เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการคาดเดา และอิงข้อมูลจากหลายแหล่ง หากไม่อยากเสียอรรถรสในการรับชม ขอให้ปิดบทความนี้ครับ
เริ่มต้นกันที่ฉากแรกกับฉากฮอกวอตส์ บ้านแสนรักของพวกเราทุกคน T_T ปลื้มใจเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเรียนใหม่
ที่น่าแปลกในฉากนี้ก็คือ พ่อมด 2 คน แม่มด 1 คน หายตัวมายังปราสาทได้?
ฮอกวอตส์มีคาถาป้องกันแน่นหนาต้านการหายตัวมายาวนานไม่ใช่หรือ? ต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์ใหญ่ถึงจะปลดคาถาให้มีการหายตัวในฮอกวอตส์ได้เลยนะ ถ้าอิงจากตอนสอนวิชาการหายตัวในปี 6 ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ใช่จะเปิดให้ใครหายตัวมาก็ได้
“อย่างที่พวกเธอคงรู้กันแล้ว ปกติเราไม่สามารถปรากฏตัวหรือหายตัวได้ในฮอกวอตส์ อาจารย์ใหญ่ได้ถอนมาตราเฉพาะในห้องโถงใหญ่นี้ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้พวกเธอฝึกซ้อมได้ ฉันขอเน้นว่าเธอจะไม่สามารถหายตัวออกไปนอกกำแพงห้องโถงนี้ และไม่ฉลาดเลยถ้าจะลองทำ”
– วิลคี ทไวครอส ผู้สอนการหายตัวจากกระทรวงเวทมนตร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.18 น.402)
จึงอนุมานได้ว่า การหายตัวมายังฮอกวอตส์ของพวกเขาได้รับอนุญาตจากอาจารย์ใหญ่ในขณะนั้น (ซึ่งไม่ใช่ดัมเบิลดอร์ ในสมัยนั้นดัมเบิลดอร์สอนวิชาแปลงร่างอยู่)
สามคนนี้น่าจะเป็น ทอร์ควิล ทราเวอร์ส (รับบทโดย Derek Riddell) มากับ ธีซีอุส สคามันเดอร์ พี่ชายของนิวท์ และลีตา เลสแตรงจ์ คู่หมั้นของธีซีอุส สังเกตจากซีนเดินเข้าปราสาทฉากถัดไป
ต่อด้วยฉากนักเรียนมุงดูคนที่มาถึงปราสาท มันก็น่าแตกตื่นถ้าจะหายตัวมาแบบนี้
ซีนต่อมาทำให้เราเห็นว่าคนที่หายตัวมา พวกเขาไม่ได้มาแค่สามคนแต่มีผู้ติดตามมาอีก
และซีนนี้ยืนยันว่าเป็นลีตา เลสแตรงจ์ เพราะชุด ทรงผม เหมือนกับในคลิปโปรโมตตัวละครอย่างชัดเจน
ส่วนด้านหลังพ่อมดคนนี้
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อัลบัส ดัมเบิลดอร์ รับบทโดย Jude Law ไง จะใครล่ะ?
คนที่หายตัวมาฮอกวอตส์ทั้งหมด มาพบกับ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในห้องเรียนของเขา ซึ่งสมัยนั้นสอนวิชาแปลงร่าง แต่ฉากถ่ายทำกลับเป็นฉากห้องเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดในยุคสมัยของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เจ.เค.โรว์ลิ่งยืนยันเองว่าเขาสอนแปลงร่างอยู่ในขณะนั้น
ในระหว่างการพูดคุย เห็นได้ชัดว่ามุ่งเล่นงานดัมเบิลดอร์ เพราะมีคนของกระทรวงอยู่ด้านหลังดัมเบิลดอร์ด้วย แต่ดัมเบิลดอร์ก็แสดงออกอย่างเป็นมิตรด้วยการวางไม้กายสิทธิ์ไว้บนโต๊ะ สิ่งที่พวกเขามาถามหาจากดัมเบิลดอร์ก็คือ ข้อสงสัยว่าดัมเบิลดอร์ส่งให้นิวท์ สคามันเดอร์ไปทำอะไรที่เป็นภารกิจลับในฝรั่งเศส ซึ่งดูเหมือนว่านิวท์กับดัมเบิลดอร์จะโดนกระทรวงจับตาดูก่อนหน้านี้สักพักนึงแล้ว ถึงได้สงสัยว่านิวท์แอบไปทำภารกิจลับให้ดัมเบิลดอร์ มันต้องมีปมไม่งั้นพวกเขาคงไม่บุกมาถึงฮอกวอตส์เพื่อถามหาข้อมูลจากเขายิ่งใหญ่เบอร์นี้
– จากซีนนี้ ดัมเบิลดอร์สอนวิชาแปลงร่าง แต่ห้องเรียนนี้กลับไม่มีอะไรที่แสดงออกถึงวิชาแปลงร่าง เมื่อเทียบกับห้องเรียนของมิเนอร์ว่า มักกอนนากัลในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ห้องนี้ดันเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่น่าจะใช้ดูดาวซะเยอะ เสียดายที่ข้อความตรงกระดานดำด้านขวามืออ่านได้ไม่เป็นคำ
– ตอนแรกมีการคิดกันว่ามันอาจเป็นห้องเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่ดัมเบิลดอร์ยืมห้องชั่วคราวก็ได้ แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าทำไมต้องยืมห้องคนอื่นในเมื่อตัวเองมีวิชาสอนและห้องพักตัวเอง และพอดูอย่างดีแล้ว เครื่องโลหะด้านหลังมันมีเครื่องดูดาว ซึ่งสะท้อนตัวตนของดัมเบิลดอร์ที่รักในการดูดาว และดัมเบิลดอร์ดูมีความคุ้นเคยกับห้องนี้ เพราะงั้นต้องเป็นห้องเรียนของเขาเอง ส่วนจะสอนแปลงร่างอย่างที่เราทราบกันมานานแล้ว หรือย้ายมาสอนป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ก็คงต้องรอคำตอบในภาพยนตร์ ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เดิมห้องเรียนนี้เคยเป็นห้องเรียนวิชาแปลงร่างในยุคสมัยที่ดัมเบิลดอร์สอนอยู่ พอถึงยุคของแฮร์รี่มันกลายไปเป็นห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ดูสมเหตุสมผลสุด
– ดัมเบิลดอร์ในภาคนี้ อายุโดยประมาณคือ 46 ครับ เนื่องจากเขาเกิดประมาณปี 1881 และเหตุการณ์ภาค 2 เกิดขึ้นในปี 1927-8 นั่นเอง
– โต๊ะของนักเรียนถูกกวาดแยกไปซ้ายขวาอย่างหยาบๆ เพื่อเปิดพื้นที่โล่งต้อนรับกลุ่มคนที่เข้ามา
– ธีซีอุส สคามันเดอร์ ในเวลานี้ทำงานเป็น หัวหน้าสำนักงานใหญ่มือปราบมาร [อ้างอิง Pottermore แปลไทย]
– ในฉากนี้ ลีตา เลสแตรงจ์ กลับไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย เป็นไปได้ว่าเธอแค่ติดตามคู่หมั้นอย่าง ธีซีอุส มาด้วยเฉยๆ พอถึงการคุยงานจริงๆ เธอจึงไปเดินเตร่ข้างนอก ปล่อยให้คนจากกระทรวงเวทมนตร์อังกฤษทำธุระไป
– ซึ่งเมื่อสังเกตบนโต๊ะทำงาน ไม้กายสิทธิ์ของดัมเบิลดอร์ตอนนั้นเป็นสีดำที่มีลักษณะคล้ายไม้เอลเดอร์ตรงที่มีปุ่มนูนตามไม้ (ไม้เอลเดอร์ในไทม์ไลน์ของสัตว์มหัศจรรย์ฯ เป็นของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์นะ ยังไม่ได้เป็นของดัมเบิลดอร์)
แต่โปสเตอร์ที่ปล่อยออกมา ดัมเบิลดอร์มีไม้กายสิทธิ์อันใหม่อีกอัน!
เพราะงั้นจึงสรุปได้ว่า ดัมเบิลดอร์มีไม้กายสิทธิ์ 2 ไม้ แต่ไม้ไหนมาก่อนมาหลัง อันนี้ยังยืนยันไม่ได้ แต่ถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์แล้ว ไม้สีดำ ปลายด้ามทอง น่าจะเป็นอันแรก และมีเหตุบางอย่างให้ไม้นั้นเสียหายหรือไม่สามารถเอามาใช้งานได้ ดัมเบิลดอร์จึงมีไม้ใหม่ แต่ไม้ใหม่นี้คือซื้อใหม่เลย หรือไปยึดใครมาอีกที ก็ยังยืนยันอะไรไม่ได้ สนุกล่ะ!
– จากภาพนี้ยืนยันได้ว่าชายคนกลางคือ ทอร์ควิล ทราเวอร์ส (Torquil Travers) รับบทโดย Derek Riddell ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าบทบาทหน้าที่ของเขาในกระทรวงเวทมนตร์คืออะไร แต่ที่ทราบแน่ชัดคือ ทราเวอร์ส เป็นนามสกุลของหนึ่งในผู้เสพความตายในยุคสมัยของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และทอร์ควิล ทราเวอร์สเป็นเชื้อสายรุ่นก่อนหน้า อาจจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ไปอีกคือ เขาไม่ใช่รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์อย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ในสมัยนั้นมีชื่อว่า เฮกเตอร์ ฟอว์ลีย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1925 – 1939 (อ้างอิง Pottermore https://www.muggle-v.com/3952)
– ด้านหลังขวามือเราคือ ธีซีอุส สคามันเดอร์
– ดูเหมือนกลุ่มที่มาหาดัมเบิลดอร์จะแยกเป็นสองกลุ่ม คือมือปราบมารกลุ่มขวา และกลุ่มซ้ายไม่รู้ว่ากลุ่มไหนจากกระทรวงเวทมนตร์เหมือนกัน
ซีนต่อมาเป็นห้องที่ไหนสักแห่งที่มีเศษโปสการ์ดจากปารีสโดนตัดทิ้งอยู่ และมีปากกากับล็อกเกต (น่าจะล็อกเกต) ตกอยู่ข้างๆ
– มีวัตถุแปลกๆ ต้องสงสัยอยู่บนพื้นด้วย นั่นคือ กรรไกรเงินที่ใช้ตัดโปสการ์ด กับแท่งๆ สามอันที่อาจจะเป็นแค่พวงกุญแจ ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นห้องของผู้หญิงหรือผู้ชาย
ซีนน่าสนใจต่อมาคือ ฉากคนใช้อุปกรณ์ดูดไฟ ซึ่งน่าจะเป็น ดีลูมิเนเตอร์ สิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมของอัลบัส ดัมเบิลดอร์
– เราเห็นผู้ชายสองคนในซีนนี้ (น่าจะผู้ชายทั้งคู่นะ) ซึ่งไม่ยืนยันว่าคนที่ใช้ดีลูมิเนเตอร์จะเป็นดัมเบิลดอร์หรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าดัมเบิลดอร์ให้คนอื่นยืมไปใช้มากกว่า
– ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.7 น.123 ระบุไว้ว่า “นั่นน่ะเป็นของมีค่ามาก อาจจะมีแค่อันเดียวในโลกด้วยซ้ำ แน่นอน มันเป็นประดิษฐกรรมของดัมเบิลดอร์เอง ทำไมเขาถึงยกสิ่งหายากนี้ให้เธอ” รูฟัส สคริมเจอร์ สมมติว่ามีแค่อันเดียวจริง สองคนนี้ก็ต้องได้รับมอบหมายภารกิจลับจากดัมเบิลดอร์แน่นอน ผมเดาว่าเป็น นิวท์ กับธีซีอุส ที่ไปสุสานในซีนท้ายของตัวอย่าง หรือไม่ก็เป็น นิวท์ กับเจคอบ โควัลสกี้ ยังยืนยันไม่ได้ เพราะมองคนที่สองแทบไม่เห็นเลย
ตามมาด้วยซีนเดินถนนในอังกฤษ คิดว่านิวท์กำลังจะไปหรือออกมาจากกระทรวงเวทมนตร์นะ เพราะบรรยากาศมันชวนให้นึกถึงทางไปกระทรวงเวทมนตร์จากแฮร์รี่ พอตเตอร์
– ท่าทางลับๆ ล่อๆ ต้องทำอะไรลับๆ ที่กลัวมีคนแอบติดตามมาแน่ๆ
– ดันมองไม่เห็นชื่อถนนซะนี่ ต้องไปเช็คก่อนว่าสถานที่ถ่ายทำตรงกับถ่ายซีนไปกระทรวงเวทมนตร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 5 ไหม
การนัดพบกันของดัมเบิลดอร์และนิวท์ที่อังกฤษ
– ทำไมถึงมั่นใจว่าเป็นอังกฤษ ก็เพราะที่พวกเขานัดพบกันคือหลังคาของโบสถ์เซนต์ปอล (St Paul’s Cathedral) สังเกตจากหอนาฬิกา
– พวกเขานัดเจอกันตอน 7:30 น.
– ซีนนี้อาจเป็นซีนต่อเนื่องจากการลับๆ ล่อๆ ของนิวท์ บนถนนในอังกฤษ เพื่อมาหาดัมเบิลดอร์ โดยไม่ให้คนรู้ นั่นจึงหมายความว่าซีนถนนนั้นไม่ใช่กระทรวงเวทมนตร์ แต่เป็นทางไปวิหารเซนต์ปอลนั่นเอง
กรินเดลวัลด์เป็นอิสระ
– ฉากนี้ทำให้เห็นว่ากรินเดลวัลด์เป็นอิสระ ไม่ได้ถูกจองจำ และอยู่รายล้อมด้วยบริวารของเขา
– ทำไมถึงคิดว่าคนที่ยืนอยู่เหล่านี้เป็นบริวารหรือผู้ติดตามของกรินเดลวัลด์ ก็เพราะมีชายผมยาวคนหนึ่งยกมือขึ้นกุมที่หน้าอก มันเป็นสัญลักษณ์ในเชิงความหมายของการน้อมรับ และทุกคนกุมมือในลักษณะของการเชื่อฟังอย่างเป็นระเบียบ
– ผู้หญิงที่ยืนด้านขวาคือ วินดา โรซิเออร์ รับบทโดย Poppy Corby-Tuech สังเกตจากหมวกและท่วงท่าของเธอ (เธอเป็นนักแสดงชาวฝรั่งเศส ตัวละครนี้น่าจะเป็นฝรั่งเศสด้วย จึงน่าจะออกเสียงนามสกุล Rosier ว่า โรซิเย่ มากกว่า) เธอเป็นมือขวาผู้จงรักภักดีของกรินเดลวัลด์ ถ้าเปรียบก็เหมือน โวลเดอมอร์กับเบลลาทริกซ์
– วินดา โรซิเย่ ถืออะไรที่เป็นเหมือนลูกแก้วส่องสว่างอยู่ในมือ? ทำไมนึกถึงลูกแก้วพยากรณ์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ก็ไม่รู้ แต่เจ.เค.ไม่น่าจะเอามาเล่นซ้ำหรอก
ซีนต่อมาเป็นทีน่าเดินอยู่หลังรูปปั้นเหมือนทำหน้าที่เฝ้าระวัง
ตามมาด้วยนิวท์ พาเจคอบไปที่ไหนสักแห่ง
– ระบุไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน เพราะแววตาของนิวท์เองก็ดูระแววระวัง ซึ่งซีนถัดไปพาไปยังสถานที่ที่น่าจะเป็นห้องทำงานจริงๆ ของนิวท์ แต่ไม่น่าจะต่อเนื่องกันเวลาดูภาพยนตร์จริงๆ เพราะพิจารณาจากอิฐตรงกำแพงขนาดมันต่างกันค่อนข้างมากทีเดียว
– น่าจะเป็นทางไปฐานลับดัมเบิลดอร์ที่แสดงแผนผังตระกูลเลสแตรงจ์ในซีนหลังมากกว่า
ปรบมือซิ เจคอบ ตัวแทนคนไร้เวทมนตร์กลับมาแบบสมประกอบ 555+ แน่นอนว่าความทรงจำก็ต้องกลับมาครบถ้วน แต่ได้กลับมายังไงหวังว่าจะเฉลยนะ
– จากสภาพหัวเปียก เลยคิดว่าเหตุการณ์ในห้องนี้กับที่ทั้งคู่เดินลงไปไหนสักแห่งไม่ใช่สถานที่เดียวกัน และคิดว่าซีนนี้ต่อเหตุการณ์จากซีนที่นิวท์ขี่ตัวเคลปี้ใต้น้ำ
– ก้อนอิฐด้านหลังก็ขนาดต่างกันกับฉากเดินลงตามหลังนิวท์อย่างชัดเจน
ว่าแต่อีนี่มันตัวอะไร ไม่คุ้นเลย! ตัวใหม่นอกเหนือจากหนังสือตำราเรียนใช่ไหมเนี่ย!
– สัตว์วิเศษที่เราเห็นทั้งหมด 3 ตัว มีเพียงตัวขวาสุดที่อยู่กระจุกกันเท่านั้นที่รู้ชื่อและข้อมูล มันคือตัวมูนคาล์ฟ ซึ่งปรากฏตัวมาแล้วในภาคแรก ตอนที่เจคอบไปป้อนอาหารให้ จำได้ไหมครับ ส่วนตัวซ้ายและตัวที่คล้ายกวางอ้วนหลังเจคอบนี่บอกไม่ได้เลยว่าตัวอะไร เดาได้แค่ว่าสัตว์วิเศษใหม่นอกหนังสือเรียน
– เจคอบยังคงแย่งซีน และเสียงหัวเราะได้แน่นอนในภาคนี้
ครีเดนซ์กับหญิงสาวผู้เป็นมาเลดิกตัส
– ความสัมพันธ์ของครีเดนซ์ กับหญิงสาวเอเซียที่เป็นมาเลดิกตัส (รับบทโดย Claudia Kim) จะต้องลงเอยไม่ดีแน่ๆ ซึ่งมาเลดิกตัสคือคนที่ต้องคำสาปทางสายเลือดให้กลายร่างเป็นอสูร
– ในฉากนี้ครีเดนซ์ปล่อยออบสคูรัสออกมา เหมือนเป็นการระบายเอาความทุกข์ออกมาให้คนที่ยอมรับฟังเขา นั่นคือผู้หญิงที่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย
– ทั้งครีเดนซ์และเธอต่างก็มีจุดเหมือนกันที่เชื่อมโยงให้สนิทสนมกันคือความเป็นคนประหลาด และมีพลังไม่พึงประสงค์อยู่ในตัว กลายเป็นคนที่สังคมไม่ต้องการและเป็นได้แค่ของประหลาดตัวโชว์ในคณะละครสัตว์!
– ฉากนี้ยืนยันว่าครีเดนซ์และเธออยู่ที่ฝรั่งเศส เพราะฉากหลังคือ หอไอเฟล!
นี่คือสถานที่เวทมนตร์ไหนในฝรั่งเศส
– สิ่งที่เราเห็นในฉากนี้คือ ผังแสดงข้อมูลดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ในภาษาฝรั่งเศส สังเกตจากคำว่า Le Murlap / Le Niffleur สาเหตุที่คิดว่าเป็นแผนที่ดูดาวเพราะลักษณะการออกแบบคล้ายคลึงกับงานชิ้นนี้
และเมื่อพยายามถอดคำจากข้อความภาษาละตินบนโดมแล้ว จะได้ข้อความที่สื่อสารถึงระบบดวงดาวด้วย
HÆMISPHA
LATUMA
SPHÆRUM
RIUM STEL
STARLE ÆQUARI
PROPORTIONE
– ซึ่งมีความหมายเกี่ยวข้องกับโลกและดวงดาว HÆMISPHA น่าจะคือ Hemisphere หรือการแบ่งโลกเป็นครึ่งแล้วระบุเป็นดวงดาวผ่านครึ่งซีกโลกสองฝั่ง คำว่า SPHÆRUM หมายถึง Sphere หรือ โลก Starle คือ ดวงดาว
– หลายแหล่งคาดเดาว่านี่คือกระทรวงเวทมนตร์ของฝรั่งเศส
– สถานที่แห่งนี้น่าจะได้ต้นแบบสถาปัตยกรรมมาจาก Le Grand Palais ในปารีส
ควีนนี่มาทำอะไรที่อาคารเวทมนตร์แห่งนี้?
– ในตัวอย่างของทาง IMAX มีซีนเพิ่มเข้ามาคือ ควีนนี่มาที่ฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมาเพียงลำพัง สีหน้าเป็นกังวลและหวาดหวั่นมาก
– สถานที่ที่เราเห็นไกลๆ เป็นเหมือนประตูชัย คือ Porte Saint-Denis ระบุสถานที่ว่านี่คือปารีส ประเทศฝรั่งเศส
– ดูเหมือนควีนนี่จะมาคนเดียว หรือไม่ก็แยกกลุ่มกับคนอื่น เกิดอะไรขึ้น? ความสามารถในการพินิจใจของเธอกำลังเจอกับอะไรที่น่ากังวลจนต้องมาถึงฝรั่งเศส?
งานเลี้ยงนี้คืองานอะไร?
– ด้วยเครื่องแต่งกายส่วนใหญ่ของผู้หญิงทำให้นึกถึงกลุ่มวีล่าที่มาในงานแต่งงานของบิล กับเฟลอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ในยุคสมัยนั้นเครื่องแต่งกายประมาณนี้ก็ระบุยากว่าประเทศไหน สถาปัตยกรรมของห้องนี้ก็ดูยากจัง
– ลีตามางานนี้กับพ่อรึเปล่า? ชายสูงวัยข้างๆ คือพ่อของลีตาไหม?
– จุดน่าสนใจในซีนนี้ก็คือ บรรดาคนข้างหลังที่มองลีตาด้วยสายตาและท่าทีเชิงลบ
– ดูเหมือนลีต่าไม่ได้มีโอกาสออกมาพบปะผู้คนมากนัก เธอดูตื่นเต้นกับการเต้นรำของหญิงสาวกลางวงมากเป็นพิเศษ และสายตาคนรอบข้างเหมือนแปลกใจที่พบเธอที่นี่
– เป็นไปได้ว่าความเหมือนของเธอกับนิวท์คือการเข้าสังคมที่ไม่ดีนัก และออกจะเป็นที่เลื่องลือในสมัยเรียน? คนข้างหลังพวกนั้นเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับเธอรึเปล่า
ฉากการนัดหมายที่ Seven Sisters
– หน้าผาแห่งนี้มีชื่อว่า Seven Sisters ตั้งอยู่ในอังกฤษ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากใช้กุญแจนำทางไปงานควิดดิชเวิลด์คัพ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี แถมยังทำให้นึกถึงบรรยากาศในภาพยนตร์แฟนเมด The Greater Good ว่าด้วยเรื่องราวของดัมเบิลดอร์กับกรินเดลวัลด์อีกด้วย 555+
– เราเห็นคนสองคนไปหาใครอีกคนที่รออยู่แล้วบนหน้าผา สามคนนี้เป็นใคร? ดูเหมือนคนที่รออยู่จะมีกระเป๋าวางอยู่ด้านหลังด้วย
แล้วตัวอย่างก็ตัดไปซีนใต้น้ำอย่างรวดเร็ว
– สัตว์วิเศษที่นิวท์ขี่อยู่นี้ชื่อว่า เคลปี้ เป็นปีศาจน้ำที่สามารถแปลงร่างได้ โดยมักจะแปลงร่างเป็นม้า ชอบเอาต้นกกหรือในตัวอย่างน่าจะเป็นสาหร่ายมาปกคลุมตัว และจะหลอกล่อคนให้ขี่คอมันก่อนจะพาดิ่งลงไปใต้น้ำลึก ซีนนี้บอกตำแหน่งไม่ได้ว่าที่ไหน และไปทำอะไร แต่สีหน้าของนิวท์ไม่ได้กังวล จึงคิดว่านิวท์คงควบคุมมันได้ด้วยคาถาแล้วแน่นอน
– จากซีนก่อนหน้าที่เจคอบหัวเปียก เป็นไปได้ว่าจะขี่เคลปี้ตามหลังนิวท์มาติดๆ และเผลอๆ จะมุ่งตรงไปห้องทำงานของนิวท์ที่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษซึ่งอยู่ใต้น้ำ 555+ อันนี้ก็เดาล้วนๆ
นี่คือฐานลับของดัมเบิลดอร์และแผนผังตระกูลเลสแตรงจ์อย่างนั้นหรือ?
– ฉากนี้ทำให้เกิดคำถามว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากฮอกวอตส์ปิดภาคเรียนไปแล้วหรือไม่? เพราะดูดัมเบิลดอร์จะเดินทางไปไหนมาไหน และที่ลับนี้ดูเหมือนจะมีนิวท์อีกคนที่รู้ทาง
– หลักฐานที่บอกว่านิวท์รู้ทางที่ลับนี้เพราะภาพโปรโมตก่อนหน้านิวท์ก็อยู่ที่อุโมงค์น้ำใต้ดิน และเดาว่าเจคอบก็รอลงตามมาติดๆ จนเกิดฉากถัดไป
ย้อนหลับไปที่ภาพของนิวท์และเจคอบอันนี้ สังเกตอิฐบนกำแพง
– จะเห็นได้ว่า อิฐมีขนาดและโครงสร้างไปในทางเดียวกัน เป็นไปได้สูงว่าคือที่เดียวกัน
– จุดเด็ดของฉากนี้คือแผนผังตระกูลเลสแตรงจ์!
– ไม่ใช่แค่เลสแตรงจ์ แต่ยังมีชื่อของ Credence Barebone โผล่อยู่ในนั้นด้วย และเมื่อพิจารณาอย่างดีแล้ว มันคือผังตระกูลเลสแตรงจ์ที่บ่งบอกว่า ลีตา เลสแตรงจ์ และครีเดนซ์ มีพ่อคนเดียวกันคือ Corvus Lestrange แต่ต่างกันเพียงมารดาเท่านั้น แม่ของครีเดนซ์น่าจะชื่อว่า Clarice Tremblay หรือ Clarisse Trembly (นามสกุลนี้ไม่เคยปรากฏในแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเมื่อถ่างแผนผังลึกลงไปก็พบว่าตลอดเส้นทางเลสแตรงจ์มีคนชื่อ Corvus น่าจะอย่างน้อย 3 คน และหนึ่งในนั้นยังแต่งงานกับคนในตระกูล Rosier (ตระกูลของวินดา มือขวากรินเดลวัลด์) ซึ่งขึ้นต้นชื่อด้วยตัว M อีกด้วย นอกจากนี้แผนผังยังแสดงออกถึงสัญลักษณ์การแบ่งแยกสีผิว ว่า Laurina Kama หรือ Laurena Kama เป็นผู้หญิงผิวสี
– ถ้าสังเกตดีๆ แล้ว ด้านบนชื่อครีเดนซ์ ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นคือชื่อจริงเดิมของครีเดนซ์ เพราะงั้นเดิมครีเดนซ์มีชื่อว่า Curvus Lestrange เช่นเดียวกับชื่อพ่อของเขานั่นเอง!
– ที่เดาว่าเป็นการแบ่งแยกด้วยผิวสีเพราะมีตัวละครนามสกุล Kama อีกคนเป็นนักแสดงผิวสี และน่าจะจงใจแสดงออกถึงการเหยียดหยันขั้นสุง แบบว่า เลสแตรงจ์ไม่ได้แย่งแยกแค่สายเลือดแต่ฉันแบ่งไปจนถึงสีผิวเลยจ้าา
– จากชื่อและนามสกุลแม่ของครีเดนซ์ ผมรู้สึกว่านามสกุลโหลมาก ทั่วไปมาก ฟังดูธรรมดา ดูเป็นนามสกุลมักเกิ้ลอะไรแบบนั้น จึงเดาว่า เลสแตรงจ์แอบมีสัมพันธ์ลับกับแม่ครีเดนซ์ ซึ่งแม่ครีเดนซ์อาจเป็นได้ทั้ง มักเกิ้ล ไม่ก็สเคาเรอร์ (สเคาเรอร์คือพ่อมดแม่มดที่ทำร้ายพ่อมดแม่มดด้วยกันเองอย่างโหดเหี้ยมเพียงเพื่อผลประโยชน์เป็นเงินค่าจ้าง) เป็นความสัมพันธ์ที่เปิดเผยไม่ได้ เชิดหน้าชูตาไม่ได้ จนกระทั่งจำเป็นต้องสืบสายสกุลและเจตนารมณ์บ้าบอของเลือดบริสุทธิ์ เขาจึงต้องเลิกกับ Clarice แล้วไปแต่งงานกับ Laurina Kama? ความชอกช้ำเสียใจและโกรธแค้นทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจวิกลจริต สุดท้ายนางก็คงตาย เป็นเหตุให้ครีเดนซ์ต้องไปอยู่ในการเลี้ยงดูของแมรี่ ลู แบร์โบนและ Corvus พ่อของครีเดนซ์ก็ปกปิดเรื่องการมีสัมพันธ์กับ Clarice สายสกุลก็เลยยังเป็นเลือดบริสุทธิ์ (ปลอมๆ) ต่อไป
– แต่เอ… ครีเดนซ์น่าจะอายุน้อยกว่าลีตานะ! แม้จะไล่เลี่ยกัน และเข้าใจว่าโดยปกติแล้วลำดับผังตระกูลถ้าเรียงลำดับจากซ้ายไปขวาคือเรียงตามลำดับพี่ไปน้อง หรือก่อนไปหลัง เพราะงั้น Corvus Lestrange พ่อของครีเดนซ์ น่าจะแต่งงานกับ Laurena แม่ของลีตา เลสแตรงจ์ ก่อนจะแต่งงานกับ Clarice Tremblay และลีตาน่าจะเกิดก่อนครีเดนซ์ ครีเดนซ์เองน่าจะมีอายุประมาณ 20+ เพราะในหนังสือบทภาพยนตร์ระบุให้ เชสทิตี้ แบร์โบน และครีเดนซ์ แบร์โบน เป็น Adult (บทภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ฉบับภาษาอังกฤษ ฉากที่ 7 หน้า 13) ผู้ใหญ่ถ้ากำหนดตามอายุก็ต้อง 18 ปีขึ้นไป ครีเดนซ์เป็นพี่คนโตก็ต้องอายุมากว่าใคร น่าจะติด 20+ แล้ว คงไล่เลี่ยกับลีตาแต่อ่อนกว่า
– แล้วผมก็ไปเอะใจกับนามสกุล Kama ต่อ เพราะมีนักแสดงที่ประกาศชื่อแสดงในเรื่องนี้รับบทเป็นตัวละครชื่อ Yusuf Kama และเป็นนักแสดงผิวสี ซึ่งปรากฏตัวในฉากคณะละครสัตว์!!!
– เพราะงั้นก็ต้องหาเหตุผลว่าทำไม Yusuf Kama (น่าจะเป็นลุงของลีตา) ถึงต้องไปตามหาครีเดนซ์ที่เป็นลูกของอีกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกันแค่พ่อของลีตาเท่านั้น แถม Yusuf ก็อยู่นอกตระกูลเลสแตรงจ์ทำไมถึงสนใจตามหาครีเดนซ์นัก อาจเพราะประเด็นการแต่งงานใหม่กับแม่ครีเดนซ์ ไม่แน่แม่ลีตาอาจจะตายไปแล้ว Yusuf เลยตามหาคนที่เป็นต้นเหตุให้ Laurena ตาย และไปพบว่าทางนู้นมีลูกชื่อครีเดนซ์ แต่ถึงกับต้องไปถึงฝรั่งเศสเลยก็ไม่ธรรมดา อยากรู้ปมครอบครัวนี้มาก
– Clarice Tremblay มีความสัมพันธ์กับแมรี่ ลู แบร์โบน ระดับไหน เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนหรือไม่ แต่ต้องรู้จักกันแน่ๆ เพราะแมรี่ ลู เคยบอกในภาคแรกเองว่า แม่ของครีเดนซ์เป็นผู้หญิงร้ายกาจ และวิกลจริต ก็ต้องรู้จักกันดีในระดับนึงถึงได้ระบายออกมาแบบนั้น เผลอๆ แม่ครีเดนซ์อาจสืบเชื้อสายของพวกสเคาเรอร์มาเหมือนแมรี่ ลู ถึงได้มีความร้ายกาจเหมือนๆ กันมา
– ชายที่ยืนอยู่นี้คือใคร ตอบยากเหลือเกิน บางคนบอกว่าเป็นดัมเบิลดอร์ แต่ก็ดูไม่ใช่ ทรงหมวกอาจคล้ายกันแต่ความหนาปีกหมวกไม่เท่ากัน คนที่เป็นไปได้จึงเป็น Yusuf Kama เพราะในซีนถัดไปเราเห็นเขาผิวสีใส่หมวกในลักษณะที่คล้ายกันมาก และอย่างที่บอกข้างต้นเขาดูเกี่ยวข้องกับคนในผังตระกูลด้วย
ซีนสั้นมากถัดไปบอกเราว่า ทีน่า โกลด์สตีนก็รู้จักฐานลับที่แสดงผังเลสแตรงจ์นี้ด้วย
ฉากคณะละครสัตว์กลางเมือง
– ละครสัตว์วิเศษนี้มี สเกนเดอร์ (Skender) เป็นหัวหน้าโรงละครสัตว์วิเศษ รับบทโดย Ólafur Darri Ólafsson และมีหญิงมาเลดิกตัสเป็นตัวประหลาดชูโรงของคณะ ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะเป็นอสูรตัวซ้ายในภาพ หรือ Snake Girl ในภาพเห็นแค่ ICTUS น่าจะมาจาก MALEDICTUS นั่นเอง เพราะฉะนั้นยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า อสูรจากจีนที่เจ.เค.โรว์ลิ่งเคยเปิดเผยไว้เมื่อปีก่อนก็คือ มาเลดิกตัสคนนี้นี่เอง!
– ป้ายด้านขวาเขียนเป็นคำว่า Oni เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงสิ่งมีชีวิตจำพวกยักษ์ หรือโทรล์ หรือออค
– ดูเหมือนว่า ที่ฝรั่งเศสจะให้การตอบรับกับเรื่องพิลึกพิลั่น เรื่องมหัศจรรย์ได้มากกว่าในอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดูตื่นเต้นและพร้อมใจมาชมละครสัตว์วิเศษนี้อย่างไม่รู้สึกว่าต้องกลัว และนี่ตั้งอยู่ในกลางเมืองผู้ไร้เวทมนตร์นะ หรือว่าเป็นแค่ชุมชนผู้วิเศษในฝรั่งเศสที่ซ่อนตัวจากผู้ไร้เวทมนตร์เฉยๆ แต่พวกเขาดูไม่มีเวทมนตร์เลยเท่าที่เห็นจากภายนอก
– หนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้าโรงละครคือ ทีน่า โกลด์สตีน
– Easter Egg จากภาคแรก คือโปสเตอร์ละครสัตว์ที่แสดงในเมกา และกำลังจะไปแสดงต่อในส่วนอื่นของยุโรป และภาค 2 สรุปว่าเขามาจัดแสดงในฝรั่งเศส
– อย่างที่เราทราบในตอนท้ายของเรื่องว่าเศษพลังออบสคูรัสของครีเดนซ์ลอยหลบหนีหายไป เขาได้เข้ามาอยู่กับคณะละครสัตว์นี้และเดินทางมากับพวกเขาจนถึงฝรั่งเศสและพบกับหญิงมาเลดิกตัสนั่นเอง!
– ภายในกรงเราเห็นแค่เปลวไฟปลอมที่ขยับไปมา กับคนผมสีดอกเลาหรือสีเทาๆ นั่งในกรงทางด้านขวา และเหมือนจะมีใครสักคนนอนอยู่ตรงกลาง เดาว่าเป็นมาเลดิกตัสที่ยังไม่กลายร่าง
– เราเห็นสเกนเดอร์ในชุดคลุมสีแดง กับไม้เท้าน่าจะเอาไว้เคาะกรง
คนนี้ไง ยูซุฟ คามา (Yusuf Kama) ชายผู้มีนามสกุลเดียวกับแม่ของลีตา เลสแตรงจ์ รับบทโดยนักแสดงชายชาวฝรั่งชื่อ William Nadylam
– ทาง BusinessWire ระบุว่าเขารับบทเป็นพ่อมดด้วยนะ [อ้างอิง BusinessWire]
– เป็นไปได้ว่ายูซุฟเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งของกรินเดลวัลด์ และมายังคณะละครสัตว์นี้เพื่อตามหาครีเดนซ์ และไม่ใช่แค่พบครีเดนซ์ เขายังพบของดีที่กรินเดลวัลด์น่าจะอยากได้ไปใช้ประโยชน์ด้วย
– ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า Yusuf Kama เป็นอะไรกับ Laurina Lestrange แม่ของลีตา เลสแตรงจ์ อาจเป็นพี่น้องหรือแค่ญาติกัน
– เป็นไปได้ค่อนข้างมากที่ชายในอุโมงค์นี้จะเป็น Yusuf Kama เพราะหมวกและความหนาปีกหมวกคล้ายคลึงกันมาก และคล้ายว่าจะมีแถวคาดบนหมวกเช่นเดียวกัน สีชุดก็ไปในทางเดียวกัน นอกจากนี้ก็สีผิวของตัวละครที่ยืนอยู่ในอุโมงค์ดูเป็นชายผิวสีดำ มากกว่าชายผิวขาว แม้ในห้องจะมืดจนทำให้ดูดำ แต่คนผิวขาวก็จะไม่ดำขนาดนี้ ฉะนั้นเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเขา และยูซุฟอาจมากับทีน่าที่เราเห็นตอนกำลังจะเข้าโรงละคร และคงต้องมีนิวท์ตามมาด้วย แต่ก็อาจจะแยกกันมาก็ได้ เพราะยังไง Kama ก็ดูเกี่ยวข้องกับเลสแตรงจ์ ถ้าตัดสินแบบมักง่ายก็ “ไม่น่าจะเป็นคนดี” เพราะงั้นซีนในอุโมงค์ก็ต้องดูแล้วว่า กลุ่มนิวท์ เจคอบ ทีน่า กับ ยูซุฟ หรือชายในภาพใครมาถึงอุโมงค์นี้ก่อน คงต้องมีการรีบตามอีกฝ่ายไปให้เจอตัวครีเดนซ์
– ฮั่นแน่ แว๊บๆ แต่ชัดเจนถึงตัวต้น เนื้อผ้าพิเศษแบบนี้ กับซีนก่อนหน้า คนที่ยืนหลุดขอบคือ ทีน่า โกลด์สตีน อย่างแน่นอน และนั่นหมายความว่า… เธอมาถึงก่อน Yusuf Kama และไม่ได้มาด้วยกัน
เจ้าโบวทรัคเกิลชื่อ พิกเกตต์ กลับมา และดูจะแสบซนมากขึ้นด้วยความพยายามที่จะหนีนิวท์ แต่สุดท้ายก็คงหนีไม่สำเร็จนั่นแหละนะ
ครีเดนซ์ แบร์โบน ที่หล่อกว่าเดิม
– ความเกรี้ยวกราดระดับกิ๊ก สุวัจนี แสดงถึงความไม่พอใจขีดสุดของครีเดนซ์ และนั่นอาจนำไปสู่การระเบิดของออบสคูรัสในตัวอีกครั้ง
– เป็นไปได้ว่าสาเหตุของความโกรธหนักนี้จะเกี่ยวของกับเพื่อนมาเลดิกตัสที่อยู่กับเขาในคณะละครสัตว์ เพราะฉากนี้เป็นฉากในโรงละคร และเขาตัดสินใจปลดปล่อยสัตว์ตัวจิ๋วที่มีพิษสงไม่เบาออกจากกรง
– ไม่แน่การถูกกระทำเหมือนสัตว์ในตู้โชว์ของมาเลดิกตัสสาว และความเป็นอยู่ในคณะละครสัตว์ไม่ดีจนเขาวางแผนที่จะสร้างความโกลาหลและหลบหนีออกมาจากคณะ ซึ่งถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ ซีนที่ครีเดนซ์กับสาวเจ้าชุดน้ำเงินก่อนหน้าที่นั่งอยู่บนหลังคาวิวปารีส อาจเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้ เพราะผมเผ้าของมาเลดิกตัสสาวอยู่ในสภาพยับเยินทีเดียว
– แต่ถ้าเลวร้ายกว่านั้นล่ะ?
เขากลับมาหรือ?
– ชายที่อยู่ในห้องที่โดนระเบิดพินาศ คือใคร? ลักษณะท่าทางของเขาเหมือน “เพอร์ซิวาล เกรฟส์” ทั้งการแต่งตัว ท่าทาง และทรงผม จึงเป็นไปได้อย่างมากที่กรินเดลวัลด์จะใช้ร่างนี้เพื่อกลับมาหาครีเดนซ์และหลอกล่อเขาอีกครั้ง เพราะก่อนที่ครีเดนซ์จะโดนเล่นงานจนระเบิดเป็นเถ้าถ่านในภาคแรก เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพอร์ซิวาลคือกรินเดลวัลด์
– ใครลงเรือนี้คงได้ฟินกันอีกครั้ง เพราะคิดว่าก็เป็นไปได้ที่กรินเดลวัลด์จะกลับมาหาครีเดนซ์อีกครั้ง และต้องใช้ร่างของเพอร์ซิวาลในการเข้าหา เพราะถึงอย่างไรออบสคูรัสก็ยังเป็นสิ่งที่กรินเดลวัลด์ต้องการ แล้วยิ่งเห็นพลังความแข็งแกร่งของครีเดนซ์ยิ่งปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้
– หรือเพราะการกลับมาของเพอร์ซิวาล ทำให้ครีเดนซ์ระเบิดอารมณ์ในซีนก่อนหน้า?
– กรินเดลวัลด์รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของครีเดนซ์กับมาเลดิกตัสเลยใช้หญิงสาวเป็นเหยื่อล่อให้ครีเดนซ์ยอมทำตามรึเปล่า
– แรงระเบิดในฉากนี้เป็นไปได้ว่าเกิดจากพลังของออบสคูรัสอีกครั้ง!
– บางคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าชายในอุโมงค์กับที่ยืนในห้องที่โดนระเบิดคือคนเดียวกัน และอาจไม่ใช่กรินเดลวัลด์หรือเกรฟส์ เพราะดูเพรียวกว่ามาก อาจเป็นต้วละครใหม่ที่น่าสนใจ ชื่อหนึ่งในนั้นคือ Corvus Lestrange แต่ก็อาจจะไม่ใช่ ถ้าชายแก่ร่างท้วมที่ยืนกับลีตาในงานเลี้ยงคือพ่อของเธอนะ
– ถ้าอิงว่าในอุโมงค์คือชายผิวสี และมีแนวโน้มเป็นตัวละครชื่อ Yusuf Kama แนวคิดที่ว่าสองคนนี้คือคนเดียวกันก็จะต้องยกเลิกไป และวกกลับไปที่ภาพขวาจะเป็นเพอร์ซิวาล เกรฟส์อีกครั้ง (แม้เดวิด เยตส์ จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าเกรฟส์จะไม่กลับมา แต่เชื่อคำพูดคนพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ 5555+)
นิวท์และทีน่าหนีตายออกจากสถานที่เวทมนตร์ฝรั่งเศส ฉากก่อนหน้า
– ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมาด้วยกัน แต่ควีนนี่มาสถานที่แห่งนี้ลำพัง เป็นไปได้ว่าจะมาถึงก่อนหน้าทั้งสองคน และเมื่อนิวท์กับทีน่ามาที่นี่ก็มีเหตุให้แยกทางกับควีนนี่อีกครั้ง แถมยังโดนไล่ตามจับตัวอีกด้วย งานนี้ควีนนี่ตกที่นั่งลำบากแน่เลย…
รถม้าหลบหนีของกรินเดลวัลด์
– บุรุษใส่หน้ากากกับรถม้าเธสตรอลบนสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปถัดไป อาคารแห่งนี้คือ Woolworth Building ที่ซ่อนของมาคูซา ของสหรัฐอเมริกา
– นี่คือฉากที่ผู้ติดตามของกรินเดลวัลด์มายังมาคูซาเพื่อลักลอบพาตัวกรินเดลวัลด์ออกจากการถูกกุมขัง และทาง LEGO ยังเปิดเผยข้อมูลอีกว่า ฉากนี้จะมีมาคูซาไล่ตามมาขัดขวางแผนการ และประธานเซราฟิน่า พิกเคอรีของเราก็ออกมาขัดขวางด้วย!
The new @FantasticBeasts trailer has arrived! Did you spot Dark wizard Grindelwald in a Thestral-drawn carriage? #FantasticBeasts #LEGOFantasticBeasts pic.twitter.com/Yc2m8j8wLR
— LEGO (@LEGO_Group) March 13, 2018
– หลังจากที่ภาคแรกมีการออกแบบไม้กายสิทธิ์มาให้ประธานเซราฟิน่า แต่ตลอดทั้งเรื่องเธอไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย ภาคนี้คงได้ใช้และแสดงพลังอย่างยอดเยี่ยม
– ซีนการต่อสู้และหลบหนีนี้ต้องยิ่งใหญ่สมเกียรติประธานมาคูซาและกรินเดลวัลด์อย่างแน่นอน คิดว่าเป็นฉากช่วงแรกๆ ของภาพยนตร์ภาค 2 นี้เลย และเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าซีนนี้จะมีการตายเกิดขึ้น แอดมินหวั่นใจมากเหลือเกินว่าเซราฟิน่าจะเสียชีวิตในภาคนี้ เพราะข้อมูลใน Pottermore เคยระบุว่า เซราฟิน่าดำรงตำแหน่งถึงแค่ปี 1928 [อ้างอิง Pottermore] และภาคนี้เหตุการณ์เริ่มช่วงปี 1927 เป็นต้นไป แต่ในใจก็แอบหวังว่าจะไม่ถึงตายนะ เหตุการณ์ภาคนี้ไม่น่าจะกินเวลาข้ามไปมาหลายเดือนจนถึงปี 1928 แต่การต่อสู้ด้วยเกียรติของเธอคงยิ่งใหญ่มากจริงๆ รอติดตามครับ
– ซีนในรถม้า ทำให้ตีความว่าบริวารของกรินเดลวัลด์พาออกมาได้สำเร็จ แต่ก็ถูกขัดขวางและเล่นงานโดยมาคูซา จนมือปราบมารสองคนมาถึงตัวกรินเดลวัลด์ เลยเป็นการใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่กรินเดลวัลด์เพื่อจับกุมตัว แต่เขาไม่ได้มีท่าทีกลัวเกรง และนั่นคงทำให้ต้องไปถึงมือของเซราฟิน่านั่นเอง! และแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้ง กรินเดลวัลด์ต้องหนีรอดไปได้ซิ ในเมื่อฉากก่อนหน้าเขาอยู่ต่อหน้าผู้ติดตามจำนวนมาก ในสภาพเท่พร้อมรบอีกครั้ง แถมกรินเดลวัลด์ต้องอยู่ไปจนถึงภาค 5 จะมาโดนจับอีกคงเป็นไปไม่ได้ และกรินเดลวัลด์ต้องไปฝรั่งเศส!
ซีนผลักภาระ
– ดัมเบิลดอร์บอกว่า งานนี้เขาไปลงมือเองไม่ได้ ต้องเป็นเธอนะนิวท์ และเหตุผลที่ไปฝรั่งเศสเองไม่ได้ ไปจัดการกรินเดลวัลด์เองไม่ได้ คิดว่าเป็นเพราะบทบาทศาสตราจารย์ของเขาที่ยังต้องทำการสอนต่อไป โรงเรียนจะเปิดภาคเรียนแล้วนิวท์ ฉันไปจัดการกับเขาไม่ได้ ฉันต้องฝากเธอ ผลักภาระสุด 5555+
สองพี่น้องไปทำอะไรที่สุสาน?
ระเบิดพลังให้ร้อนแรงไปถึงแก่นโลก บู้ม!!!
– อันนี้เชื่อมโยงกับนิโคลัส แฟลมเมล ถ้าใครที่ศึกษาเรื่องเขามาบ้าง หรือในหนังสือแฮร์รี่ จะพอรู้ว่า นิโคลัส แฟลมเมล ทำฉากตายปลอมๆ ด้วยการสร้างหลุมศพ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ตาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสุสานของแฟลมเมลจะไม่มีอะไรน่าสนใจ ความเป็นเพื่อนกับดัมเบิลดอร์เองก็ทำให้เกี่ยวข้องกับสุสานนี้ได้เหมือนกันนะ และฉากนี้เห็นได้ชัดว่า นิวท์ กับธีซีอุส พยายามเสกคาถาเพื่อป้องกันและตั้งรับการมาถึงของอะไรบางอย่าง เดาว่าเป็นกลุ่มกรินเดลวัลด์ที่ยกโขยงมาสุสานของแฟลมเมล?
– ก่อนหน้านี้มีข้อมูลออกมาว่ามีการถ่ายทำภาพยนตร์ที่สุสาน Highgate Cemetery ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง อยากรู้จังว่าทำไมต้องเสกคาถากันชุดใหญ่ที่สุสานขนาดนี้
– เห็นหรือยังว่าฮัฟเฟิลพัฟไม่ได้อ่อนด้อย คาถาที่นิวท์ใช้กับพี่ชายโคตรเจ๋งเมพ แหวกปฐพีปะทุไปเลย!!
ปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์เครื่องรางยมทูต ที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือสัญลักษณ์ของกรินเดลวัลด์และสมุนผู้ติดตาม
ภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์: อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ มีกำหนดเข้าฉายในไทยวันแรก 15 พฤศจิกายน 2018