บทความนี้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ความรักของแม่ที่มีต่อเธอจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ไม่ใช่แผลเป็น ไม่ใช่ร่องรอยอะไรที่มองเห็นได้… แต่เป็นความรักที่ลึกซึ้งยิ่งนัก แม้ผู้มอบความรักจะจากไปแล้ว แต่ความรักก็จะคอยคุ้มครอง ปกป้อง รักษาเราตลอดไป
ในเดือนที่ความรักระหว่างแม่กับลูกอบอวลไปทั่วประเทศไทยมากที่สุด พี่มักเกิ้ลสาวเลยเริ่มต้นด้วยคำพูดที่แสนกินใจจากอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์ ผู้ (ที่เราไม่เคยคิดว่า) จากไป
นอกจากพล็อตเรื่องที่เต็มไปด้วยความน่าติดตามแล้ว ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยังมีข้อความดีๆ ทั้งที่ให้แง่คิดและลึกซึ้งกินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักของแม่ เป็นประเด็นที่ป้าโจ เขียนถึงเมื่อไรก็ “ จับใจ ” เมื่อนั้น
เชื่อหรือไม่ว่า มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่นักเขียนดังอย่าง เจ. เค. โรว์ลิ่ง พูดถึงแล้วบ่อน้ำตาแตก เรื่องหนึ่งคือความลำบากในวันที่เธอตกงาน ซ้ำยังต้องเลี้ยงลูกอ่อนด้วย เธอเคยสารภาพว่าสั่งกาแฟแค่ถ้วยเดียว เพื่อที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ในนั้นทั้งวัน และอีกเรื่องที่เธอเพิ่งเผยเมื่อไม่นานมานี้คือเรื่องแม่
แม้จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนีที่มีคนร่ำลือว่ารวยไม่แพ้สมเด็จพระราชินีอังกฤษ แต่สิ่งที่เธอเสียใจอยู่เสมอคือ แม่ไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของเธอ คุณยายแอน แม่ของป้าโจ เสียชีวิต ในวัยเพียง 45 ปี แม่ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าขณะนั้นเธอกำลังเขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ อยู่ !
“ คืนที่แม่จากไป ฉันอยู่กับครอบครัวของคนรัก เป็นคริสต์มาสแรกที่ฉันจากบ้านมา วันนั้นฉันเข้านอนเร็ว ทำทีว่าจะไปดูหนัง The Man Who Would Be King ที่เอามาฉายทางทีวี แต่จริงๆ ฉันเข้าไปเขียนหนังสือ ฉันมารู้ทีหลังว่าตัวเองได้เขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเวลาเดียว กับที่แม่เสีย ฉันไม่เคยบอกแม่ เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย ”
“ พ่อโทรมาบอกข่าวฉันในวันรุ่งขึ้นตอนเจ็ดโมงเช้า และฉันก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พ่อจะ บอกเสียอีก ฉันวิ่งขึ้นชั้นบนไปร้องไห้ ฉันมีจินตนาการถึงอะไรๆ ได้เยอะแยะ แต่ไม่อาจ ยอมรับความร้ายกาจของการที่ต้องสูญเสียแม่ได้เลย ”
เธอกับคนรักจึงขับรถกลับมาหาครอบครัวที่เวลส์ ตอนนั้นเป็นช่วงปีใหม่ปี ค.ศ. 1991 ป้าโจอายุ 25 ปี
“ ฉันอยู่ในสภาพที่จิตใจย่ำแย่และปฏิเสธความจริง ตอนที่นั่งรถมาฉันจำได้ว่าบางช่วงฉันคิดว่า ‘ จงแกล้งทำเป็นเหมือนมันไม่ได้เกิดขึ้น เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ … มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันอยากจะบอกแม่ ” จากนั้นเธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เมื่อเร็วๆ นี้ ป้าโจได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย Aberdeen University ของสกอตแลนด์ ในฐานะที่บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อวิจัยและรักษาโรค multiple sclerosis (ภาวะแข็งหรือกระด้างที่อาจเกิดกับระบบและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น เนื้อสมอง กระด้าง หลอดเลือดดำแข็ง หนังแข็ง เป็นต้น) และโรคนี้นี่เองที่ทำให้แม่ของป้าโจทุกข์ทรมานนับสิบปี และเสียชีวิตในที่สุด
ต้นฉบับ http://www.nanmeebooks.com/microsite/microsite_dynamic_inside.php?mcs_id=1&mnu_id=7&contentid=68