“ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะ ท่านอาจารย์ใหญ่! ถ้าหากว่าดิฉันร่วมโต๊ะด้วยก็จะเป็นสิบสามคน! ไม่มีอะไรจะโชคร้ายกว่านี้อีกแล้ว! อย่าลืมว่าเวลาที่คนสิบสามคนรับประทานอาหารร่วมกัน คนแรกที่ลุกจะเป็นคนแรกที่ตาย!”
– ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11 น.275)
จากประโยคที่ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พูดมา แสดงให้เราเห็นว่า แม้แต่พ่อมดแม่มดก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 ว่าเป็นเลขแห่งความโชคร้าย เช่นเดียวกับความเชื่ออื่นๆ ที่เราพบเจอทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกา ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทางศาสนาคริสต์ที่โยงไปถึงงานเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้าย ที่คนสุดท้ายอย่างยูดาสซึ่งเป็นคนที่ 13 ผู้ทรยศ และเสียชีวิตเป็นคนแรกด้วยการผูกคอตาย หรือความเชื่อชาวนอร์สที่เล่ากันว่าโลกิเป็นเทพที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวัลฮัลลาเป็นคนที่ 13 ซึ่งเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ แถมยังนำความตายมาสู่เทพบาลเดอร์หลังจากงานเลี้ยงไม่ได้รับเชิญ รวมถึงความเชื่ออื่นๆ เกี่ยวกับเลข 13 ที่ชาวเพแกนเชื่อว่า เมื่อคนตายพวกเขาจะอยู่บนโลกได้ 12 วันและวันที่ 13 พวกเขาจะก้าวเข้าสู่ดินแดนหลังความตาย
ในแฮร์รี่ พอตเตอร์เองก็มีการสอดแทรกเลข 13 เอาไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งการแสดงออกทางความเชื่อเรื่องโชคร้าย ผ่านนักพยากรณ์ศาสตร์อย่าง ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ และนี่เป็นส่วนหนึ่งที่เลข 13 สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแฮร์รี่ พอตเตอร์
1. ไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ ยาว 13 ½ นิ้ว
ไม้กายสิทธิ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์ ทำจากไม้ยู และมีความยาว 13 1/2 นิ้ว (ศิลาอาถรรพ์ บ.5) ซึ่งเป็นไม้ที่มีความหมายสื่อสารถึงความตายและเป็นเหตุแห่งความโรคร้ายอย่างยิ่ง นั่นยังไม่นับว่าวันเกิดของโวลเดอมอร์ตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเมื่อสลับเลขก็เป็นเลข 13 ด้วย
ในพอตเตอร์มอร์ระบุว่า ไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้ยูนั้นจะมอบพลังความเป็นและความตายให้แก่เจ้าของ ว่ากันว่าผู้ครอบครองไม้ยูจะดึงดูดศาสตร์มืดได้ง่าย และมันไม่เคยเลือกพ่อมดแม่มดที่มีความสามารถพื้นๆ หรือขี้ขลาดมาเป็นเจ้าของมัน
2. วันตายของเมอร์เทิล จอมคร่ำครวญ
เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ หรือ เมอร์เทิล เอลิซาเบธ วอร์เรน เสียชีวิตในวันที่ 13 มิถุนายน 1943 หลังจากจ้องตากับบาซิลิสต์เข้าอย่างจัง และยังเป็นวันที่ทอม ริดเดิ้ล เปิดห้องแห่งความลับในยุคของเขาและโยนความผิดให้กับรูเบอัส แฮกริดนั่นเอง! (ห้องแห่งความลับ บ.13)
3. ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ ผู้ปฏิเสธการร่วมโต๊ะเป็นคนที่ 13
คริสต์มาสปี 1993 ระหว่างปิดภาคเรียนช่วงสั้นๆ ในมื้อกลางวันนั้นเอง ฮอกวอตส์ได้จัดเตรียมโต๊ะตัวเดียวไว้สำหรับ 12 ที่นั่งตรงกลางห้องโถงใหญ่ ซึ่งทั้ง 12 คนประกอบไปด้วยศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์, ศาสตราจารย์มักกอนนากัล, ศาสตราจารย์สเนป, ศาสตราจารย์สเปราต์, ศาสตราจารย์ฟลิตวิก, ฟิลช์, นักเรียนอื่นอีก 3 คน (สองคนเป็นเด็กปีหนึ่ง หนึ่งในนั้นชื่อดีเร็ค กับเด็กปีห้าบ้านสลิธีรินหน้าบึ้งตึงอีกคน), แฮร์รี่, รอน และเฮอร์ไมโอนี่
“ซีบิลล์ ดีจริงที่คุณมา!” ดัมเบิลดอร์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
– นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11
ทรีลอว์นีย์ปฏิเสธคำเชิญจากดัมเบิลดอร์ในตอนแรก เพราะโต๊ะอาหารนี้จะมีคนเป็น 13 คนแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะนั่งลงตามคำเชิญและท้าทายเล็กๆ ของมักกอนนากัล และคนแรกที่ลุกขึ้นนั้นไม่แน่ชัดว่าเป็นใครระหว่าง รอนและแฮร์รี่ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11 น.277)
หากอิงจากเหตุการณ์ก่อนหน้าที่รอนมักจะเอาหนูสแคบเบอร์ (หางหนอน) ไว้ในกระเป๋าเสื้อเสมอ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11 น.273) โต๊ะอาหารนี้จีงมีคนอยู่ 13 คนก่อนที่ทรีลอว์นีย์จะต้องฝืนใจนั่งลงไปเสียอีก เพราะอย่างที่เรารู้ สแคบเบอร์ของรอนก็คือ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์คนทรยศเพื่อน และคนแรกที่ลุกขึ้นในระหว่างการเลี้ยงฉลอง ก็คือ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่ลุกขึ้นให้เกียรติและเชิญชวนทรีลอว์นีย์ นั่นเอง! (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11)
4. กว่า บาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์ จะถูกเปิดโปงว่าหลบหนีออกจากอัซคาบัน ก็กินเวลาถึง 13 ปี
บาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์ หนึ่งในผู้เสพความตายที่เล่นงานสองสามีภรรยาลองบอตทอม หลบหนีออกจากอัซคาบันได้สำเร็จในปี 1982 ด้วยความช่วยเหลือจากแม่ของเขาที่ป่วยหนักเจียนตายหลังตรอมใจที่ลูกรักต้องติดคุก เธอได้วิงวอนขอให้บาร์ตี้ เคร้าช์ ผู้พ่อสลับร่างของตนเองกับลูกชาย ซึ่งบาร์ตี้ เคร้าช์ ทำตามที่ภรรยาขออย่างเป็นความลับ และกักตัวลูกชายคนชั่วของตนเองไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน คนทั่วไปไม่มีใครรู้เรื่องนี้จนกระทั่งปี 1995 ที่บาร์ตี้ เคร้าช์ ถูกพบว่าปลอมตัวเป็น แม้ด-อาย มู้ดดี้ เข้าไปในฮอกวอตส์ ซึ่งรวมระยะเวลา 13 ปีพอดี
5. คำบอกใบ้ที่ว่า ซิเรียส แบล็ก จะตายในเล่ม 5
ในปี 1995 ที่บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ระหว่างมื้อเย็นที่แฮร์รี่เดินทางมาถึง สมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์และบรรดาเด็กๆ อยู่ร่วมกัน 13 คน ได้แก่ มอลลี่ ซิเรียส อาเธอร์ ลูปิน เฟร็ด จอร์จ รอน จินนี่ เฮอร์ไมโอนี่ ท็องส์ แม้ด-อาย มันดังกัส และบิล คนแรกที่ลุกออกจากโต๊ะกินข้าวก็คือ ซิเรียส แบล็ก และเขาเสียชีวิตในภาคห้านั้น (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.5)
6. ภาคีนกฟีนิกซ์ทั้ง 13 คน
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 1997 ยามค่ำ สมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ที่มารับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกจากบ้านเลขที่ 4 ด้วยภารกิจพอตเตอร์ทั้งเจ็ด มีทั้งหมด 13 คนที่มา เมื่อเปลี่ยนร่างเป็นพอตเตอร์ทั้ง 7 คนเรียบร้อยแล้ว คนแรกที่นำคนอื่นไปที่ประตูบ้านก็คือ แม้ด-อาย มู้ดดี้ และเขาเป็นคนแรกที่เสียชีวิต (เครื่องรางยมทูต บ.4 น.58)
7. 13 คนในบ้านโพรงกระต่าย
27 กรกฎาคม 1997 หลังจบภารกิจย้ายตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกจากบ้านเลขที่ 7 ซอยพรีเว็ต สมาชิกของภาคีนกฟีนิกซ์ได้รวมตัวอยู่ในบ้านโพรงกระต่าย 13 คน คือ แฮร์รี่, รอน, เฮอร์ไมโอนี่, มอลลี่, จินนี่, เฟร็ด, จอร์จ, อาเธอร์, ท็องส์, ลูปิน, เฟลอร์, บิล และแฮกริด ยกเว้นคิงสลีย์ ที่ขอกลับไปทำงานของเขาต่อ มันดังกัส ที่หนีหายไประหว่างภารกิจ และแม้ด-อาย ที่เสียชีวิต รีมัส ลูปิน เป็นคนแรกใน 13 คน ที่แยกตัวออกจากกลุ่ม (เครื่องรางยมทูต บ.5 น.83)
ในระหว่างการต่อสู้ที่ฮอกวอตส์ ลูปินเป็นคนแรกที่หนังสือระบุข้อความในลักษณะที่ “อาจจะเสียชีวิตแล้ว” จากประโยคที่อาเบอร์ฟอร์ธ ตอบท็องส์เมื่อเธอถามหาสามี “เห็นกำลังสู้กับโดโลฮอฟ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย” (เครื่องรางยมทูต บ.31 น.576) แต่หากยึดเอาชื่อแรกที่ถูกระบุชัดเจนว่าตายจริงๆ คนแรกคือ เฟร็ด วีสลีย์ ซึ่งไม่ใช่คนแรกที่ลุกออกจากกลุ่ม ทว่าในระหว่างการต่อสู้ ไม่สามารถระบุลำดับการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้
8. ซิเรียส แบล็ก กับข้อหาสังหาร 13 ชีวิต
ข้อกล่าวหาที่ทำให้ ซิเรียส แบล็ก ต้องโทษจำคุกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1981 คือ สังหารมักเกิ้ล 12 ราย และฆ่าปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ รวมทั้งสิ้น 13 คน ซึ่งความจริงของเรื่องนี้เป็นที่รู้กันว่าคนที่ลงมือสังหารจริงๆ คือ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ที่กลบเกลื่อนด้วยการตัดนิ้วของตัวเองทิ้งแล้วกลายร่างเป็นแอนิเมจัสหนีหายไป ทำให้ซิเรียสต้องโทษในคดีดังกล่าว
9. เหยื่อรายที่ 13 ของหางหนอน
เซดริก ดิกกอรี่ เป็นเหยื่อคนที่ 13 ที่ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (หรือหางหนอน) ลงมือฆ่า เมื่อนับหลักฐานการลงมือฆ่าตั้งแต่เหตุการณ์ในปี 1981
10. วิญญาณที่ร่อนเร่ของโวลเดอมอร์
หลังเสื่อมอำนาจลงในวันที่ 31 ตุลาคม 1981 เศษเสี้ยววิญญาณที่เหลือรอดของโวลเดมอร์ก็หลีกลี้หนีเร้นไปจนคนส่วนใหญ่คิดว่าเขาตาย โวลเดอมอร์ต้องหลบซ่อนและมีชีวิตโดยไร้ร่างอยู่ 13 ปี จนได้การชุบคืนในปี 1995 (31 ตุลาคม 1981-24 มิ.ย. 1995) รวมระยะเวลา 13 ปี 7 เดือน
11. บ้านเดอร์สลีย์ที่แย่เป็นพิเศษ
หน้าร้อนปี 1993 แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ตอนนั้นอายุ 13 ปี ต้องพบกับเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เขาต้องเจอ ก็คือ การที่ป้ามาร์จมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเดอร์สลีย์ และเขาเผลอเสกให้ป้ามาร์จพองลมเป็นลูกโป่ง
12. เรื่องโชคดีก็คือไม้กวาดไฟร์โบลต์
ตอนอายุ 13 ปี แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับของขวัญคริสต์มาสเป็นไม้กวาดไฟร์โบลต์ ซึ่งในตอนแรกไม่ระบุว่ามาจากใคร แต่ก็ได้รับการเฉลยในภายหลังว่ามาจากซิเรียส แบล็ก พ่อทูนหัวของเขา (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11 และ 22)
13. ทีมควิดดิชลีกในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์
ทีมควิดดิชลีกของอังกฤษและไอร์แลนด์ มีทั้งหมด 13 ทีม (ควิดดิชในยุคต่างๆ) ประกอบไปด้วย
- แอปเพิลบีแอร์โรวส์ (Appleby Arrows)
- บัลลีแคสเซิลแบตส์ (Ballycasle Bats)
- แคร์ฟิลลีแคทาพัลตส์ (Caerphilly Catapults)
- ชัดลีย์แคนนอนส์ (Chudley Cannons)
- ฟัลมัทฟัลคอนส์ (Falmouth Falcons)
- โฮลีเฮดฮาร์พีส์ (Holyhead Harpies)
- เคนแมร์เคสเตรลล์ (Kenmare Kestrels)
- มอนโทรสแมกไพส์ (Montrose Magpies)
- ไพรด์ออฟพอร์ทรี (Pride of Portree)
- พัดเดิลเมียร์ยูไนเต็ด (Puddlemere United)
- ทัตชิลล์ทอร์เนโดส์ (Tutshill Tornados)
- วิกทาวน์วันเดอเรอรส์ (Wigtown Wanderers)
- วิมบอร์นวอสปส์ (Wimbourne Wasps)
14. ตระกูลแบล็กที่มีลูกตอนอายุ 13
พอลลักซ์ แบล็ก (Pollux Black) แต่งงานกับ เออร์ม่า แครบ (Irma Crabbe) และมีลูกคนแรกชื่อ วัลเบอร์กา แบล็ก (แม่ของซิเรียสและเรกูลัส) ตอนที่พอลลักซ์อายุเพียง 13 ปี เขาเกิดปี 1912 และให้กำเนิดวัลเบอร์ก้าในปี 1925 (อ้างอิงแผนผังตระกูลแบล็กโดย เจ.เค.โรว์ลิ่ง)
15. ซิเรียส แบล็ก โดนขังอยู่ในห้องหน้าต่างบานที่ 13
ในปี 1994 ซิเรียส แบล็ก ถูกกุมขังที่ฮอกวอตส์ โดยกักตัวไว้ในห้องของศาสตราจารย์ฟลิตวิก ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 7 ของหอคอยฝั่งตะวันตก หน้าต่างบานที่ 13 นับจากทางขวา (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.21 น.468) แตกต่างจากภาพยนตร์ที่ขังบนหอคอยสูง
ซึ่งมาถึงตรงนี้ เราจะเห็นแล้วว่า ซิเรียส แบล็ก เป็นหนึ่งในตัวละครที่ชะตากรรมเกี่ยวข้องกับเลข 13 ตั้งแต่โดนข้อหาฆ่าหมู่ 13 คน, โดนขังในห้องหน้าต่างบานที่ 13 และในมื้ออาหารที่นั่งกัน 13 คน ซิเรียสก็ดันเป็นคนแรกที่ลุกและเสียชีวิต
ทั้งนี้ ความเชื่อเรื่องเลข 13 ก็เหมือนความเชื่อมากมาย เมื่อคุณเชื่อว่ามันเป็นจริง มันก็จะดึงดูดหรือทำให้คุณประสบพบเจอว่ามันเป็นความจริงเหมือนที่คุณคิดนั่นเอง