เมื่อปี 2016 Warner Bros. ได้ประกาศว่าภาพยนตร์ Fantastic Beasts and Where to Find Them (สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่) – เรื่องราวภาคแยกของจักรวาล แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เซ็ตเรื่องราวขึ้นในโลกเวทมนตร์ของ เจ.เค. โรว์ลิง ช่วงปี 1920 – จะประกอบด้วยภาพยนตร์ทั้งหมด 5 ภาค ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 6 เดือนเท่านั้นที่เราจะได้พบกับภาคที่ 2 ของภาพยนตร์ชุดนี้ และแน่นอนว่าแฟน ๆ กำลังมีคำถามมากมาย เราทราบกันดีว่าเนื้อเรื่องจะเกิดขึ้นคาบเกี่ยวช่วงระยะเวลาสองทศวรรษในต้นศตวรรษที่ 20 และจบลงในปี 1945 ดัวยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่มีต่อพ่อมดศาสตร์มืดกรินเดลวัลด์ และเรายังทราบอีกว่าในภาคต่อนี้เราจะได้เห็นตัวละครไปยังลอนดอน ปารีส และนิวยอร์ก อีกทั้งจะได้พบกับดัมเบิลดอร์วัยหนุ่มซึ่งรับบทโดย จู๊ด ลอว์ แต่รายละเอียดอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดเลย
ไม่นานมานี้ ทีมงานของ BuzzFeed มีโอกาสได้พบกับนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เอ็ดดี้ เรดเมย์น และ แคทเทอรีน วอเทอร์สตัน และสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์ภาคต่อที่กำลังจะเข้าฉาย เราถามคำถามสุดเนิร์ดกับพวกเขา และคำตอบที่ได้ก็น่าสนใจจริง ๆ ทีเดียว
https://www.facebook.com/BuzzFeedUK/videos/2301563399871803
นอกจากดัมเบิลดอร์แล้ว เราจะคาดหวังได้ไหมว่าจะได้เห็นตัวละครเก่า ๆ จากเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในภาพยนตร์ สัตว์มหัศจรรย์ฯ อีก?
แคท : คุณเตรียมใจไว้ได้เลย
เอ็ดดี้ : ใช่เลย มีบางเส้นสายที่เชื่อมโยงนามสกุลและบุคคลที่เราคุ้นเคยต่าง ๆ ระหว่างสัตว์มหัศจรรย์ฯ และแฮร์รี่ พอตเตอร์
ความสัมพันธ์ของตัวละครคู่ไหนที่คุณตื่นเต้นมากที่สุดที่จะได้เห็นมันพัฒนาขึ้นในภาพยนตร์ภาคต่อนี้?
เอ็ดดี้ : ผมว่า ความสัมพันธ์ของเรานี่แหละ! ผมกำลังคาดหวังถึงความโรแมนติกแบบไม่ธรรมดาของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง โดยพื้นฐานแล้วเรารู้ว่าสุดท้ายเราจะได้ลงเอยกันนะ
แคท : แต่ไปลงเอยกันอีท่าไหนนี่สิ? มันไปถึงจุดนั้นได้ยังไง?
เอ็ดดี้ : โจแง้มบอกเราอยู่นิดนึง แต่ผมก็ไม่รู้สิ ผมชอบเสี้ยวเล็ก ๆ ของเราในหนัง มันซับซ้อนมาก ซับซ้อนมาก
แคท : จริง ซับซ้อนมาก
คุณพอจะบอกเราได้ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างนิวท์กับทีน่าเป็นยังไงใน อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์? มันคืบหน้าหรือพัฒนาขึ้นบ้างไหมจากตอนจบของภาคแรก?
แคท : คืบหน้าเหรอ? น่าจะถอยหลังลงคลองมากกว่านะ
เอ็ดดี้ : ตอนจบภาคแรกมันเหมือนจะมีความหวังเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ว่ามันมีการสื่อสารที่ผิดพลาด
แคท : ช่าย มันเป็นความสัมพันธ์ในระยะทางที่ค่อนข้างไกล!
เอ็ดดี้ : มันฟังดูห่อเหี่ยวเพราะพวกเขาเหมือนจะปักใจให้กันและกันไปแล้ว แต่อะไร ๆ ดูจะเขวไปหมด เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือการที่ทั้งสองหาทางกลับมาพบกันและกัน
แคท : ช่าย แต่คุณรู้ไหม มีอะไรเกิดขึ้นเยอะเลย ฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาแก้ไขทุกอย่างในระยะเวลาสั้น ๆ
เอ็ดดี้ : เราตื่นเต้นกันมากตอนที่หนังภาคแรกจบ เราคิดว่า โอ้พระเจ้า! เรากำลังจะได้สนุกด้วยกันในการทำหนังเรื่องนี้! แล้วจากนั้นสคริปต์ก็มาถึง แล้วก็ชัดเจนว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เราต้องทำงานหนักสำหรับเรื่องโรแมนติกที่ว่านี้
แคท : แต่มันก็สนุกนะ สนุกที่ได้ทำอะไรที่มันซับซ้อน น่าแปลกใจ แล้วก็ท่วมท้นแบบนี้
มีอะไรในสัตว์มหัศจรรย์ภาคนี้ที่จะเซอร์ไพรซ์แฟน ๆ บ้าง?
เอ็ดดี้ : มันมืดมนกว่าภาคที่แล้วเยอะเลย ผมว่าโจชอบอะไรแบบนี้ ที่จริงแล้ว ผมคุ้น ๆ ว่าได้ยินเธอบอกผมตอนมาเยี่ยมกองถ่ายว่า เธอประมาณว่า “ฉันชอบจังเวลามันมืดมนขึ้น”
แคท : มันซับซ้อนยิ่งขึ้น ฉันคิดว่ามันสนุกมากจริง ๆ ที่จะย้อนกลับไปดูเบาะแสและรายละเอียดต่าง ๆ ที่คุณอาจจะพลาดไปในภาคแรก มันเข้มข้นและเต็มไปด้วยแรงขับเคลื่อนที่น่าสนใจ รวมทั้งความสัมพันธ์แล้วก็โลกเวทมนตร์ที่แสนอัศจรรย์
เอ็ดดี้ : ผมชอบที่โจมีจินตนาการที่ไม่ธรรมดาในการเขียนพล็อตเรื่อง มันบีบคั้นไปหมดเลย เรื่องนี้ จนคุณต้องจดจ่อมันเป็นส่วน ๆ ทีละประเด็น มันเหมือนกับเป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่ธรรมดาเลย
เราทราบกันว่านิวท์ชอบที่จะทำงานกับสัตว์ต่าง ๆ แต่ในตัวอย่างภาพยนตร์เหมือนจะเปิดเผยว่าเขาต้องทำงานกับดัมเบิลดอร์ อะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาไปทำงานกับอดีตอาจารย์ของตัวเอง?
เอ็ดดี้ : ส่วนหนึ่งของเรื่องนี้คือการที่นิวท์ถูกเรียกร้องให้ทำอะไรสักอย่าง สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมในตัวนิวท์คือเขามีความเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก – เขาไม่ใช่คนที่จะถูกจูงใจไปเพื่อเห็นแก่การเป็นสมาชิกหรือส่วนหนึ่งของกลุ่มชนใด ๆ – คนมากมายพยายามจะชักชวนเขาไปทำโน่นทำนี่ แต่เขาเป็นตัวของตัวเอง กระนั้นก็ตาม มีเดิมพันที่สูงมากในเรื่องนี้ที่ทำให้เขาต้องตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่าเขาจะเป็นแบบนั้นต่อไป หรือเขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องทั้งหมด ณ ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง
ในมุมของดัมเบิลดอร์ ตัวเขาและนิวท์มีความเป็นครูและศิษย์ที่แสนมหัศจรรย์ และมีความร่าเริงอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ดัมเบิลดอร์เป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม เขาโน้มน้าวนิวท์เพียงเล็กน้อย และทำอย่างนั้นแน่ ๆ ในหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าที่นิวท์ยอมถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวก็เพราะมันมีเดิมพันที่สูงมาก เจ้ากรินเดลวัลด์นั่นกำลังทำเรื่องหายนะ
ด้วยความที่คุณรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนจบของเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งต้องขอบคุณหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่ม สิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วนี้เป็นข้อมูลให้คุณเข้าถึงตัวละครได้มากขึ้นไหม?
แคท : ฉันคงต้องบอกว่าไม่ เพราะว่าเรา – โดยเฉพาะในเรื่องราวตรงนี้ – ไม่รู้เลยว่ามันจะพาเราไปถึงจุดไหน คุณรู้ไหม โจจะมาเปิดเผยอะไรให้เราฟังนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นบางครั้ง แต่นี่มันไม่เหมือนกับเรื่องราวของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะเราไม่มีหนังสือไว้อ่านอ้างอิงเลย ดังนั้นมันจึง ในความรู้สึกของฉันนะ เหมือนชีวิตจริงมาก คุณคงรู้ อะไรต่าง ๆ เกิดขึ้น แล้วเราก็ต้องตอบสนองต่อสิ่งนั้น
เอ็ดดี้ : แต่มันก็เบาใจได้ที่รู้ว่าในที่สุดแล้วเราก็ได้ลงเอยกัน ใช่มะ หวังว่าจะมีชีวิตแต่งงานที่สุขีนะ
แคท : เรายังคงต้องเล่นเรื่องนี้เหมือนกับว่าไม่รู้เลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แบบนั้นไม่สนุกหรือไง? ที่ผู้ชมจะนำหน้าเราไปก้าวหนึ่ง? พวกเขาจะได้เห็นเราล้มเหลวและไม่เข้าใจกันและกัน แล้วก็ล้มเหลวอีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ดิ้นรนที่จะมาอยู่ร่วมกันอีก แล้วพวกเขาจะคิดว่า “พวกห่วยนี่ พวกเขาไม่รู้หรอก แต่เรารู้ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอ๊งงงงงง”
แต่โจอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ ใครจะไปรู้ เธอคือ เจ.เค.โรว์ลิง! เธออยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ!
รู้สึกยังไงที่กลุ่ม Fantastic Four (นิวท์, เจคอบ, ทีน่า, ควีนนี่) ได้กลับมารวมตัวกันอีก? ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปไหมจากตอนจบของภาพยนตร์ภาคแรก?
แคท : คำถามแบบนี้แหละที่จะทำให้ฉันงานเข้า
เอ็ดดี้ : ใช่เลย งานเข้าแล้ว
แคท : มันอัศจรรย์มากที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะมากระหว่างเดินทางไปที่ต่าง ๆ และถ่ายทำหนังภาคแรก แล้วมันก็น่าตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วลูกหลานแต่ละคนก็เติบโตขึ้น แล้วก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้น มันอัศจรรย์จริง ๆ ที่ทุกคนได้กลับมาเจอกันแล้วนั่งเมาท์มอยกันอีก
เอ็ดดี้ : วันแรกที่เรากลับมาทำงานนี้ แทบไม่มีชิ้นงานใด ๆ เกิดขึ้นเลย มันคือการมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันโดยนาน ๆ ครั้ง เดวิด เยตส์ จะพูดขึ้นมาว่า “โอเค เราจะทำหนังกันอย่างนี้นะ ทุกคน หยุดเมาท์มอยกันได้แล้ว”
แคท : ส่วนในหนังเรื่องนี้ก็ … (หยุดคิดแป๊บหนึ่ง) หลายอย่างเปลี่ยนไปนะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาน่ะ
เอ็ดดี้ : เธอบอกว่ามันยากที่จะเข้าใจ มันฉลาดมากนะ เอาจริง ๆ แนวคิดเรื่องสี่สหายเนี่ย … เป็นช่วงเวลาหนึ่ง … วงนี้จะถูกแยกวงแล้วล่ะ
แคท : แต่ความใส่ใจและความสนิทสนมยังมีอยู่นะ ตัวละครเหล่านี้สำคัญต่อกันและกันมาก ๆ
พวกสัตว์วิเศษจะมีบทบาทในภาคต่อนี้มากแค่ไหน? บอกฉันสิว่าพิกเกตต์จะมีส่วนช่วยเอาชนะกรินเดลวัลด์!
เอ็ดดี้ : ผมไม่อยากบอกอะไรเยอะนะ แต่พิกเกตต์จะมีส่วนช่วยอย่างอ้อม ๆ แน่ – เพราะเขาสุดยอดมาก แล้วสามารถทำอะไรสุดยอด ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย – ในการช่วยเราจากสถานการณ์สักอย่าง แต่ก็จะมีสัตว์ชนิดใหม่ ๆ ด้วยนะ สิ่งหนึ่งที่ผมสนุกที่สุดในการถ่ายหนังเรื่องนี้คือการได้แสดงกับหุ่นเชิดต่าง ๆ รวมทั้งนักออกแบบวิชวลเอฟเฟกต์ ในระยะแรก ๆ ของการถ่ายทำ ตอนที่เรากำลังเตรียมงานสร้างกันล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน เราได้เห็นดีไซน์อันมหัศจรรย์ของสัตว์พวกนี้ ซึ่งเดิมทีคุณจะรู้สึกได้ว่าสัตว์พวกนี้จะมีหน้าตาอย่างไรตอนที่คุณอ่านสคริปต์ แต่พอคุณได้เจอกับทีมวิชวลเอฟเฟกต์ – ผู้ซึ่งเป็นเหมือนนักแสดงกันทุกคน – ที่มาพร้อมกับไอเดียที่เหมือนกับไอเดียของคุณ มันทำให้รู้สึกเหมือนตื่นตัวขึ้นมาเลย มีสัตว์วิเศษตัวนึงในเรื่องนี้ตัวใหญ่สุด ๆ ใหญ่มาก ๆ ที่จุดนึงมันทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมเอามาก ๆ แล้วพอต้องถ่ายทำจริง ๆ ก็จะมีผู้ชายสูง 7 ฟุต คนนึง ชื่อพีท มาเข้าฉาก เขาตัวสูงจริง ๆ แล้วแขนก็ใหญ่มากด้วย เขามาจับผมอุ้มไปอุ้มมาทั้งวันเลย
ความสัมพันธ์ระหว่างนิวท์กับธีซีอุสจะเป็นยังไง? พวกเขาสนิทกันไหม? ความสัมพันธ์ระหว่างธีซีอุสกับลีตาจะเป็นประเด็นหรือเปล่า?
แคท : น่าสนใจนะที่คุณถามฉันแบบนั้นน่ะ (หัวเราะ) ฉันหมายความว่า หนังเรื่องนี้ควรจะใช้ชื่อว่า สัตว์มหัศจรรย์ กับ … สารพันปัญหาซับซ้อนมากกว่า รู้ไหม ความสัมพันธ์พวกนี้มันมีแรงกระทบและท่วมท้นด้วยรายละเอียดมาก
เอ็ดดี้ : มันซับซ้อนมากจริง ๆ ธีซีอุสเป็นมือปราบมาร เขาเป็นคนภูมิฐานมาก ๆ แต่นิวท์เป็นอะไรที่ค่อนข้างตรงกันข้ามกับบุคลิกแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมรักอย่างแท้จริงก็คือวิธีที่โจเขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา มันเป็นอะไรที่ดูเหมือนเริ่มต้นแบบไม่ลงรอยกัน และแน่นอนว่ามันจะเต็มไปด้วยเรื่องซับซ้อน คือผมหมายความว่าพี่ชายเขาน่ะ หมั้นกับสาวที่เขาเคยมีใจให้อย่างมากมายตอนที่โตเป็นวัยรุ่น เพราะฉะนั้นมันชัดเจนว่ามีความตึงเครียดอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรักมันก็คือ จริง ๆ แล้ว โจบอกให้ผมดูสิ่งที่ คัลลัม เทอร์เนอร์ กำลังทำ และดูว่าเดวิดกำลังกำกับเขาอย่างไร – มีความรักมากมายอยู่ตรงนั้น – ที่เธอทำให้ความสัมพันธ์นี้คืบหน้าไปในฐานะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เกิดขึ้นในกองถ่ายคืออะไร?
แคท : มีผู้ช่วยส่วนตัวคนนึงที่เหมือนเขามีเวทมนตร์ในการส่งขนมกัมมี่แบร์มาถึงที่พักเล็ก ๆ ของนักแสดงได้ช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกหมดแรง เหมือนกับว่ามีเวทมนตร์ให้อยู่ ๆ มันก็มาปรากฏอยู่ตรงนั้น ฉันไม่เคยจับได้เลยว่าเขาทำได้ยังไง ฉันแค่คิดกับตัวเองว่า โอ้ เหนื่อยจัง อยากไปพักสักแป๊บ แล้วมันก็มีขนมกัมมี่แบร์วางอยู่ตรงนั้น มันเหมือนมีเวทมนตร์เลย
เอ็ดดี้ : อย่างหนึ่งที่ผมพบว่ามันแปลกสำหรับการถ่ายทำคือคุณสามารถเข้าฉากใหญ่ ๆ มุมกล้องกว้าง ๆ ได้ในตอนเช้า แล้วพอทุกคนหยุดพักกินมื้อเที่ยง แล้วคุณรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาหลังจากนั้น แต่ก็ต้องไปเข้าฉากที่ถ่ายทำระยะใกล้หรือฉากที่ต้องแสดงอารมณ์ เพราะอย่างนี้ ผมเลยเป็นพวกติดกาแฟ แคทเทอรีนทำให้ผมซึมเศร้าตลอดเลยช่วงที่ถ่ายทำภาคแรก เพราะเธอเอาเรื่องโทษของการดื่มกาแฟมากเกินไปมากรอกหูผมตลอด
แคท : ฉันไม่เคยเห็นใครซดกาแฟเยอะขนาดนั้นมาก่อนเลยนะ
คุณได้เจอกับนักแสดงจากภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ บ้างไหม พวกเขาให้คำแนะนำอะไรกับคุณบ้าง?
แคท : เอ็ดดี้เคยเจอ เอ็มม่า วัตสัน แล้ว เขาเคยร่วมงานกับเธอ แต่พวกเราที่เหลือเจอตอนเมื่อตอนงานพรีเมียร์ เธอผ่านมาพอดี เธอน่ารักมาก ๆ แล้วเราทุกคนก็ใจละลายกันหมดเลย
เอ็ดดี้ : ผมได้เจอกับ ราล์ฟ ไฟน์ส ก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำ เขาเล่าให้ฟังว่าเคยมีช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดาขนาดไหนตอนที่อยู่ในกองถ่ายและเล่าด้วยว่า เดวิด เยตส์ เยี่ยมยอดขนาดไหน เขาบอกว่าจะมีบางครั้งที่คุณแอบอยู่หลังฉาก แล้วก็จะคิดแบบว่า โอ้ ฉันไม่ได้เข้าฉากนี้หรอก สบาย ๆ ฉันแค่โฉบ ๆ มาดูเท่านั้น แต่ เดวิด เยตส์ เขาจะเห็นคุณ เขาเห็นทุกอย่าง มันเป็นอะไรที่ …
แคท : น่ากลัว? (หัวเราะ)
อะไรคือสิ่งที่คุณทำตัวให้คุ้นเคยได้ยากที่สุดตอนที่ถ่ายทำภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์ฯ? เป็นสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นตัวละครของคุณ หรือว่าเป็นอะไรเกี่ยวกับอุปกรณ์ประกอบฉาก?
แคท : ในเรื่องนี้ ฉันต้องใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ฉันคิดว่าหนักประมาณ 30 ปอนด์ ซึ่งอาจดูไม่ใช่น้ำหนักที่เยอะอะไรเลยสำหรับคนที่แข็งแรง แต่ฉันกลับต้องออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อให้ใส่เสื้อตัวนี้ได้ เพราะมันต้องใส่เพื่อเคลื่อนไหวอยู่ในบ่อโคลนที่ลึกจนท่วมถึงคอ แล้วเสื้อนี่เป็นอะไรที่จะดึงคุณให้ติดพื้นอยู่ตลอดเวลา
เอ็ดดี้ : เธอจะมีสายช่วยกระชับ ประมาณว่าก่อนถ่ายทำทุก ๆ เทค เธอจะไม่สบายตัวเลยถ้าไม่คาดมันเข้ากับเข็มขัดของเธอก่อน
แคท : ใช่แล้ว เพราะถ้าฉันรัดเข็มขัดให้แน่น ๆ มันจะช่วยผ่อนน้ำหนักจากไหล่ของฉันได้นิดหนึ่ง แล้วมันเป็นเรื่องของการโบกไม้กายสิทธิ์ด้วยไง มันคือการต้องโบกไม้กายสิทธิ์โดยที่มีใครสักคนกดน้ำหนักทับแขนของคุณอยู่ เพราะฉะนั้นฉันเลยต้องออกแรงจากในเสื้อโค้ท ซึ่งฉันน่าจะเริ่มออกกำลังกายได้ละ เรียกเป็นการออกกำลังในเสื้อโค้ทหนัง เดี๋ยวจะเริ่มทำคลิปสอนออกกำลังแล้วเนี่ย
เอ็ดดี้ : ผมว่าในหนังเรื่องนี้เราเตรียมพร้อมกันมาอย่างนี้นะ แต่ช่วงที่ผมตลกกับมันมากที่สุดในบรรดาการถ่ายทำสัตว์มหัศจรรย์ฯ ทั้งหมดคือตอนที่ถ่ายทำภาคที่แล้ว ตอนนั้นแคทเทอรีน อลิสัน แดน แล้วก็ผมเองกำลังวิตกจริตกันว่าการหายตัวคืออะไรกันแน่ ดังนั้นเราเลยต้องฝึกการเคลื่อนไหวกับโค้ชนานหลายสัปดาห์ เราทั้งสี่คนเลย เราต้องฝึกมันอย่างจริงจังซะจนเหลือเชื่อ ต้องวิ่ง แล้วต้องจับแขนของกันและกันไว้แล้วยังต้องพยายามหายตัวให้ได้อีก! ทำเอาเอียนไปตาม ๆ กัน
แคท : จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เราต้องหายตัวไปที่นั่นได้แน่!
เอ็ดดี้ : เราได้ดูหนัง พอถึงตอนที่เราตัดสินใจว่าจะหายตัวปุ๊บ พวกเขาก็แค่ใช้เอฟเฟกต์ทำให้คุณหายไป แล้วที่เสียเวลาไปทั้งหมดจนเป็นโรคกลัวการหายตัวขึ้นสมองนั่นมันเพื่ออะไรกัน??
ถ้าคุณสามารถเลือกผู้พิทักษ์ให้กันและกันได้ คุณอยากให้ผู้พิทักษ์ของอีกฝ่ายเป็นสัตว์อะไร?
เอ็ดดี้ : ผมคิดว่าของแคทน่าจะเป็นลูกม้าที่สวยสง่ามาก ๆ เพราะแคทนั้นสง่างามอย่างเหลือเชื่อ และบางทีก็ชอบกระโดดควบไปควบมาบนเท้าตัวเองบ่อย ๆ และอีกอย่าง ผมรู้ว่าผู้พิทักษ์ของเธอเป็นม้าสีขาว
แคท : จริง แล้วฉันก็รู้ว่าผู้พิทักษ์ของคุณเป็นหมาพันธุ์อะไรสักอย่าง
เอ็ดดี้ : อาา หมาบาสเซ็ต ฮาวด์ อย่าให้ผมเป็นอะไรอย่างอื่นนอกจากหมาบาสเซ็ต ฮาวด์
แคท : อืม มันเข้ากับที่ฉันรู้สึกเกี่ยวกับคุณในหนังเรื่องนี้เลย มันมีเพลงอยู่เพลงนึงนะ นานแล้ว เพลงของเอลวิส ที่เนื้อร้องประมาณว่า “คุณไม่ใช่อื่นใดนอกจากหมาฮาวด์” ซึ่งมันตรงกับที่ฉันรู้สึกนิดหน่อยเกี่ยวกับนิวท์ในหนังเรื่องนี้ เหมือนหมาน้อยมอมแมม ๆ ตัวหนึ่ง
เอ็ดดี้ : ผิดทั้งเพเลย เขาไม่ได้มอมแมมซะหน่อย!
แคท : ผิดเหรอ? สาว ๆ ฉันผิดหรือเปล่า? – หมายถึงหมาน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูน่ะนะ? ระวังเขาไว้ละกัน