งเข้ารับหน้าที่ดูแลสถานรับเลี้ยงวันนั้นพอดี เธอคลอดลูกชายและตั้งชื่อลูกเช่นเดียวกับชื่อสามีและชื่อกลางเป็นชื่อพ่อของเธอ คือ ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล หลังจากที่เธอคลอดโวลเดอมอร์ เธอก็เสียชีวิตลงในอีกชั่วโมงต่อมา (เจ้าชายเลือดผสม บ.13)

“แม่ของเธอมีทางเลือกเหมือนกัน ใช่ เมโรเพ ริดเดิ้ลเลือกความตายแทนที่จะเลือกลูกชายที่ต้องการแม่ แต่อย่าด่วนตัดสินเขาเลยแฮร์รี่ เมโรเพอ่อนแอมากเพราะทรมานมานาน และเขาก็ไม่มีความกล้าหาญเหมือนแม่ของเธอ…”

– อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.13)

ทักษะเวทมนตร์

  • การปรุงยา เป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่ายาเสน่ห์ที่เมโรเพใช้กับทอม จะมาจากการปรุงยาด้วยตัวเธอเองทั้งหมด
  • พาร์เซลเมาท์ หนึ่งในทักษะทางเวทมนตร์ติดตัวที่ส่งต่อทางสายเลือด เมโรเพเป็นพาร์เซลเมาท์เช่นเดียวกับบิดาและพี่ชาย โดยได้รับทักษะพิเศษนี้มาจากการสืบเชื้อสายของซัลลาซาร์ สลิธีริน

เกร็ดน่ารู้

  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม ระบุชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ Wool’s Orphanage
  • เจ.เค.โรว์ลิ่งให้สัมภาษณ์ว่า หากเมโรเพไม่ตายและเลี้ยงดูทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล ด้วยตัวเองและด้วยความรัก หลายอย่างในชีวิตของโวลเดอมอร์จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน (Bloomsbury Live Chat, 30 กรกฎาคม 2007)

Ravleen: “ข้อเท็จจริงที่โวลเดอมอร์เกิดมาจากยาเสน่ห์ส่งผลกระทบกับการไร้ความสามารถในการเข้าใจความรักของเขามากน้อยแค่ไหนคะ หรือนั่นเป็นไปในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า”

J.K.Rowling: “มันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขามาจากการลงเอยที่ไร้รัก แต่แน่นอนค่ะ ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปแน่ ๆ ถ้าเมโรเพรอดชีวิตและเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเองและด้วยความรัก ความลุ่มหลงที่ควบคุมทอม ริดเดิ้ลที่เป็นพ่อของโวลเดอมอร์อยู่เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันแสดงให้เห็นถึงการบีบบังคับ และไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการเกิดมาบนโลกจากผลลัพธ์ของการลงเอยแบบนั้น”

– เจ.เค.โรว์ลิ่ง (Bloomsbury Live Chat, 30 กรกฎาคม 2007)