เกี่ยวกับ The Ickabog
ไอเดียเกี่ยวกับ The Ickabog เข้ามาในหัวฉันตั้งแต่ตอนที่กำลังง่วนอยู่กับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉันร่างเนื้อหาคร่าว ๆ และเริ่มเขียนมันตอนที่กำลังเขียนหนังสือพอตเตอร์อยู่ และเดิมทีตั้งใจไว้ว่าจะตีพิมพ์มันเป็นลำดับถัดจากหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต
อย่างไรก็ดี หลังจากที่เขียนพอตเตอร์เสร็จ ฉันก็อยากพักตัวเองจากงานพิมพ์สักระยะหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายแล้วกินเวลานานถึง 5 ปี แต่กระนั้นในระหว่างนั้นฉันก็เขียน The Casual Vacancy (เก้าอี้ว่าง) และ โรเบิร์ต กัลเบรท ก็เขียน The Cuckoo’s Calling (เสียงเพรียกจากคักคู) หลังจากที่สองจิตสองใจอยู่นานสองนาน (และหลังจากตัวแทนผู้ทรหดอดทนของฉันได้ไปจดทะเบียนชื่อ The Ickabog – ขอโทษนะ นีล) ฉันก็ตัดสินใจว่าต้องการจะขอห่างจากการเขียนหนังสือเด็กไปสักพัก ซึ่ง ณ เวลานั้น ร่างฉบับแรกของ The Ickabog ถูกนำขึ้นไปเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาบ้าน แล้วก็นอนแช่อยู่อย่างนั้นเกือบสิบปี ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวฉันคิดถึงมันในฐานะนิทานก่อนนอนของลูก ๆ สองคนเล็กสุดของฉัน (เดวิด และ แมคเคนซี) เพราะฉันเคยอ่านเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังก่อนเข้านอนตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองยังเล็ก ๆ ซึ่งเป็นความทรงจำแสนสุขของครอบครัวเสมอมา
จนกระทั่งตอนที่กินมื้อค่ำเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าอยากเอา The Ickabog ลงมาจากห้องใต้หลังคาแล้วเผยแพร่ให้เด็ก ๆ ได้อ่านฟรีกันในช่วงล็อคดาวน์ ลูก ๆ ของฉันซึ่งตอนนี้เป็นวัยรุ่นแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ฉะนั้นเจ้ากล่องฝุ่นเขรอะก็ได้ลงมาอยู่ชั้นล่างเสียที และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้พาตัวเองลงลึกเข้าสู่โลกแห่งนิยายอีกครั้งอย่างที่ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะได้กลับเข้าไปอีก ซึ่งตอนที่กำลังปิดเล่มเรื่องนี้ให้จบนั้น ฉันก็ได้เอาแต่ละบทมาอ่านเป็นนิทานก่อนนอนให้ครอบครัวได้ฟังอีกครั้ง ซึ่งนั่นถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่พิเศษที่สุดในชีวิตนักเขียนของฉันเลย และเมื่อผู้อ่านกิตติมศักดิ์สองคนแรกบอกฉันว่าจำอะไรได้บ้างจากที่เคยฟังเรื่องนี้ตอนเล็ก ๆ พวกเขาก็กำชับให้ใส่เนื้อหาส่วนที่พวกเขาชอบเป็นพิเศษกลับเข้าไป (ซึ่งฉันก็ทำตามนั้น)
ฉันคิดว่า The Ickabog สามารถนำมาจัดพิมพ์เป็นลำดับ ๆ ได้อย่างดี เพราะมันถูกเขียนขึ้นมาในฐานะหนังสือสำหรับอ่านออกเสียง (ฉันว่ามันถูกปะติดปะต่อขึ้นมาให้เป็นแบบนั้น ด้วยวิธีที่ฉันนำมันมาอ่านให้ลูก ๆ ของฉันฟัง) แต่เด็ก ๆ ที่อายุ 7-9 ปี ก็สามารถอ่านได้ด้วยตัวเองนะ (และเนื้อหาก็เหมาะกับผู้อ่านทุกช่วงวัยไม่มีจำกัด ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็ตาม)
ฉันจะโพสต์เรื่องนี้วันละบท (อาจจะวันละสองหรือสามบท) ในทุก ๆ วันธรรมดา ตั้งแต่ 26 พ.ค. – 10 ก.ค. บนเว็บไซต์ www.theickabog.com เราวางแผนไว้ว่าจะปล่อยในเวอร์ชั่นแปลภาษาอื่นด้วยเร็ว ๆ นี้
The Ickabog เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยความจริงและการหลงมัวเมาในอำนาจ และเพื่อดักทางคำถามที่น่าจะเกิดขึ้นแน่ ๆ ฉันขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่า ไอเดียสำหรับเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสิบปีมาแล้ว ฉะนั้นมันจึงไม่ได้มีไว้อ่านเพื่อเทียบเคียงสิ่งใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน ธีมของเรื่องนั้นไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา และสามารถประยุกต์ได้กับทุกยุคสมัยและทุกประเทศ
โครงการประกวดภาพประกอบหนังสือ
ตอนที่ตัดสินใจว่าจะตีพิมพ์ ฉันคิดว่ามันคงวิเศษไปเลยถ้าเด็ก ๆ ที่ต้องถูกล็อคดาวน์ในช่วงนี้ หรือใครก็ตามที่ต้องการอะไรมาช่วยดึงความสนใจระหว่างช่วงเวลาอันแสนยากเข็ญและแปลกประหลาดที่เราเผชิญกันอยู่ จะมาช่วยกันวาดภาพประกอบให้กับหนังสือของฉัน โดยเราจะโพสต์คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับภาพประกอบที่เราต้องการในแต่ละบทลงในเว็บไซต์ แต่ฉันไม่อยากให้ใครรู้สึกว่าถูกจำกัดด้วยไอเดียเบื้องต้นพวกนั้น ฉันอยากเห็นจินตนาการของทุกคนโลดแล่น! ความสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่ม และความมุมานะคือสิ่งสำคัญที่สุด และเราไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องมองหางานที่ใช้ทักษะเยี่ยมที่สุดเสมอไป!
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 The Ickabog จะถูกพิมพ์จำหน่ายเป็นหนังสือฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งจำหน่ายในรูปแบบ eBook และหนังสือเสียง แล้วตามมาด้วยเวอร์ชั่นแปลภาษาต่าง ๆ ภาพประกอบที่ดีที่สุดจากแต่ละภูมิภาคจะถูกนำมาใส่ไว้ในเล่ม โดยผู้จัดพิมพ์ของแต่ละภูมิภาคจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าภาพไหนเหมาะที่สุดกับรูปเล่มของพวกเขา ฉะนั้นฉันจึงจะไม่ได้เป็นคนที่ตัดสินภาพวาดเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองจะโพสต์รูปของเด็ก ๆ ลงทวิตเตอร์ แล้วติดแฮชแท็ก #TheIckabog ฉันก็จะช่วยแชร์และคอมเมนต์ให้! อนึ่ง รายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับการส่งภาพประกวด สามารถอ่านได้ในเว็บไซต์ The Ickabog นะคะ
การบริจาคเพื่อช่วยเหลือสถานการณ์ โควิด-19
ฉันยินดียกรายได้ในส่วนที่ผู้ประพันธ์จะได้รับจากการพิมพ์จำหน่าย The Ickabog ทั้งหมดให้กับกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรายละเอียดอื่น ๆ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ขอยกคำขอบคุณตัวโต ๆ ให้แด่ …
… สหายรักและบรรณาธิการของฉัน Arthur Levine; แด่ James McKnight แห่ง Blair Partnership ผู้ซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อให้โปรเจคต์นี้เป็นจริงขึ้นมาได้ในระยะเวลาอันแสนสั้น; แด่ Ruth Alltimes แห่งแผนกหนังสือเด็กของสำนักพิมพ์ Little Brown ผู้ให้ความช่วยเหลืออันประเมินค่ามิได้; แต่ทีมบริหารจัดการผู้ไร้เทียมทานของฉัน; แด่ Rebecca Salt, Nicky Stonehill และ Mark Hutchinson รวมทั้งตัวแทนสุดอัศจรรย์ของฉัน Neil Blair ฉันสัญญากับทุกคนว่าจะไม่ปูดไอเดียว้าว ๆ อะไรขึ้นมาอีก อย่างน้อยก็ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านะคะ
เรื่องย่อของ The Ickabog
J.K. Rowling ปล่อยเนื้อหา 2 บทแรกของ “The Ickabog” ให้อ่านกันฟรี ๆ แล้วเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะทยอยปล่อยบทที่เหลืออย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 10 กรกฏาคมนี้ โดยจากที่ได้อ่านเนื้อหาของทั้งสองบทแรกมาแล้ว สามารถให้ข้อมูลเรื่องย่อได้เบื้องต้นได้ ดังนี้
– เรื่องราวเกิดขึ้นในอาณาจักร “Cornucopia” (คอร์นูโคเปีย) ที่แสนอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า แสงแดด แม่น้ำ ผู้คนมั่งคั่ง ทำเบเกอรี่ ขนมอบ ไส้กรอก และไวน์ชั้นเลิศ
– ในดินแดนคอร์นูโคเปียมีพระราชา นามว่า King Fred the Fearless โดยพระองค์ขนานนามให้ตนเองว่าคิงเฟร็ดผู้ไร้ความกลัว เพราะเห็นว่า Fred กับ Fearless ขึ้นต้นด้วยตัว F. เหมือนกัน ประกอบกับตัวเองเคยจับและฆ่าตัวต่อได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง (ถ้าไม่นับความช่วยเหลือจากทหารอีก 5 และเด็กรับใช้อีก 1)
– พระราชามีขุนนางจอมสอพลออยู่ข้างเคียงถึง 2 คน มีชื่อว่า Lord Spittleworth (ลอร์ดสปิทเทิลเวิร์ธ) และ Lord Flapoon (ลอร์ดฟลาพูน) ทั้งสองเป็นขุนนางที่ฉลาดหลักแหลมและใช้ความเจ้าเล่ห์สารพัดเพื่อตักตวงผลประโยชน์จากพระราชา
– ณ ตอนเหนือสุดของอาณาจักรอันอุดมสมบูรณ์ มีดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยเห็ด และมีบึงน้ำน่ากลัวซึ่งเป็นที่กำเนิดของตำนานสัตว์ประหลาดชื่อ “ICKABOG”
– ตำนาน “ICKABOG” ถูกเล่าต่อกันมารุ่นต่อรุ่นและแต่งเติมให้เกินจริงขึ้นเรื่อย ๆ ตามแต่จินตนาการของผู้เล่า เด็กบางคนได้ฟังถึงกับเก็บไปฝันร้าย
– หนึ่งในนั้นคือหนูน้อยวัย 5 ขวบ ชื่อ Bert Beamish (ชื่อเล่นว่า เบอร์ตี้) แต่แม่ของเบอร์ตี้บอกว่าปีศาจนั่นไม่มีจริงหรอก เป็นแค่ตำนานขำ ๆ
– ทุกคนในคอร์นูโคเปียก็คิดแบบนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตำนานขำ ๆ นี่แหละกำลังทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายโดยไม่รู้ตัว
สามารถอ่านเรื่องราวในฉบับภาษาอังกฤษแบบฟรีๆ ได้ทาง https://www.theickabog.com
ที่มา: https://www.jkrowling.com/j-k-rowling-introduces-the-ickabog/