เช่นเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ลอร์ดโวลเดอมอร์ก็กำลังอยู่ในภารกิจ: การปลิดชีพของ “เด็กชายผู้รอดชีวิต” เยทส์ กล่าวว่า “โวลเดอมอร์อยู่จุดสูงสุดของพลังอำนาจที่แท้จริง เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด, รอเวลาของเขาจนเขาสามารถกลับมาและกำหนดความตั้งใจบนโลกที่เหลือได้ ทุกอย่างที่อยู่ในแผนการสำคัญของเขามารวมอยู่ด้วยกัน; เขาแค่อยากจัดการกับรายละเอียดเล็กๆ นี้ โวลเดอมอร์ไม่รู้ว่า ‘เด็ก’ กลายเป็นคู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาต้องเป็นผู้ฆ่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่างแรกสุดมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และอย่างที่สองคือมันจะเป็นความสะใจมาก หลังจากที่ถูกขัดขวางมาหลายต่อหลายครั้ง มันเป็นมากกว่าเรื่องส่วนตัวไปแล้วในจุดนี้”
ราล์ฟ ฟีนส์ ผู้เป็นที่จดจำได้อย่างติดตาในบทบาทของลอร์ดโวลเดอมอร์ กล่าวว่า ตัวละครของเขาถูก “ผลักดันจากความโกรธแค้นเบื้องลึก สิ่งหนึ่งที่กระตุ้นเขาได้มากขึ้นคือพลังอำนาจและพลังอำนาจที่เพิ่มยิ่งขึ้น—ความสามารถในการควบคุม, จัดการและทำลายผู้คน นั่นคือสิ่งที่เขาขาดไม่ได้”
เยทส์ ให้ความเห็นว่า “ราล์ฟแน่กลัวสุดๆ เวลาที่เขาแสดงเป็นโวลเดอมอร์ ในฐานะนักแสดงแล้ว เขาสามารถปรับสภาพตัวเองทั้งกายและใจให้เข้าสู่สิ่งชั่วร้ายบางอย่างได้; เราจะรู้สึกได้จริงๆ ว่าอุณหภูมิห้องลดลงเวลาที่เขาสวมวิญญาณตัวละครนั้น”
ผู้เสพความตายนับถือเจ้าแห่งศาสตร์มืดด้วยการผสมผสานกันทั้งความนับถือและความเกรงกลัว, รับรู้ว่าเขาต้องการสิ่งกระตุ้นเล็กๆ เพื่อทำให้ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ต้องเกรงกลัว หากเขาต้องการสิ่งตอกย้ำความทรงจำของลางร้ายนั้น ก็จะมีผู้ร่วมทางอยู่ในฝั่งของโวลเดอมอร์เสมอ—และสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่โวลเดอมอร์เลี้ยงเอาไว้ด้วยความรักอย่างแท้จริง—งูยักษ์ ที่มีชื่อว่า นากินี
โวลเดอมอร์ได้เรียกประชุมเหล่าผู้เสพความตายที่เก่งกาจที่สุดของเขาที่คฤหาสของมัลฟรอย เพื่อวางแผนว่าจะซุ่มโจมตีแฮร์รี่ พอตเตอร์ เมื่อไหร่, ที่ไหนและอย่างไร ผู้มาถึงคนสุดท้ายคือ เซเวอรัส สเนป รับบทแสดงโดย อลัน ริคแมน “ทุกครั้งที่ผมดูอลันในบทบาทของสเนป ผมแปลกใจในความซับซ้อนและความแตกต่างทางด้านการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของเขาทุกอย่าง” เฮย์แมน กล่าวว่า “เขาสามารถถ่ายทอดทั้งอารมณ์ขันและความโกรธได้ในลมหายใจเดียวกัน และในภาคนี้คุณจะเริ่มรู้สึกได้ถึงการแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ของสเนปผู้ลึกลับ”
สเนปบอกผู้เข้าชุมนุมเหล่านั้น เมื่อแฮร์รี่กำลังจะออกจากบ้านซอยพรีเว็ตของเขา โดยเตือนว่าเขาจะ “ได้รับการคุ้มครองทุกด้าน” ด้วยภาคีนกฟีนิกซ์ แต่ถึงอย่างไรแล้วฟีนส์ กล่าวว่า “โวลเดอมอร์เชื่อว่าท้ายที่สุดเขาจะเอาชนะแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ เขาใช้การปกครองอย่างเต็มที่, ราวกับกษัตริย์”
แม้ว่าโวลเดอมอร์จะพบว่า เขาไม่สามารถฆ่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ด้วยไม้กายสิทธิ์ของเขา เขาได้ล้วงความลับจากผู้สร้างไม้กายสิทธิ์ชั้นดี อลลิแวนเดอร์ (จอห์น เฮิร์ท) ว่า ไม้กายสิทธิ์ของเขาและแฮร์รี่เป็น “ฝาแฝด” ที่มีแกนพลังเดียวกัน และด้วยวิธีนั้นจึงเป็นการแย่งชิงกันเองของพลังอำนาจที่ต้านทานกัน ในวาจาอันลุ่มลึกที่กล่าวแห่งความชั่วร้ายอันบอบบาง เขาแนะนำว่าลูเซียส มัลฟอยได้รับ “เกี่ยรติ” มอบไม้กายสิทธิ์ของเขาให้แก่โวลเดอมอร์
“ไม้กายสิทธิ์เป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวในตอน ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต’—ข้อกำหนดของไม้กายสิทธิ์และความสำคัญที่มีต่อพ่อมด” เยทส์ ระบุว่า “สิทธิ์ในการครอบครองไม้กายสิทธิ์ทำให้พวกเขาเป็นตัวละครในแบบที่เป็นตัวเองอย่างเหมาะสม ในหนังสือเล่มแรกๆ เราเรียนรู้จากอลลิแวนเดอร์ว่า ‘ไม้กายสิทธิ์จะเลือกพ่อมด’; สำหรับพวกเขาแล้ว, การสูญเสียไม้กายสิทธิ์อาจเปรียบเสมือนการสูญเสียส่วนหนึ่งของตัวตน ฉะนั้นเมื่อโวลเดอมอร์เอาไม้กายสิทธิ์ของลูเซียส มัลฟอยไป มันเหมือนกับเอาความเป็นลูกผู้ชายของเขาไปด้วย เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตมีค่าสำหรับเขามาก”
เมื่อเราพบลูเซียส มัลฟอยใน “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ” เขาเป็นพ่อมดจอมโอ้อวด เขาไม่ได้มีความเกรงใจในก่อนซ่อนความหยิ่งยโสต่อหน้าทุกคนที่เขารู้สึกว่าต้อยต่ำกว่าเขา และคนที่เลี้ยงดูลูกชายของเขาคือเดรโกในความคิดของเขา เงาของเขาก่อนหน้านี้ได้หวนคืนมาหลังจากการถูกจองจำระยะสั้นที่อัซคาบัน ตอนนี้เขาต้องยืนหยัดต่อความจริงอย่างเงียบๆ ว่าเขาถูกทำหน้าที่แทนหัวโต๊ะอาหารที่ครอบครัว และบ้านของเขาถูกโวลเดอมอร์และกองบัญชาการของเขายึดครองไป
เจสัน ไอแซคส์ ผู้กลับมารับบทบาทของ ลูเซียส มัลฟอย อีกครั้งกล่าวว่า การสูญเสียไม้กายสิทธิ์ของเขาไป อาจไม่ใช่แค่การลงโทษครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับลูเซียส แต่ยิ่งกว่านั้นมันคือหายนะ “การช่วงชิงไม้กายสิทธิ์มาได้ เป็นการทำลายเขาอย่างสิ้นเชิง และไม่ใช่แค่โวลเดอมอร์ช่วงชิงไป แต่เขายังทำสัญลักษณ์หัวงู—อันหรูหรา ซึ่งเป็นเครื่องประดับประจำตระกูลแตก—และขว้างมันลงบนโต๊ะราวกับเป็นของไร้ค่า ที่ทำให้ลูเซียสอ่อนกำลังลงต่อหน้าผู้เสพความตายอื่นๆ ทั้งหมด ลูเซียสเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นคนจองหองอวดดี; เขาเสแสร้งว่ายืนเคียงข้างโวลเดอมอร์ในฐานะมือขวาของเขามาแล้ว แต่หลังจากแหกคุกออกมา หลังจากที่เดรโกพลาดจากภารกิจปลิดชีพดัมเบิลดอร์ และหลังจากความอัปยศที่รู้กันโดยทั่วในครั้งนี้ เขาไม่มีความคิดว่าจะมีอนาคตใดที่เฝ้ารอเขาอยู่…หากจะมี ก็คงเป็นแค่รางวัลรออยู่ตอนท้าย”
เดรโก มัลฟอย นั่งถัดจากพ่อของเขา เขากำลังจัดการกับความสงสัยของอดีตเด็กเกเรหนุ่มคนหนึ่งของสลิธีริน ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความเลือดเย็นที่แท้จริงของการเป็นผู้เสพความตาย ทอม เฟลตัน ผู้แสดงเป็นเดรโก กล่าวว่า “ในภาพยนตร์เรื่องก่อน เราเห็นว่า, ถึงจะอยากเป็นมือขวาของพ่อเขา, อยากเป็น ‘ผู้ถูกเลือก’ อันชั่วร้าย แต่หากสังเกตแล้ว เดรโกไม่ได้มีคุณสมบัติแม้แต่ประการใดเลย เขารู้ว่านี่ไม่ใช่พวกคนที่เขาอยากจะเอาตัวเองไปคบค้าสมาคมด้วย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเลือก เขาจะทำพลาดไม่ได้; โดยพื้นฐานแล้วเดรโกไม่ใช่คนน่ารัก แน่นอนว่าเขาตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่เขากำลังลงชื่อเป็นพยาน และไม่ใช่แค่เขามีสิ่งที่เขาจะทำในตอนท้ายที่สุด เรามีโอกาสเพียง 2-3 ครั้งในการค้นหามันในเรื่องราว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมในฐานะที่เป็นนักแสดง”
ป้าของเดรโก, เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ไม่มีความรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำ การกลับเข้ามาในคราวนี้ เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ เปิดเผยว่า เบลลาทริกซ์มีชื่อเสียงทางด้านชอบประจบสอพลอโวลเดอมอร์อย่างที่สุด และเป็นผู้ติดตามที่โหดร้าย “เธอรักแค่อำนาจอันสูงสุด, ความยอดเยี่ยม และโดยเฉพาะการไม่มีจมูกของเขา มันเซ็กซี่มาก” เธอหัวเราะ “เบลลาทริกซ์เป็นคนบ้า ไม่ใช่บ้าแบบเสียสตินะ เธอไม่มีขีดจำกัด; เธอทุ่มเทหมดตลอดเวลา เธอจึงเอาพลังทั้งหมดจากฉันไป ซึ่งน่าจะหมดเลยนะ แต่นั่นคือเหตุผลใหญ่ว่าทำไมการแสดงเป็นเธอถึงสนุกมาก”
“เฮเลน่ามีช่วงเวลาดีๆ กับตัวละครนี้” บาร์รอน กล่าวว่า “ผมว่ามันเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของเธอว่า เธอทำให้เรารักเบลลาทริกซ์ได้ แม้ว่าเธอคือผลงานอันเลวร้ายก็ตาม”
โดยการควบคุมของโวลเดอมอร์ อันตรายได้คุกคามเลยเถิดจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปยังทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เช่นเดียวกับครอบครัวของเขา ด้วยการที่เป็นพ่อมด, ตระกูลวีสลีย์สามารถต่อสู้กับเวทมนตร์ได้ด้วยเวทมนตร์ แต่ครอบครัวมักเกิ้ลของแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ถูกโจมตีได้ง่ายเป็นพิเศษ
เพื่อการป้องกันพ่อแม่ของเธอ, เฮอร์ไมโอนี่สร้างตัวเลือกที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา ในฉากที่มีการกล่าวเป็นนัยไว้ในหนังสือ เธอแอบหนีออกจากบ้าน ปล่อยให้พ่อแม่ของเธอมีเพียงความทรงจำในวัยเด็กร่วมกับเธอเท่านั้น วัตสัน กล่าวว่า “เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าการอยู่เคียงข้างแฮร์รี่ ทำให้พ่อแม่ต้องตกอยู่ในอันตราย ทางเดียวที่เธอจะปกป้องพวกเขาได้คือการตัดขาดจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง เธอจึงลบล้างความทรงจำเกี่ยวกับเธอ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสลด เธอต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปตลอดกาล ฉันหลงใหลสิ่งที่สตีฟ โคลฟส์ เขียนเอาไว้ในฉากมากๆ มันเป็นฉากที่สะเทือนใจ และทำให้คำว่าบ้านมีความยิ่งใหญ่ในการเสียสละของเฮอร์ไมโอนี่ รวมถึงรอนที่ทำเพื่อแฮร์รี่ เพื่อนของพวกเขา”
ขณะเดียวกันการเสียสละที่ถือว่าน้อยกว่า แฮร์รี่ก็ต้องกล่าวอำลาครอบครัวมักเกิ้ลของเขาเหมือนกัน: ลุงเวอร์นอนผู้เหลืออด, ป้าเพ็ตทูเนียและดัดลีย์ลูกพี่ลูกน้อง และเมื่อพวกเดอร์สลีย์ได้ขับออกไปจากบ้านที่อ้างว้างในซอยพรีเว็ต แฮร์รี่ไม่ต้องรำลึกถึงเรื่องอดีตในวัยเด็กที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในตู้ใต้บันได
เสียงอึกทึกจากหน้าประตูเป็นการเตือนเขาว่า ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยของเขามาถึงแล้ว: รอนและเฮอร์ไมโอนี่; อาเธอร์ วีสลีย์; แม้ด-อาย มูดดี้; ท็องส์และลูปิน; ฝาแฝดเฟร็ดและจอร์จวีสลีย์; พี่ชายของพวกเขา, บิลและคู่หมั้นของเขา, เฟลอร์ เดอลากูร์; มันดังกัส เฟล็ทเชอร์; คิงสลีย์ แช็คเกิลโบล์ต; และคนสุดท้ายที่มองข้ามไม่ได้, รูเบียส แฮกริด ทั้งหมดมาเพื่อส่งแฮร์รี่ไปยังที่หลบซ่อนอันปลอดพ้น
ไม่มีความปลอดภัยใดขณะต่อสู้กับผู้เสพความตาย แม้ด-อายจึงคิดแผนการหลอกล่อขึ้นมา 6 คนในกลุ่มจะดื่มน้ำยาสรรพรส ซึ่งทำให้มี “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ขึ้นมา 7 คน และแยกจากกันไป 7 ทิศทาง “ชื่อของเกมคือสร้างความสับสน” เบรนแดน กลีสัน ที่แสดงเป็น แม้ด-อาย มูดดี้ ผู้นำของกลุ่ม กล่าวว่า “แม้ด-อายอาจดูงี่เง่าไปบ้าง แต่เขาก็เป็นพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ เขาเป็นผู้ชายที่มีความอ่อนไหวที่ถูกจำกัดเอาไว้ แต่มีความรุนแรงบางอย่างในความจริงที่อยู่ภายใต้ความหยาบกระด้างที่อยู่ภายนอก จิตใจของเขามีความถูกต้องเหมาะสมมาโดยตลอด”
ฉากที่นำความท้าทายมาให้ทั้งผู้สร้างภาพยนตร์และนักแสดงคือ การเปลี่ยนภาพเฮอร์ไมโอนี่, รอน, เฟร็ด, จอร์จ, เฟลอร์และมันดังกัสให้กลายเป็นแฮร์รี่ทั้ง 6 แรดคลิฟฟ์ได้วาดภาพพวกเขาแต่ละคนเอาไว้ นักแสดงเข้าใจง่ายขึ้นว่า “น้ำยาสรรพรสเปลี่ยนพวกเขาให้ภายนอกกลายเป็นแฮร์รี่ มันไม่ได้เปลี่ยนว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นใคร เลยต้องมีการปลอมตัวเป็นตัวละครอื่นนิดหน่อย”
“เรามีนักแสดงแต่ละคนแสดงในฉาก แดนจึงสามารถสังเกตพวกเขาได้” เยทส์ กล่าวเสริมว่า “ตัวอย่างเช่น เราพบว่า แอนดี้ ลินเดน ที่แสดงเป็นมันดังกัสเดินเหมือนเวลาเล่นสกี ผมจะขอให้แดนแสดงออกเกินจริงนิดหน่อย ตามปกติแล้วผมอยากให้นักแสดงดูเหมือนจริง—เป็นธรรมชาติและกล้องจะได้จับที่การแสดง แต่ในกรณีนี้ผมว่ามันน่าสนุกมากขึ้นที่ใส่เข้าไป เพราะความจริงนั้นจะเป็นตัวกำหนด” เขายิ้ม “ผมบอกแดนเสมอว่า ‘แค่แสดงไป’ ผมว่าเขาสนุกไปกับมันจริงๆ
จากจุดยืนของเยทส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค, ทิม เบิร์ก ผู้ควบคุมด้านเอ็ฟเฟ็กต์, และเอดอร์โด เซอร์ร่า ตากล้อง ใช้ประโยชน์ตัวควบคุมการเคลื่อนไหว เพื่อจับการถ่ายทำหลายต่อหลายครั้งที่แรดคลิฟฟ์แสดงเป็น “ตัวแทน” แฮร์รี่แต่ละคน จากนั้นนำฉากมาผสมกันเพื่อทำให้เกิดภาพลวงตาที่สมบูรณ์ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้ง 7 คนกำลังอยู่ในห้องเดียวกันเวลาเดียวกัน ผู้กำกับ บรรยายว่า “มันใช้เวลามาก ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3วันกับเกือบ 100 เทคเพื่อทำให้สมบูรณ์”
ทันทีที่ตัวปลอมทั้งหลายแต่งกายคล้ายคลึงกัน และสวมแว่นที่เหมาะสม แฮร์รี่แต่ละคนเป็นผู้ร่วมมือกับคนอื่นในทีมในฐานะผู้คุ้มกันของเขา ทำให้ภาพยนตร์มีความสมบูรณ์ แฮร์รี่ตัวจริงถูกจับคู่กับแฮกริด ที่ไปส่งเขาที่บ้านหมายเลข 4 ซอยพรีเว็ตเหมือนเด็กคนหนึ่ง เมื่อต้องแสดงเป็นแฮกริด ลูกครึ่งยักษ์ผู้เป็นที่รักอีกครั้ง, ร็อบบี้ โคลเทรน ให้ความเห็นว่า “แฮกริดคือคนที่พาเขาไปที่นั่นเมื่อ 16 ปีก่อน แฮกริดคือคนที่บอกแฮร์รี่ว่าเขาคือพ่อมด และบอกให้เขารู้ถึงสถานที่สำคัญมากในโลกแห่งผู้มีเวทมนตร์ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่พิเศษมากๆ ต่อกัน มันจึงเป็นความเหมาะสมที่สุดที่เขาจะเป็นผู้พาแฮร์รี่หนีไป”
บางคู่ก็หลบหนีไปบนไม้กวาด คนอื่นๆ ก็อยู่บนม้าที่มีปีกเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเธสตรอล แต่แฮร์รี่ถูกลดขั้นลงไปอยู่ที่รถพ่วงของมอเตอร์ไซค์คันเดียวกันที่แฮกริดพาเขาไปที่บ้านในซอยพรีเว็ตเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทันทีที่พวกเขาลอยขึ้นไป ผู้เสพความตายก็ปรากฏขึ้นมา นำไปสู่การไล่ล่าที่รวดเร็วและอันตรายกลางเวหา และลงมายังบนท้องถนน เคลื่อนที่ไหวเอียงท่ามกลางและรอบๆ รถ
เหล่ามักเกิ้ลที่กำลังขับรถต่างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา; ในทางกลับกันพวกเขาประหลาดใจที่ได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ฝืนแรงโน้มถ่วง ไต่ขึ้นไปตามกำแพงของอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยจราจร สถานที่ในอุโมงค์ของการไล่ล่าถูกถ่ายทำในสถานที่ 2 แห่งที่แยกจากกัน: Dartford Tunnel, ลอนดอน; และ Mersey Tunnel, ลิเวอร์พูล การประสบผลสำเร็จด้วยฉากที่อัดแน่นไปด้วยแอคชั่นได้รับการเอาใจใส่จากการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้กำกับ, นักแสดงและทีมงานผู้อยู่เบื้องหลัง รวมไปถึง ทิม เบิร์ก, ผู้กำกับกองสอง สตีเฟ่น วูลเฟ็นเด็น, ผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ จอห์น ริชาร์ดสัน และผู้ประสานสตั๊นท์ เกร็ก โพเวล
โพเวลให้ตัวเองทำหน้าที่เป็นตัวแสดงแทนของแฮกริด โดยยอมรับ “ผมสมัครใจมารับหน้าที่เอง เพราะสตั๊นท์คนอื่นตัวไม่ใหญ่เท่าผม ผมเริ่มเศร้าตอนที่สวมเครื่องแต่งกายเพราะมันร้อนมาก เราต้องเปิดพัดลมเพราะแว่นตาของผมมีไอขึ้นมา และผมมองอะไรไม่เห็นเลย”
ริชาร์ดสันกับทีมของเขาปรับแต่งมอเตอร์ไซค์และจำลองมันขึ้นมาอีกหลายคัน โดยคำนึงว่าพวกเขาจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร พร้อมด้วยความสะดวกสบายและความปลอดภัยของเหล่านักแสดงที่สำคัญที่สุดและเป็นอันดับหนึ่ง เขาอธิบายอย่างละเอียดว่า “เรามีรถมอเตอร์ไซค์ที่สามารถแผดเสียงดังลั่นท้องถนนได้ และคันอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ และคันอื่นๆ สำหรับฉากที่มันต้องเหวี่ยงขึ้นลงในอุโมงค์ที่ถูกขึงให้หมุนรอบกรีนสกรีน เรายังสร้างรถมอเตอร์ไซค์อีกคันเพื่อช่วยช่วงที่มอเตอร์ไซค์โหม่งลงในหญ้าฟางที่บ้านโพรงกระต่าย มอเตอร์ไซค์หลายคันมีเบาะรองนั่งพร้อมที่บังคับ ซึ่งมั่นใจได้ว่าถูกยึดไว้กับโครง เราจึงเหวี่ยงพวกเขาไปรอบๆ ได้โดยปราศจากอันตรายใดๆ ถึงชีวิตและแขนขาเลย”
แฮร์รี่ทั้ง 7 และผู้คุ้มกันของเขามุ่งหน้าไปสู่บ้านของวีสลีย์ ซึ่งถูกเผาโดยผู้เสพความตายในภาคที่แล้ว ในบ้านโพรงกระต่ายที่สร้างขึ้นมาใหม่, ผู้ออกแบบฉาก สจ๊วต เครก และทีมงานของเขาสร้างความเชื่อมั่นในการเก็บรักษารูปแบบหลายอย่างที่เด่นของครอบครัวเอาไว้ “มันมีท่อนไม้ใหม่และมันถูกทาสีสดๆ มันจึงดูแปลกน้อยกว่าที่มันเคยเป็น…แต่แค่เพียงเล็กน้อย” เครก ยิ้มกว้าง
การมาถึงที่บ้านโพรงกระต่าย แฮร์รี่กลับมาพบกับคุณนายวีสลีย์, แสดงโดย จูลี่ วอลเตอร์ส และ จินนี่ วีสลีย์ ที่มีการพัฒนาความสัมพันธ์กับแฮร์รี่จนถึงขั้นเป็นความรักที่ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป บอนนี่ ไรท์ ที่กลับมารับบทบาทกล่าวเช่นนั้น โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ว่า “จินนี่เข้าใจดีว่าแฮร์รี่ต้องทำอะไร เธอเต็มใจที่จะปล่อยเขาไปและเฝ้ารอให้เขากลับมาหาเธอ”
เมื่อ 6 ใน 7 คู่ออกจากลิตเติลวิงจิงเพื่อเดินทางมาสู่บ้านโพรงกระต่าย มันเห็นได้ชัดว่าการหลบหนีมีมูลค่าอย่างมหาศาล เพื่อน 2 คนที่ต้องสูญเสียไป และจอร์จ วีสลีย์ต้องบาดเจ็บอย่างสาหัสจากการระเบิดที่ทำให้เขาเสียหูข้างซ้าย แฝดทั้งคู่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยอารมณ์ขันของพวกเขาแล้ว “พวกเขาพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุด” โอลิเวอร์ เฟลป์ส ที่แสดงเป็นจอร์จ กล่าวยืนยันว่า “ข่าวดีคือตอนนี้ผู้คนสามารถบอกความแตกต่างระหว่างพวกเขาได้แล้ว”
“มันอาจเป็นสิ่งที่แย่มาโดยตลอด จริงๆ แล้วผมคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ปรับปรุงให้เขาดีขึ้นนะ” เจมส์ เฟลป์ส ที่แสดงเป็นเฟร็ด กล่าวติดตลก
ครอบครัววีสลีย์และเพื่อนๆ ไม่สามารถอยู่กับความโศกเศร้าได้ เมื่อพวกเขาต้องรวมตัวกันไปร่วมฉลองในงานแต่งของลูกชายคนโต, บิล, และเฟลอร์ เดอลากูร์ผู้น่ารัก นักแสดงหน้าใหม่, ดอมนอล กลีสัน ที่แสดงเป็นบิล มีความเกี่ยวดองกับครอบครัวของภาพยนตร์แฟรนไชส์อยู่แล้ว โดยเป็นลูกชายของ เบร็นดัน กลีสัน เคลเมนซ์ โพซี่ ที่ปรากฏตัวในบทของเฟลอร์ ที่เข้าร่วมแข่งขันการประลองเวทไตรภาคีใน “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี” คู่ที่เพิ่งแต่งงานที่เข้าร่วมในงานแต่งงานคือ มนุษย์หมาป่าลูปินและภรรยาของเขา, ท็องส์, แสดงโดย เดวิด ธิวลิวส์ และนาตาเลีย ทีน่าตามลำดับ
งานแต่งถูกจัดขึ้นในกระโจมหรูหราที่ถูกยกขึ้นด้วยเวทมนตร์ของ อาเธอร์ วีสลีย์ (มาร์ค วิลเลียมส์) ซึ่งอยู่เคียงข้างกับบ้านโพรงกระต่าย, งานชุมนุมอันสวยหรูที่อยู่ในความแตกต่างที่เห็นอย่างชัดจากรสนิยมของวีสลีย์ “แต่” เครกพูดแย้งว่า “เรามีการตัดสินใจว่างานแต่งจะได้รับการออกค่าใช้จ่ายโดยครอบครัวของเจ้าสาว มันเลยเป็นรูปแบบฝรั่งเศสของเดอลากูร์ซะมากกว่า แน่นอนว่ายังมีองค์ประกอบที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ด้วย เช่นถ้วยแชมเปญที่เติมตัวเองได้”
ก่อนที่งานแต่งจะเริ่มขึ้น แขกผู้ไม่ได้รับเชิญก็มาถึง: รูฟัส สคริมเจอร์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ที่เราพบในการกล่าวสุนทรพจน์ในการชุมนุมในโลกแห่งเวทมนตร์ ในช่วงเริ่มแรกของภาพยนตร์ การเข้าคัดเลือกตัวนักแสดงในบทบาทของสคริมเจอร์ บิล ไนฮี่ กล่าวติดตลกว่าการรวบรวมสิ่งที่เพิ่มเข้ามาของเขากินเวลาจนนานเกินไป “เป็นเวลาช่วงหนึ่งที่ผมคิดว่าผมคงเป็นแค่นักแสดงชาวอังกฤษของในยุคที่ไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ร่วมเป็ส่วนหนึ่งของมัน แต่ความจริงแล้วเดวิด เยทส์ทำการกำกับภาพยนตร์ ทำให้มันมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เเมื่อยามที่อยู่ใกล้ เขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีความฉลาดและความทันสมัยมาก ผมเลยมีความกระตือรือล้นที่ได้ทำงานร่วมกับเขาเสมอ”
เยทส์มีการต้อนรับด้วยความยินดีพอๆ กับที่ได้ไนฮี่มาแสดง “บิลเป็นนักแสดงที่มีความสามารถรอบด้าน และผมอยากให้เขามาอยู่ในโลกนี้เสมอ เวลาที่มีส่วนของ รูฟัส สคริมเจอร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมคิดว่า ‘นั่นต้องเป็นบิล!’ ลักษณะที่โจบรรยายตัวละครเอาไว้ เขาเหมือนกับสิงห์เฒ่าผู้ช่ำชอง และผมรู้ว่าบิลต้องแสดงมันได้ดี”
“รูฟัสเคยเป็นมือปราบมารและต่อจากนั้นคือทหาร, มาถึงตอนนี้เขาต้องปรับตัวอย่างยากลำบาก เพื่อเข้าสู่โลกแห่งการเมือง” ไนฮี่กล่าว
สคริมเจอร์ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่องานแต่ง เขามาเพื่อส่งสารที่มีความแตกต่างไป: พินัยกรรมฉบับสุดท้ายของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ถึงแฮร์รี่ และบางทีอาจเป็นที่น่าแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อ รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ก็มีส่วนในพินัยกรรมนี้ด้วย
“มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจยาก” เอ็มม่า วัตสัน ยันยัน “เพราะจริงๆ แล้วรอนและเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยใกล้ชิดกับดัมเบิลดอร์ นอกเหนือจากเมื่อแฮร์รี่, เฮอร์ไมโอนี่ และ รอนอยู่ในช่วงวิกฤติ เขาทิ้งหนังสือนิทานไว้ให้เฮอร์ไมโอนี่เรื่อง นิทานของบีเดิลยอดกวี ที่ปรากฏบนหน้าหนังสือ เพราะเขารู้ว่าเธอชอบหนังสือ”
สำหรับรอน “ดัมเบิลดอร์ทิ้งดีลูมิเนเตอร์ไว้ให้” รูเพิร์ท กรินท์ เปิดเผยว่า “เราคลิกมันและมันจะดูดแสงสว่างในห้องออกไปหมด พอเราคลิกมันอีกทีก็จะนำแสงสว่างกลับมา รอนคิดว่ามันเจ๋งมาก แต่ไม่มีใครแน่ใจว่ามันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร”
สำหรับคนสุดท้ายนั่นคือแฮร์รี่ ดัมเบิลดอร์ทิ้งโกลเด้นสนิช, ลูกทรงกลมที่บินได้ที่เขาจับได้ในการแข่งขันควิดดิชครั้งแรกที่ฮอกวอตส์ แต่ไม่ใช่แค่นั้น ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยังยกดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ให้เป็นมรดกของแฮร์รี่อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ดาบหายไป และปรากฏขึ้นที่กระทรวง ที่ได้รับการคัดค้านการมอบวัตถุที่มีค่านี้ให้แก่แฮร์รี่ แม้ว่าเขาจะได้มันมาอยู่ในมือ
“เมื่อพวกเขาได้รับพินัยกรรมต่างๆ ทั้งสามเชื่อว่ามันต้องมีความหมายบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่…บางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นประเด็นหลักที่ยิ่งใหญ่” แรดคลิฟฟ์ สังเกตว่า “ในเวลาขณะนี้ พวกเขาเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าคำตอบ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยโดยเฉพาะสำหรับแฮร์รี่”
ในช่วงเวลาระหว่างนั้น, มีงานแต่งเกิดขึ้นร่วมไปด้วย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันใหม่อีกครั้งของเพื่อนเก่าๆ และมีการแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักกัน รวมไปถึงเซโนฟิเลียส เลิฟกู๊ด, พ่อของลูน่าและบรรณาธิการเดอะควิบเบลอร์ “หนังสือพิมพ์ใต้ดินที่สนับสนุนแฮร์รี่ พอตเตอร์กับจุดประสงค์ของเขาอย่างกล้าหาญ” รีซ อีแฟนส์ นักแสดงผู้แสดงในบทบาทนั้นกล่าวว่า “เขาสูญเสียภรรยาไป เขาจึงเป็นพ่อหม้ายและทุ่มเทความรักให้กับลูกสาวมากจนเกินไป ทั้งคู่อยู่ในโลกที่มีความคิดสร้างสรรค์และประหลาดในแบบเดียวกัน”
เดวิด เฮย์แมน กล่าวว่า “อิแวนน่า (ลินช์) นำอุปนิสัยที่แปลกประหลาดและความใกล้เคียงกับต้นฉบับมาสู่ตัวละครของลูน่าที่เราต้องการใครสักคนที่สามารถสะท้อนความแปลกประหลาดของเธอได้ ทันทีที่มีการกล่าวชื่อของรีซขึ้นมา เรารู้เลยว่าเขาต้องเข้ามามีส่วนทำให้มันยอดเยี่ยมได้แน่”
ณ งานเลี้ยง, แฮร์รี่ถูกดึงดูดให้เข้าสู่สนทนาระหว่างเพื่อนสองคนของดัมเบิลดอร์ คนแรกคือ เอลฟายอัส โดจ ผู้เขียนข่าวการตายของเขาลงเดลี่พรอเฟ็ต และคุณยายน้อยมิวเรียลของวีสลีย์ การพูดคุยของเขาวกเข้าสู่การพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาตของริต้า สกีตเตอร์ และประวัติส่วนตัวอย่างตรงไปตรงมา, ชีวิตและเรื่องปดมดเท็จของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ซึ่งทำให้แฮร์รี่เริ่มไม่เข้าใจ และค่อนข้างสับสนในความจริงเกี่ยวกับอดีตของดัมเบิลดอร์ รวมไปถึงการที่เขาอยู่ที่กอดริกส์ โฮลโล่ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่แฮร์รี่เกิดและพ่อแม่ของเขาถูกสังหาร
บาร์รอน ให้ข้อคิดว่า “แฮร์รี่ได้รู้ว่านั่นคือด้านหนึ่งของดัมเบิลดอร์ที่เขาไม่เคยคิดสงสัยมาก่อน และอาจไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ มันทำให้เขาไม่สบายใจ แฮร์รี่รู้ว่าดัมเบิลดอร์ทำผิดพลาดกันได้ แต่เขาเริ่มคิดว่าถูกปิดบังมากแค่ไหน ช่วยอะไรไม่ได้แต่แค่สงสัยว่าทำไม”
ก่อนที่แฮร์รี่จะพบคำตอบสำหรับคำถามต่างๆ มากมาย ข่าวที่น่าประหลาดก็เกิดขึ้น:
กระทรวงล่มแล้ว… พวกมันกำลังมา
การกล่าวถึง พวกมัน ไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ เพียงชั่วขณะ, ผู้เสพความตายก็เริ่มบุกโจมตี แฮร์รี่, รอนและเฮอร์ไมโอนี่จนแทบไม่สามารถหลบหนีได้
Source: Warner Bros.