ข้อสรุปเกี่ยวกับเวลา
- เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ถูกกุมขังอยู่ในคุกของมาคูซา นาน 6 เดือน คือ เดือนธันวาคม 1926 – 30 พฤษภาคม 1927 (อ้างอิงวันหลบหนีจากหนังสือพิมพ์ The New York Ghost ฉบับวันที่ 30 พฤษภาคม 1927) ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเขาเปลี่ยนตัวกับอะเบอร์นาธีเมื่อไหร่ ทราบเพียงว่าก่อนที่อะเบอร์นาธีจะโดนตัดลิ้นแทน
- เหตุการณ์ของภาคนี้ เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ค.ศ. 1927
- ในฉากย้อนอดีตที่นิวท์และลีตาเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ในบทเรียนการรับมือกับบ็อกการ์ตนั้น ทั้งคู่อายุ 16 ปี อ้างอิงจากบทภาพยนตร์ ซึ่งในภาคแรกมีเอกสารระบุว่านิวท์โดนไล่ออกในปี 1913 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 16 ปี เหตุการณ์โดนไล่ออกจึงต้องเกิดขึ้นให้หลังจากนั้นไม่นาน เพราะงั้นเหตุผลที่โดนไล่ออกของนิวท์ อาจได้รับการพูดถึงในภาคใดภาคหนึ่งจากอีก 3 ภาคที่เหลือ
- เหตุการณ์เรือที่เดินทางจากฝรั่งเศสไปอเมริกา ซึ่งลีตา คอร์วุสน้อย และเออร์ม่า ดูการ์ด โดยสารไปนั้น ระบุในบทภาพยนตร์ว่าล่มในปี 1901
- ปีที่ คอร์วุส เลสแตรงจ์ ผู้พ่อใช้คำสาปสะกดใจพา ลอรีน่า คามา (แม่ของยูซุฟ คามา) ไปเป็นภรรยาของตัวเองเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1896 ซึ่งในขณะนั้นยูซุฟ คามาอายุ 12 ปี (อ้างอิงบทภาพยนตร์ ฉากที่ 101)
- ลีตา เลสแตรงจ์ ซึ่งอายุเท่ากับนิวท์ สคามันเดอร์ จึงต้องเกิดในปี 1897 นั่นคือหนึ่งปีหลังจากที่ลอรีน่าโดนสะกดใจ
- หลังการเสียชีวิตของลอรีน่า คามา ไม่เกิน 3 เดือน เลสแตรงจ์ผู้พ่อก็มีภรรยาผมบลอนด์คนใหม่คือ คลารีส เทรมเบลย์ โดยบทภาพยนตร์ ฉากที่ 103 ระบุปีที่ครีเดนซ์เกิดมาคือปี 1901 ปีเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์เรือล่ม
ข้อสรุปเรื่องสถานที่
- กระทรวงเวทมนตร์ฝรั่งเศสมีชื่อทางการว่า Ministère des Affaires Magiques de la France หรือ กระทรวงเพื่อราชการเวทมนตร์แห่งฝรั่งเศส
- ทางเข้ากระทรวงเวทมนตร์ฝรั่งเศสอยู่ที่จัตุรัส Place de Furstenberg ของฝรั่งเศส
- คณะละครสัตว์วิเศษของสเกนเดอร์มีชื่อว่า Circus Arcanus
- บทภาพยนตร์ ฉากที่ 54 และ 55 ระบุว่า ถนน Rue Philippe Lorand 18 คือที่ตั้งบ้านของเออร์ม่า ดูการ์ด อดีตแม่มดรับใช้ครึ่งเอลฟ์ประจำบ้านของตระกูลเลสแตรงจ์อาศัยอยู่และเสียชีวิตที่นั่นในปี 1927 โดยฝีมือการสังหารของกันนาร์ กริมม์สัน
- บทภาพยนตร์ ฉากที่ 53 ระบุว่า สิ่งที่ครีเดนซ์ขโมยไปจากตลาดนก คือ เมล็ดที่ใช้เป็นอาหารนก เราเห็นเขาป้อนเมล็ดพืชให้นกกินในฉากให้หลัง
- ปราสาทนูร์เมนการ์ด ตั้งอยู่บนภูเขาสูงของประเทศออสเตรีย (ไม่ใช่ออสเตรเลีย) ไม่สามารถยืนยันได้ว่าปราสาทแห่งนี้คือคุกนูร์เมนการ์ดที่เอ่ยถึงในแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือไม่
- บ้านของนิโคลัส แฟลมเมล ตั้งอยู่บนถนน Rue de Montmorency ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านนิโคลัส แฟลมเมล ของจริง ใครที่เดินทางไปฝรั่งเศสสามารถไปชมด้านนอกของบ้านได้ที่ Rue de Montmorency ซอย 51 (อ้างอิง)
ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวละคร
- ในฉากห้องพิจารณา (Hearing Room) ของกระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ พ่อมดทั้งสี่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของอังกฤษทั้งหมด แต่มีบทบาทต่างกันดังนี้ คนซ้ายสุดชื่อว่า อาร์โนลด์ กุซแมน เป็นพ่อมดผิวสีสัญชาติอเมริกัน ตำแหน่งนักการทูต, ทอร์ควิล ทราเวอร์ส หัวหน้ากองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ ประจำกระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ, ธีซีอุส สคามันเดอร์ หัวหน้าสำนักงานมือปราบมารอังกฤษ และรูดัลฟ์ สปีลแมน พ่อมดเยอรมันหัวหน้าชุดกุมขังกรินเดลวัลด์จากมาคูซาของสมาพันธรัฐพ่อมดนานาชาติ
- ในฉากกระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ เดือนกันยายน 1927 ที่พวกเขาพยายามยื่นข้อเสนอให้ นิวท์ สคามันเดอร์ จับครีเดนซ์ แบร์โบนและทำลายออบสคูรัส เพื่อแลกกับการได้สิทธิ์เดินทางออกนอกประเทศ ท่าทีของนิวท์ที่ตอบทุกคนเหมือนไม่รู้ว่าครีเดนซ์ยังมีชีวิตอยู่ เป็นการกระทำที่ตั้งใจโกหกสมาพันธรัฐพ่อมดนานาชาติ จริงๆ แล้วนิวท์รู้ดีตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่าครีเดนซ์ยังไม่ตาย เพราะถ้านิวท์แสดงท่าทีว่ารู้อยู่แล้ว เขาจะโดนข้อหาไปอีกกระทง 555+ ข้อมูลนี้ยืนยันจากเจ.เค.โรว์ลิ่ง “ในความเป็นจริงแล้ว นิวท์รู้ดีว่าคุณไม่สามารถฆ่าออบสคูเรียลเมื่อเขาอยู่ในร่างของออบสคูรัสได้ คุณสามารถทำให้พลังออบสคูรัสแหลกละเอียดได้ชั่วคราว แต่บุคคลนั้นจะไม่ตาย”
- ในฉากที่ควีนนี่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนแล้วได้ยินเสียงของเจคอบนั้น ในบทภาพยนตร์ ฉากที่ 52 ระบุว่าเป็นการได้ยินความคิดของเจคอบ ผ่านความสามารถในการพินิจใจของเธอ
- จากที่เราทราบในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ว่าอัลบัส ดัมเบิลดอร์ สอนวิชาแปลงร่าง ก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ในภาพยนตร์เรื่องนี้เขากลับสอนในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด และสอนมาน่าจะก่อนหน้าปี 1910 (ปีที่นิวท์และลีตาอายุ 13) ซึ่งปีนั้นมักกอนนากัลก็เป็นศาสตราจารย์ที่ฮอกวอตส์แล้วด้วย แม้จะมีบทของศาสตราจารย์มักกอนนากัลเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันว่าเธอสอนวิชาแปลงร่างแล้วในเวลานั้น เธออาจเป็นเพียงครูผู้ช่วยก็ได้ แต่หากเธอสอนในวิชาแปลงร่างแล้ว ก็น่าสนใจว่า อัลบัส ดัมเบิลดอร์ จะได้ไปสอนวิชาแปลงร่างเมื่อไหร่ แต่หากนับช่วงเวลาย้อนหลังแล้ว ดัมเบิลดอร์จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าศาสตราจารย์วิชาแปลงร่างก่อนหน้าปี 1943 (ปีที่ทอม ริดเดิ้ล เปิดห้องแห่งความลับ) จนถึงประมาณปี 1955-1956 ที่สิ้นสุดบทบาทการสอนวิชาแปลงร่างแล้วขึ้นดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ หรือเจ.เค.จะเปลี่ยนไม่ให้ดัมเบิลดอร์สอนวิชาแปลงร่างแล้ว?
- เด็กผู้ชายร่างท้วมที่โดนดัมเบิลดอร์เสกคาถาใส่ในห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด และบอกทราเวอร์สว่าดัมเบิลดอร์เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด ตอนปี 1927 นั้น นามสกุล แม็กคล้ากแก้น (McClaggan) ไม่ใช่ แม็คล้ากเก้น (McLaggen) เพราะงั้นเขาไม่ใช่ญาติกับคอร์แม็ก แม็คล้ากเก้นในแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่อย่างใด
- บทภาพยนตร์ ฉากที่ 86 ระบุว่า นิโคลัส แฟลมเมล อายุ 600 ปี ซึ่งอายุของเขาสามารถคำนวนได้จากข้อมูลที่ระบุในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ว่าอายุ 665 ในปี 1992 เขาจึงเกิดในปี 1327 และในปี 1927 เขาจึงมีอายุ 600 ปีพอดี
- ลีตา เลสแตรงจ์ เป็นนักเรียนบ้านสลิธีริน เธอเป็นเด็กฝรั่งเศสที่มาเรียนยังโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ของอังกฤษ แทนที่จะเป็นโบซ์บาตง โรงเรียนเวทมนตร์ในฝรั่งเศส ซึ่งเราทราบกันดีว่านักเรียนจากประเทศอื่นๆ สามารถเลือกเรียนที่ไหนก็ได้ถ้าต้องการ เดรโก มัลฟอยเองก็เคยจะไปเรียนที่เดิร์มสแตรงก์
- ครีเดนซ์ แบร์โบน ไม่ใช่คอร์วุสน้อย หรือคอร์วุส เลสแตรงจ์ที่ 5 น้องชายของลีตา เลสแตรงจ์ แต่เขาเป็นเด็กชายที่ลีตาสลับตัวกับน้องชายในปี 1901 ท้ายที่สุดแล้วครีเดนซ์จะเป็นใคร อาจจะเฉลยในภาคจบ หรืออีก 6 ปีหลังจากนี้เลยทีเดียว
- หญิงสาวที่โดนลีตา เลสแตรงจ์ สลับเด็กกับน้องชายของเขา ในบทภาพยนตร์ฉากที่ 190 ระบุว่าเธอมีศักดิ์เป็น Aunt ของครีเดนซ์ คือ น้าหรือป้าของครีเดนซ์ เพราะงั้นจึงสรุปได้ว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่แม่ของครีเดนซ์ แต่เธอเป็นใคร และทำไมครีเดนซ์น้อยถึงมาอยู่กับเธอยังไม่มีข้อสรุป
- ตระกูลเลสแตรงจ์ มีจุดเริ่มต้นมาจากฝรั่งเศสเป็นร้อยปี และมีตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็นนกเรเวน สัตว์จำพวกอีกา ซึ่งเรเวนที่ว่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบ้านเรเวนคลอแต่อย่างใด สัญลักษณ์ประจำบ้านเรเวนคลอ คือ อินทรี ไม่ใช่เรเวน
- ตระกูลดัมเบิลดอร์เองก็มีสัตว์ประจำบ้าน นั่นคือ นกฟีนิกซ์ โดยในภาพยนตร์ระบุว่า อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เห็นนกฟีนิกซ์ครั้งแรกจากปู่ทวดของเขา และหลังจากนั้นมันก็ไม่เคยปรากฏตัวมาอีกหลังจากบินหายไปตอนที่ปู่ทวดของเขาตาย นกฟีนิกซ์ที่อยู่กับครีเดนซ์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นนกฟีนิกซ์ของตระกูลดัมเบิลดอร์จริง เพราะในโลกเวทมนตร์นกฟีนิกซ์ไม่ได้มีตัวเดียว และที่น่าสนใจกว่าคือ ที่สุดแล้วอัลบัส ดัมเบิลดอร์ก็จะมีนกฟีนิกซ์ อย่างน้อยที่สุดคือก่อนโวลเดอมอร์จะอายุครบ 11 ปี ในปี 1938 เพราะโอลลิแวนเดอร์ได้มาขอขนนกฟีนิกซ์จากอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และมันสลัดขนให้มาสองอัน ขนนกฟีนิกซ์นั้นไปอยู่ในแกนกลางไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์และแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะงั้นในภาคถัดๆ ไปจากนี้เราคงได้รู้กันว่านกฟีนิกซ์ของครีเดนซ์เป็นฟีนิกซ์ประจำตระกูลดัมเบิลดอร์จริงหรือไม่ และถ้าจริงตระกูลดัมเบิลดอร์สามารถมีนกฟีนิกซ์สองคนได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
- เหตุการณ์การตายของแม่มดสาวผมแดง (ซึ่งเธอยืนร่วมกับนิวท์และทีน่าในฉากผ้าชุมนุมของกรินเดลวัลด์) ไม่ได้เป็นการจัดฉากของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ แต่เขาวางแผนและคาดหวังให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ผ่านคำพูดชี้นำและกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มือปราบมารคนนั้นไม่ใช่คนของกรินเดลวัลด์แต่อย่างใด ในบทภาพยนตร์ระบุว่าเป็นเพียงมือปราบมารหนุ่มที่รับรู้ได้ว่าหญิงผมแดงตั้งใจจะใช้ความรุนแรงกับเขา และเขาเสกคำสาปได้ฉับไวกว่าเธอ และเธอตายจริง ส่วนสาเหตุที่มือปราบมารคนดังกล่าวเข้าไปในวงล้อมไฟของกรินเดลวัลด์แล้วไม่ตาย เพราะกรินเดลวัลด์พูดชี้นำให้มือปราบมารเข้าร่วมกับเขาแต่แรก และถ้าไม่อยากตาย การเข้าร่วมกับกรินเดลวัลด์ก็รักษาชีวิตได้ดีที่สุดในตอนนั้น นั่นเองครับ
- นิโคลัส แฟลมเมลบอกกับศาสตราจารย์ยูลาลี่ ฮิกส์ ในหนังสือว่าเขาไม่ได้ต่อสู้มา 200 ปีแล้ว
- ที่ เจคอบ โควัลสกี้ กลับมาจำทุกอย่างในโลกเวทมนตร์ได้ เป็นเพราะผลของการลบความทรงจำในภาคแรก มีผลกับความทรงจำเลวร้ายเท่านั้น เจคอบไม่ได้มีความทรงจำเลวร้ายในเหตุการณ์ครั้งนั้น สุดท้ายเขาก็เลยยังจดจำได้อยู่
ข้อสรุปสัตว์วิเศษ
- สัตว์วิเศษตัวแรกที่ปรากฏในภาพยนตร์คือ ลูกชูปาคาบรา ที่กรินเดลวัลด์ตั้งชื่อให้มันว่า แอนโทนิโอ
- นิฟเฟลอร์จอมแย่งซีนของนิวท์มีลูกเพิ่มในครอบครัวนิฟเฟลอร์อีก 3 ตัว นิวท์จึงมีครอบครัวนิฟเฟลอร์ทั้งหมด 5 ตัว พ่อ แม่ และลูกๆ
- บทภาพยนตร์ ฉากที่ 79 ระบุว่า โจวหวูหรือโซวู เป็นสัตว์วิเศษเพศเมีย เพราะนิวท์ใช้สรรพนามแทนโจวหวูว่า She
- สัตว์วิเศษที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ (ไม่นับที่ปรากฏบนเพดานแก้วของกระทรวงเวทมนตร์ฝรั่งเศส) ประกอบไปด้วย ชูปาคาบรา, ฝูงเธสตรอล, โบวทรัคเกิลที่ชื่อพิกเกตต์, นิฟเฟลอร์ทั้ง 5 ตัว, หมูแพนด้าหกขา (ปรากฏซีนลูกนิฟเฟลอร์), ฮิงกี้พังก์, โบวทรัคเกิลบนเกาะกลางทะเลสาบฮอกวอตส์ที่ไม่ได้ระบุชื่อ, ลูครอตต้า (สัตว์วิเศษคล้ายกวางมูส), นกออเกอรี่, มูนคาล์ฟ, ลูกกรินดี้โลว์ในโหลแก้วที่นิวท์วัย 13 เลี้ยงไว้, สตรีลเลอร์ในโหลแก้วที่นิวท์วัย 13 เลี้ยงไว้, มังกรน้ำ (ที่มีการพูดถึงแต่ไม่เห็นตัวจริง), ปรสิตของมังกรน้ำ, เคลปี้, นกฟีนิกซ์, สัตว์วิเศษอื่นๆ ไม่ได้รับการระบุชื่อไว้ชัดเจนนัก จะลงข้อมูลสัตว์วิเศษทั้งหมดในบทความถัดไปนะครับ
- สัตว์วิเศษในคณะละครสัตว์ของสเกนเดอร์ แกรปฮอร์น, ไฟร์เดรก, โจวหวู, เอลฟ์ประจำบ้าน, ยักษ์โอะนิของญี่ปุ่น และกัปปะ ปีศาจน้ำของญี่ปุ่น ไม่นับรวมที่เป็นลูกครึ่งเอลฟ์ประจำบ้าน, ครึ่งโทรลล์, ครึ่งก๊อบลิน หรืออื่นๆ
- ในบทภาพยนตร์ ฉากที่ 44 ระบุว่าคณะละครสัตว์วิเศษมี ฮิปโปกริฟฟ์ ด้วย
ข้อสรุปอื่น
- ผู้ที่ทำ ปฏิญาณไม่คืนคำ จะมีร่องรอยแผลเป็นที่มือเป็นริ้วคาถาเหมือนที่ยูซุฟ คามามี แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าหากทำสำเร็จแผลเป็นดังกล่าวจะหายไปหรือไม่ ในกรณีของยูซุฟ คามา ที่ต้องฆ่าคนที่เลสแตรงจ์รักมากที่สุด หากคอร์วุสน้อยจมทะเลตายไปแล้วจริง รอยแผลเป็นก็น่าจะหายไป? หรือที่ไม่หายเพราะคอร์วุสน้อยไม่ได้ตาย? ในบทภาพยนตร์มีการเขียนบรรยายไว้ว่า “…and see the dark shape of a drowning baby trailing bubbles of magical light as he sinks…” จึงสร้างข้อสงสัยว่าคอร์วุสน้อยเสียชีวิตจากการจมน้ำจริง? หรือได้รับเวทมนตร์วัยเด็กปกป้องเขาไว้และยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือไม่?
- ในบทภาพยนตร์ ฉากที่ 113 ระบุว่ามือปราบมารที่ติดตามธีซีอุสมา มีทั้งหมด 50 คน
- จริงๆ แล้วเปลวไฟสีฟ้าที่เราเห็นในภาพยนตร์ บทภาพยนตร์ระบุว่าเป็นเปลวไฟสีดำ
- บทภาพยนตร์ ฉากที่ 86 ระบุว่า จริงๆ แล้ว ในหนังสือปกนกฟีนิกซ์ของนิโคลัส แฟลมเมล เขาตั้งใจจะรายงานข่าวเลือกสิ่งที่เห็นในลูกแก้วกับดัมเบิลดอร์ แต่หน้าหนังสือของดัมเบิลดอร์ดันว่างเปล่า แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ใกล้กับหนังสือพอจะรับข่าว ทำให้แฟลมเมลเปิดหาคนอื่นที่พร้อมรับข่าวจากเขา ซึ่งก็คือ ศาสตราจารย์ยูลาลี่ ฮิกส์ อาจารย์จากอิลเวอร์มอร์นี แม่มดสาวผิวสีที่จะมีบทบาทในภาคต่อไป ซึ่งภาพเบื้องหลังการถ่ายทำเปิดเผยว่าดัมเบิลดอร์มีหนังสือเหมือนกับนิโคลัส แฟลมเมล นั่นทำให้ยืนยันได้ว่า ทุกคนที่มีภาพในหนังสือของแฟลมเมล ต่างก็มีหนังสือที่เหมือนกันนี้ทุกคน
กว่าทุกอย่างเฉลยชัดเจนคงต้องรอจนภาค 5 ฉายในปี ค.ศ. 2024