ภายหลังคำตัดสินของศาลกรณีการฟ้องร้องระหว่าง จอห์นนี่ เดปป์ และสำนักข่าว The Sun ของอังกฤษสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยจอห์นนี่ เดปป์ เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงกรณีเดียวจากประเด็นที่จอห์นนี่ เดปป์ ถูกฟ้องร้องในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว ด้วยการทำร้ายร่างกาย แอมเบอร์ เฮิร์ด อดีตภรรยา ในปี 2016
หลังจากนั้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน Toby Emmerich ประธานของ Warner Bros. Pictures Group ก็ได้เรียกร้องให้จอห์นนี่ เดปป์ ลาออกจากบทดังกล่าวในภาพยนตร์ ส่งผลให้วันที่ 6 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา จอห์นนี่ เดปป์ ผู้รับบท เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ออกมาชี้แจงผ่าน Instagram ขอลาออกจากบทบาทดังกล่าว หลังถูก Warner Bros. ขอให้ออกจากบท ซึ่งมีการถ่ายทำไปแล้วหนึ่งฉาก ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน โดยทางค่ายหนังได้จ่ายเงินค่าจ้างให้กับจอห์นนี่ เดปป์ เต็มจำนวน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงเพราะทางค่ายขอให้นักแสดงลาออกเอง (อ้างอิง HollywoodReporter)
ด้วยเหตุนี้ ทำให้บทบาทของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ จำเป็นต้องหานักแสดงใหม่ที่มารับบทแทน และส่งผลให้การถ่ายทำต้องยุติลงชั่วคราวจนกว่าจะได้นักแสดงแทนคนใหม่ ซึ่งทำให้กำหนดฉายเดิมถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็นวันที่ 15 กรกฎาคม 2022 เรียกว่ารอกันไปอีกยาวๆ
ภายหลังจากที่มีการประกาศลาออกจากบทดังกล่าว ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีทาง Warner Bros. อย่างหนัก ถึงการขอร้องดังกล่าวที่ไม่ยุติธรรมทั้งต่อนักแสดงและแฟนคลับจักรวาลเวทมนตร์ เนื่องจากหลายฝ่ายมีความเห็นว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้ไม่มีความยุติธรรม ทั้งที่หลักฐานของจอห์นนี่ เดปป์ จำนวนมากยืนยันการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากทางฝั่งแอมเบอร์ เฮิร์ด ขณะที่ฝั่งแอมเบอร์ เฮิร์ด ยังคงรับบทบาทในอควาแมน 2 โดยไม่มีสัญญาณท่าทีแบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อจอห์นนี่ เดปป์
ทางด้าน เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้เขียนบทภาพยนตร์ และ เดวิด เยตส์ ผู้กำกับที่เคยออกมาปกป้องจอห์นนี่ เดปป์ ในปี 2017 ตอนนี้ก็ยังไม่มีการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแต่อย่างใด สิ่งที่ทุกคนควรทราบก็คือ คดีความระหว่างจอห์นนี่ เดปป์ และแอมเบอร์ เฮิร์ด ยังไม่สิ้นสุด แม้การตัดสินในกรณีของ The Sun จะออกมาแล้ว แต่จอห์นนี่ เดปป์ ยังยืนยันที่จะเดินหน้าอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินที่น่าสงสัยต่อไป และยังมีอีกคดีที่เขาฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดโดยตรงที่เขียนบทความพาดพิงเขาในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งคดีนี้จะมีการพิจารณาคดีที่ศาลแฟร์แฟ็กซ์ รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน Fantastic Beasts ภาค 3 มีการถ่ายทำไปแล้วบางส่วน มีกำหนดฉายทางการวันที่ 15 กรกฎาคม 2022
สรุปประเด็น จอห์นนี่ เดปป์ และแอมเบอร์ เฮิร์ด
จากข่าวคราวการประกาศถอนตัวจากแฟรนไชส์ Fantastic Beasts ของจอห์นนี่ เดปป์ ผู้รับบทเป็นตัวละครหลักอย่าง เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (Gellert Grindelwald) ทำให้เกิดกระแสต่อต้านค่าย Warner Bros. เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ชุดนี้ และทำให้แฮชแท็ก #JusticeForJohnnyDepp เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับจอห์นนี่ เดปป์ทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 เทรนด์โลกบนทวิตเตอร์ในทันที อาจทำให้หลายคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวคราวชีวิตส่วนตัวของนักแสดงคนนี้เกิดความสงสัยว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นมาอย่างไร และเรื่องราวอะไรที่นำมาสู่ดราม่าการถอนตัว การเรียกร้องความยุติธรรมของแฟน ๆ และกระแสการแบนภาพยนตร์
จุดเริ่มต้นของดราม่า: รอยช้ำและการกล่าวหาของแอมเบอร์ เฮิร์ด
หากใครพอจะตามติดชีวิตของจอห์นนี่ เดปป์อยู่บ้าง ก็คงคุ้นหูดราม่านี้เป็นอย่างดี
จอห์นนี่ เดปป์ได้เริ่มคบหาดูใจกับนักแสดงหญิงอย่างแอมเบอร์ เฮิร์ดในปี 2012 ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 และหย่าร้างกันในวันที่ 23 พฤษภาคม 2016
การเลิกรากันนั้นเป็นเรื่องปกติของดาราฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ทำให้เกิดดราม่ายืดเยื้อก็คือในวันที่ 27 พฤษภาคม 2016 แอมเบอร์เดินขึ้นศาลแคลิฟอร์เนียด้วยใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำ ในวันนั้นเธอกล่าวหาจอห์นนี่ เดปป์ในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัวโดยการทำร้ายร่างกายเธอหลายครั้ง ทำให้เธอบาดเจ็บรุนแรงในบางครั้ง และทำให้เธอเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตในบางครั้ง พร้อมทั้งได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอคำสั่งคุ้มครอง (Restraining Order) โดยห้ามไม่ให้จอห์นนี่ เดปป์เข้าใกล้เธอในระยะ 500 เมตร พร้อมทั้งขอสินสมรส 50,000 เหรียญต่อเดือน สิทธิ์ในเพนท์เฮาส์ของจอห์นนี่ เดปป์ สิทธิ์ในรถเรนจ์ โรเวอร์ และค่าอุปโภคบริโภคทุกอย่างจนกว่าการดำเนินการการหย่าจะสิ้นสุด รวมทั้งขอให้ศาลออกคำสั่งให้จอห์นนี่ เดปป์เข้าคอร์สควบคุมอารมณ์
ศาลอนุมัติออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กับแอมเบอร์ (Temporary Restraining Order) ให้สิทธิ์ในเพนท์เฮาส์ และรถเรนจ์ โรเวอร์ แต่ไม่อนุมัติคำร้องอื่น ๆ ของแอมเบอร์
ส่วนจอห์นนี่ เดปป์นั้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและสู้คดีอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางกระแสสังคมที่เริ่มต่อต้าน
จนกระทั่งในวันที่ 14 สิงหาคม 2016 แอมเบอร์ เฮิร์ดจึงได้ทำการถอนฟ้องอย่างถาวร ก่อนจะมีการขึ้นศาลเพื่อพิจารณาการออกคำสั่งคุ้มครองถาวร (Permanent Restraining Order) เพียงวันเดียว โดยทั้งคู่ได้แถลงร่วมกันอย่างกำกวมว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล่าวหาเท็จ พร้อมการลงสัญญาว่าจะไม่มีใครพูดเรื่องนี้ต่อสาธารณชนอีก นอกจากนั้นแอมเบอร์ เฮิร์ดยังได้ประกาศว่าเธอจะนำเงินที่ได้จากการหย่า 7 ล้านเหรียญไปบริจาคให้องค์กรการกุศลได้แก่โรงพยาบาลเด็กลอส แองเจลิสและองค์กรสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน
ทั้งสองตกลงประนีประนอมยอมความเรื่องการหย่าได้ในเดือนมกราคม 2017
“ผมจะให้โลกได้รู้ความจริง”: การฟ้องร้องเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง
เรื่องคงจบไปนานแล้วหากแอมเบอร์ เฮิร์ดและสังคมจะหยุดกล่าวโทษและต่อต้านจอห์นนี่ เดปป์ตามข้อตกลงว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่แอมเบอร์ เฮิร์ดและสื่อไม่ยอมหยุด
ชีวิตของจอห์นนี่ เดปป์เรียกได้ว่าพลิกผันตั้งแต่วันนั้น เขาโดนแปะป้ายเป็นอาชญากรผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัวแม้จะยังไม่เคยมีการพิสูจน์ความผิด ส่วนทางด้านแอมเบอร์ เฮิร์ดก็เดินสายเป็นตัวแทนเรียกร้องสิทธิสตรีและต่อต้านความรุนแรงของผู้หญิง
แอมเบอร์ เฮิร์ดเขียนจดหมายเปิดผนึกเรื่องที่เธอเป็นเหยื่อความรุนแรง เธอพูดถึงการเป็นเหยื่อความรุนแรงให้กับองค์กรมากมาย เช่น Girl Gaze เป็นตัวแทนในการเรียกร้องการยุติความรุนแรงต่อสตรีให้กับองค์กรสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน และพ่วงตำแหน่งนักสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนให้กับองค์กรสหประชาชาติ
ประจวบเหมาะกับที่หนังสือพิมพ์ the Sun แท็บลอยด์ชื่อดังจากฝั่งอังกฤษได้ตีพิมพ์บทความด้วยพาดหัวข่าวอุกอาจว่า “Gone Potty: How can JK Rowling be ‘genuinely happy’ casting wife beater Johnny Depp in the new Fantastic Beasts film?” (บ้าไปแล้วหรือ? ทำไมเจ. เค. โรว์ลิ่งยังมีความสุขกับการเลือกคนตีเมียอย่างจอห์นนี่ เดปป์มาแสดงในสัตว์มหัศจรรย์ฯ ภาคใหม่) ซึ่งเขียนโดยแดน วูตตัน จอห์นนี่ เดปป์จึงได้ทำการฟ้องบริษัท News Group (NGN) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ the Sun ที่มีรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อผู้มีอิทธิพลเป็นผู้ก่อตั้ง และฟ้องแดน วูตตันผู้เขียนบทความนี้ในข้อหาหมิ่นประมาทที่เรียกเขาว่า “คนตีเมีย” และจอห์นนี่ยังได้อ้างเพิ่มด้วยว่าความจริงแล้วเป็นเขาเองที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง
อีกฟากหนึ่งนั้นเกิดกระแสต่อต้านจอห์นนี่ เดปป์ทันทีที่มีการประกาศว่าเขาได้รับบท Gellert Grindelwald ในแฟรนไชส์ Fantastic Beasts สื่อหลายแห่งโจมตีเขาอย่างหนัก จนกระทั่งจอห์นนี่ เดปป์ได้ให้สัมภาษณ์กับ GQ ว่าเขาตั้งใจจะตีแผ่ความจริง
ทางฟาก NGN นั้นก็ได้ดึงตัวแอมเบอร์ เฮิร์ดมาเป็นพยานปากเอก โดยในคดีนี้ถือว่าเป็นคดีแพ่งที่เกณฑ์ในการตัดสินนั้นคือ “ความเหนือกว่าของหลักฐาน” กล่าวคือ หากศาลพิจารณาว่าจอห์นนี่ เดปป์มีโอกาสที่จะทำร้ายแอมเบอร์ เฮิร์ดจริง ๆ เพียง 51% ก็ถือว่าเขาได้แพ้คดีแล้ว
กลับมาที่ซีกโลกฝั่งสหรัฐอเมริกา จอห์นนี่ เดปป์ยื่นฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดที่รัฐเวอร์จิเนีย จากบทความของเธอที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ในหัวข้อ “I spoke up against sexual violence — and faced our culture’s wrath. That has to change.” (ฉันลุกขึ้นต่อต้านความรุนแรงทางเพศ และต้องเจอกับความโกรธเกรี้ยวของวัฒนธรรมเรา เรื่องนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง) ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงถึงการที่เธอออกมากล่าวหา “ผู้ชายที่ทรงอิทธิพล” เมื่อ 2 ปีก่อน (บทความตีพิมพ์ในปี 2018 ดังนั้น 2 ปีก่อนก็คือปี 2016 ที่เธอกล่าวหาจอห์นนี่ เดปป์) และทำให้หน้าที่การงานของเธอได้รับผลกระทบ
แม้ชื่อของจอห์นนี่ เดปป์จะไม่ถูกระบุในบทความที่แอมเบอร์ เฮิร์ดเขียน และแอมเบอร์ เฮิร์ดจะยังใช้ข้อเท็จจริงนี้ในคำร้องที่เธอยื่นขอให้ศาลยกฟ้อง โดยกล่าวอ้างว่าเธอไม่ได้กล่าวถึงจอห์นนี่ เดปป์ แต่ศาลก็ได้พิจารณาแล้วว่าบุคคลที่เธอพูดถึงในบทความจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากจอห์นนี่ เดปป์
สรุปแล้ว จอห์นนี่ เดปป์ได้ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาของแอมเบอร์ เฮิร์ดอยู่ 2 คดี
- คดีที่เขาฟ้อง NGN (บริษัทแม่ของ the Sun) และแดน วูตตัน ผู้เขียนบทความเรียกเขาว่าคนตีเมีย ซึ่งคดีนี้มีการพิจารณาคดีที่ศาลสูงอังกฤษ (High Court)
- คดีที่เขาฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดโดยตรงที่เขียนบทความพาดพิงเขาในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งคดีนี้จะมีการพิจารณาคดีที่ศาลแฟร์แฟ็กซ์ รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
“ผม.. จอห์นนี่ เดปป์.. ผมเป็นผู้ชายและเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว”: เธอ เขา เรา .. ใครคือเหยื่อ?
ไม่เพียงแต่จะปฏิเสธการกล่าวหาของแอมเบอร์เท่านั้น แต่จอห์นนี่ เดปป์ยังกล่าวหาแอมเบอร์กลับว่าเธอต่างหากที่เป็นคนใช้ความรุนแรงกับเขา และเขาคือเหยื่อของความรุนแรง
กระแสสังคมเริ่มกลับมาสนับสนุนจอห์นนี่ เดปป์ในเดือนมีนาคม 2019 ที่เขาเริ่มฟ้องแอมเบอร์ในข้อหาหมิ่นประมาทที่เวอร์จิเนียและเริ่มตีแผ่ “ความจริง” ในฝั่งของเขาให้โลกรู้
จอห์นนี่ เดปป์อ้างว่าแอมเบอร์ เฮิร์ดมักจะทำร้ายร่างกายเขา ไม่ว่าจะเป็นการทุบตี ขว้างปาข้าวของ และมีเหตุการณ์หนึ่งที่การขว้างปาข้าวของของแอมเบอร์ เฮิร์ดนั้นเลยเถิดและรุนแรงไปจนทำให้นิ้วของเขาขาดและกระดูกแตกละเอียด
ทางฟากแอมเบอร์นั้นก็สู้คดีโดยการกล่าวหาจอห์นนี่ เดปป์เพิ่มไปอีก จากที่เคยอ้างถึงเหตุการณ์ที่เขาปาโทรศัพท์มือถือใส่หน้าเธอ หรือทำร้ายเธอในงานวันเกิดปี 2016 ก็เริ่มกล่าวหาว่าเขาทุบตีเธออย่างรุนแรงและยังข่มขืนเธออีกด้วย
กุมภาพันธ์ 2020 ถือเป็นอีกเดือนหนึ่งที่ทั้งโลกหันมาให้ความสนใจกับคดีนี้ และเป็นวันที่กระแสสังคมที่เคยต่อต้านจอห์นนี่ เดปป์เพราะเคยได้ฟังเพียงแค่ข้อกล่าวหาของแอมเบอร์ เฮิร์ดนั้น ตีกลับไปต่อต้านแอมเบอร์ เฮิร์ดอย่างรุนแรงจนเป็นจุดเริ่มต้นของแฮชแท็ก #JusticeForJohnnyDepp ซึ่งติดอันดับ 1 เทรนด์โลกและยังคงครองตำแหน่งในเทรนด์โลกและเทรนด์หลาย ๆ ประเทศต่อมาอีกหลายวัน เพราะเป็นวันที่หลักฐานชิ้นสำคัญจากฝั่งจอห์นนี่ เดปป์ได้รับการเปิดเผย นั่นก็คือคลิปเสียง 2 คลิป ความยาวรวมเกือบ 2 ชั่วโมงซึ่งบันทึกการสนทนาระหว่างเขากับแอมเบอร์ เฮิร์ด ซึ่งเทปหนึ่งบันทึกไว้ในเดือนกันยายน 2015 และอีกเทปบันทึกไว้ในเดือนมิถุนายน 2016
ในคลิปเสียงแรกจากปี 2015 นั้น แอมเบอร์ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายของเขา และเธอเป็นคนเริ่มลงไม้ลงมือก่อน (I did start a physical fight) ในเทปนั้นเรายังได้ยินเสียงเธอล้อเลียนจอห์นนี่ เดปป์ที่หนีไปทุกครั้งที่เริ่มทะเลาะกัน (you run away every fights) และยังพูดว่าแค่เพราะเธอปาข้าวของใส่เขา ไม่ได้แปลว่าเขาควรจะหนี
ส่วนเทปในปี 2016 นั้น แอมเบอร์กับจอห์นนี่ถกเถียงกันว่าใครเป็นเหยื่อกันแน่ แต่เมื่อจอห์นนี่ยืนยันว่าเขาต่างหากที่เป็นเหยื่อ เรากลับได้ยินแอมเบอร์ล้อเลียนเขาว่าให้ไปบอกคนทั้งโลกเลยว่าผู้ชายเป็นเหยื่อ แล้วดูสิว่าใครจะเชื่อ (Tell the world Johnny, tell them – I, Johnny Depp, a man, I’m a victim too of domestic violence. And see how many people believe or side with you.)
จากเทป 2 เทปนี้เองจึงทำให้เกิดกระแสการต่อต้านแอมเบอร์ เฮิร์ดอย่างหนัก และทำให้หลายคนเชื่อว่าจอห์นนี่ เดปป์จะชนะคดีทั้งที่เขาฟ้อง the Sun และคดีที่เขาฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดได้ไม่ยาก เพราะคงไม่มีหลักฐานอะไรจะชัดเจนไปกว่านี้แล้ว
คำตัดสินช็อกโลก: “ฝ่ายโจทก์มีความผิดจริง และบทความที่ the Sun เขียนคือเรื่องจริง”
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการพิจารณาคดีที่จอห์นนี่ เดปป์ฟ้อง NGN (the Sun) และแดน วูตตัน โดยได้มีการซักพยานทั้งสองฝั่งยาวนานถึง 3 สัปดาห์
ทาง the Sun นั้นแม้จะพอมีพยานหรือหลักฐาน เช่น รูปถ่าย ข้อความ ฯลฯ จากพยานปากเอกอย่างแอมเบอร์ เฮิร์ดและเพื่อน ๆ อยู่บ้าง แต่ในสายตาของหลาย ๆ คนที่ติดตามคดีอย่างใกล้ชิดก็ยังคงเชื่อว่าฝ่ายที่มีพยานหลักฐานแน่นกว่าก็คือจอห์นนี่ เดปป์
ด้วยเกณฑ์การตัดสินแบบคดีแพ่ง ที่ไม่ต้องใช้พยานหลักฐานแน่นหนาแบบคดีอาญา แฟน ๆ จึงเตรียมใจแล้วว่าผลการตัดสินอาจเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง คือจอห์นนี่ เดปป์ชนะคดี หรือจอห์นนี่ เดปป์แพ้คดี เพราะศาลอาจเชื่อว่ามีความเป็นไปได้แม้เพียง 51% ที่จอห์นนี่ เดปป์อาจเคยทำร้ายแอมเบอร์ เฮิร์ด ก็จะนำความพ่ายแพ้มาสู่จอห์นนี่ เดปป์แล้ว
ท่ามกลางการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อของแฟน ๆ ในที่สุดปลายเดือนตุลาคมศาลก็ได้ประกาศว่าจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ในวันที่ 2 พฤศจิกายน
และเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน มาถึง แฟน ๆ ของจอห์นนี่ เดปป์ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเขา..
แพ้คดี
โดยศาลให้ความเห็นว่า ศาลเชื่อว่า 12 เหตุการณ์จาก 14 เหตุการณ์ที่แอมเบอร์ เฮิร์ดกล่าวหาว่าโดนจอห์นนี่ เดปป์ทำร้ายร่างกายนั้นเป็นเรื่องจริง
ลำพังหากคำตัดสินของศาลจะระบุเพียงแค่ศาลพิจารณาว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จอห์นนี่ เดปป์ทำร้ายแอมเบอร์ เฮิร์ดจริง ก็คงจะไม่เจอกระแสต่อต้านมากมายแบบนี้ หากแต่ในคำพิพากษาฉบับเต็มนั้น หลาย ๆ คนกลับมองว่าศาลมีความโอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการไม่ให้น้ำหนักกับคำพูดพยานของฝั่งจอห์นนี่ เดปป์เลย ในขณะที่เชื่อทุกอย่างจากฝั่งของแอมเบอร์ การเชื่อคำให้การของแอมเบอร์มากกว่าเทปเสียงหลักฐานที่ทำให้ทั้งโลกหันมาหนุนหลังจอห์นนี่ เพียงเพราะ “แอมเบอร์สาบานต่อศาลแล้ว” และความโอนเอียงในประเด็นอื่น ๆ ของศาล
ในความเดือดดาล หดหู่ สิ้นหวังของแฟน ๆ ทีมทนายของจอห์นนี่ เดปป์ได้ออกแถลงว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาล
เจนนี่ อาเฟีย จากสำนักทนายชิลลิ่งส์ได้ออกแถลงดังนี้
“คำตัดสินนี้ทั้งวิปริตและน่าสับสน สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดก็คือการที่ผู้พิพากษาเอาแต่ให้น้ำหนักกับคำให้การของแอมเบอร์ เฮิร์ด รวมไปถึงการเพิกเฉยต่อคำให้การของตำรวจ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อดีตผู้ช่วยของเธอ พยานที่ไม่สามารถคัดค้านได้คนอื่น ๆ และหลักฐานมากมายที่ทำลายข้อกล่าวหาเหล่านั้นได้ทุกจุด
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถูกมองข้าม คำพิพากษานั้นมีข้อผิดพลาดจนคงเป็นเรื่องน่าขันหากคุณเดปป์จะไม่ยื่นอุทธรณ์คัดค้านการตัดสินนี้
ในช่วงเวลานี้ ตรงข้ามกับคดีนี้ เราหวังว่าการดำเนินคดีหมิ่นประมาทอีกคดีที่อเมริกาจะมีแต่ความเท่าเทียม โดยที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ยื่นหลักฐานทั้งหมดโดยไม่ปกปิด แทนที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้แผนที่เลือกเอาว่าอยากจะให้หลักฐานอะไรไม่ให้หลักฐานอะไร”
กระแสโกรธเคืองคำตัดสินคงหายไปแล้ว หากวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จอห์นนี่ เดปป์จะไม่โพสต์จดหมายเปิดผนึกลง Instagram ของเขา พร้อมข่าวช็อกโลก โดยในจดหมายมีใจความว่า
“เกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ ผมอยากแถลงอะไรสั้น ๆ ดังนี้
ประการแรก ผมอยากขอบคุณทุกคนที่มอบความรักและความซื่อตรงให้กับผม
ผมรู้สึกถ่อมตนและซาบซึ้งใจกับข้อความแห่งรักและห่วงใยอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ประการที่สอง ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่าผมถูกขอให้ถอนตัวจากบทกรินเดลวัลด์โดยวอร์เนอร์ บราเธอร์สในภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์ฯ และผมก็ได้เคารพและทำตามคำขอนั้น
ประการสุดท้าย ผมขอกล่าวสิ่งนี้
การตัดสินที่แสนเหลือเชื่อของศาลในสหราชอาณาจักรจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงของผม และผมขอยืนยันว่าผมมีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์
เจตนาของผมยังคงเดิม และผมตั้งใจแน่วแน่ที่จะพิสูจน์ให้ได้ว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อผมนั้นไม่เป็นความจริง ชีวิตและอาชีพของผมจะไม่ถูกนิยามด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในโมงยามนี้
ขอบคุณที่อ่าน
ด้วยความเคารพ
จอห์นนี่ เดปป์”
ทันทีที่จอห์นนี่ เดปป์โพสต์จดหมายลง Instagram และทันทีที่แฟนหนังและแฟน ๆ ของจอห์นนี่ เดปป์รู้ข่าวการ “ถูกขอ” ให้ถอนตัวจากแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์ของจอห์นนี่ เดปป์ แฮชแท็กทวงคืนความยุติธรรมให้เขาก็ทยานขึ้นอันดับ 2 ของโลกทวิตเตอร์ พร้อมกับการตั้งคำถามกับวอเนอร์ บราเธอร์สว่าเหตุใดถึงต้องเป็นจอห์นนี่ เดปป์เพียงคนเดียวที่ต้องถอนตัว ในขณะที่แอมเบอร์ เฮิร์ดผู้ได้รับบทเมร่าในอควาแมน ภาพยนตร์อีกเรื่องของค่ายเดียวกัน ยังสามารถรักษาบทบาทนั้นเอาไว้ได้ ทั้งที่การต่อสู้ของจอห์นนี่ เดปป์ยังไม่จบลงแม้เขาจะแพ้คดีของ the Sun
โดยสรุปแล้ว แม้จอห์นนี่ เดปป์จะแพ้คดีที่เขาฟ้อง NGN (the Sun) ว่าหมิ่นประมาท และศาลจะตัดสินว่าเขาทำร้ายร่างกายแอมเบอร์ เฮิร์ดจริง ๆ อย่างค้านสายตาคนส่วนใหญ่ แต่จอห์นนี่ เดปป์ก็ยังตั้งใจที่จะยื่นอุทธรณ์ และสู้คดีต่อ
นอกจากนั้นยังมีอีกคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีก็คือคดีที่เขาฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ก็กลายเป็นที่จับตามองอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าการต่อสู้ของจอห์นนี่ เดปป์จะจบแบบไหน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เรื่องราวทั้งหมดที่นำมาสู่การถอนตัวของเขาจากบทกรินเดลวัลด์ในจักรวาลเวทมนตร์นั้น สั่นสะเทือนและส่งผลกระทบครั้งใหญ่ให้กับทั้งแฟรนไชส์นี้และค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ด้วยเช่นกัน
ขอขอบคุณ @onceuponasummer1898 ที่สรุปคดีทั้งหมดให้เราได้อ่านกัน
