ถูกกล่าวหาขโมยไอเดียชาวบ้าน “เจ.เค.โรว์ลิ่ง” ลั่นเรื่องไร้สาระ!!!

“เจ. เค. โรว์ลิ่ง” ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเรื่องลอกเลียนผลงานอีกแล้ว หลังจากมีตัวแทนนักเขียนชาวอังกฤษคนหนึ่ง กล่าวหานักเขียนหญิงชื่อดังว่า ขโมยไอเดียของเขามาใส่ในหนังสือตอนที่ 4 ของเธอ เป็นอีกหนึ่งในปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ของนิยายชุดนี้ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่อง และคงไม่หมดลงง่ายๆ เจ. เค. โรว์ลิ่ง และสำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ กลายเป็นจำเลยในคดีฟ้องร้อง หลังผู้ถือลิขสิทธิ์หนังสือนิยายเด็กเล่มหนึ่ง กล่าวหาว่านักเขียนหญิงวัย 44 ปี ลอกเลียนงานบางส่วนของ เอเดรียน เจคอปส์ ที่ชื่อว่า The Adventures of Willy the Wizard มาใช้ใน Harry Potter and the Goblet of Fire หนังสือตอนที่ 4 ในชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์อันโด่งดังของเธอ

เอเดรียน เจคอปส์ นักเขียนชาวอังกฤษได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ปี 1997 แล้ว ซึ่งเป็นเวลา 3 ปีก่อนที่หนังสือ Harry Potter and the Goblet of Fire จะออกเผยแพร่ โดยคดีฟ้องร้องครั้งนี้ดำเนินการโดย พอล อัลเลน ผู้จัดการกองมรดกของ เจคอปส์คำฟ้องระบุว่าหนังสือตอน Goblet of Fire ของโรว์ลิ่ง ได้แนวคิดในเรื่องมหกรรมการแข่งขันระหว่างผู้มีเวทมนต์ รวมถึงไอเดียเรื่องรถไฟของเหล่าพ่อมด มาจาก Willy the Wizard

ใน แถลงการณ์ของอัลเลนได้กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาถึงข้อกฎหมาย และความเป็นไปได้ในการดำเนินคดีเพิ่มเติมสำหรับภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ และสวนสนุกจากหนังชุดนี้ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างด้วย ว่ามีอะไรที่ละเมิดต่องานที่เขาถือครองอยู่ด้วยหรือไม่
“เราประมาณการไว้ว่ามันจะเป็นคดีระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ”

แม็กซ์ มาร์คสัน ตัวแทนของพอล อัลเลน กล่าวเมื่ออาทิตย์ก่อน
“แต่ที่สุดแล้ว นั่นถือว่าเป็นเรื่องของศาลที่จะตัดสินใจ”

ขณะที่ฝ่ายของนักเขียนชื่อดังได้ออกมาแสดงความรู้สึกถึงเรื่องนี้ อย่างเป็นทางการว่า
“ดิฉันรู้สึกเสียใจที่มีการอ้างลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง กับกล่าวหาว่าเนื้อหาใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ลอกมากจากแหล่งอื่น”

โรว์ลิ่ง วัย 44 ปี กล่าวในแถลงการณ์อีกว่า
“ความ จริงแล้วฉันเองไม่เคยได้ยินชื่อนักเขียน ผู้นี้ หรืองานของเขามาก่อนเลย จนกระทั่งมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น และถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้อ่านงานชิ้นนี้เลย สำหรับตัวดิฉันแล้ว คำอ้างครั้งนี้ไม่เพียงไร้เหตุผล แต่ยังไร้สาระ เป็นเรื่องน่าผิดหวังมาก ที่ตัวของดิฉัน และสำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ต้องมาปกป้องตัวเองในเรื่องพวกนี้ ซึ่งจะมีมาตรการตอบโต้ทางกฏหมายทันที ถ้ามีการตัดสินคดีความแล้ว เพื่อลงโทษเอาผิดกับคนที่พยายามอ้างสิทธิ์ ในสิ่งที่พวกเขาไม่ควรจะได้”

ใน เดือน มิ.ย. 2009 ฝ่ายของ สำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวที่ว่านิยายชุดพ่อมดน้อยลอกเลียนงานของ เจคอปส์ ครั้งหนึ่งแล้ว และยังให้ข้อมูลว่า ตัวแทนของ เจคอปส์ เคยมาที่บริษัทตั้งแต่ปี 2004 แล้ว แต่ในตอนนั้นพวกเขาไม่สามารถเจาะจงได้ว่าส่วนไหนของหนังสือ Harry Potter ที่ลอกมาจากงานที่ชื่อว่า Willy the Wizard
“หนังสือ เล่มนั้นมีความหนาเพียง 36 หน้า และไม่ได้วางจำหน่ายแพร่หลายในวงกว้าง ตัวละครหลักที่ชื่อว่าวิลลี่ไม่ได้เป็นพ่อมดวัยเยาว์ เรื่องราวทั้งหมดก็ไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนพ่อมดแต่อย่างใด”

นี่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่นิยายสุดฮิตของ “เจ. เค. โรว์ลิ่ง” ต้องพัวพันกับข้อขัดแย้งทางกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์ ทั้งในฐานะโจทย์ และจำเลย ในปี 1999 นักเขียนชาวอเมริกัน แนนซี่ แคธลีน สโตฟเฟอร์ ฟ้องเรื่องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้า ต่อ โรว์ลิ่ง และงานเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ว่าลอกเลียนงานที่ชื่อว่า The Legend of Rah and the Muggles และ Larry Potter and His Best Friend Lilly ของเธอ คดีของสโตฟเฟอร์ถูกสั่งให้ยกฟ้องแถมถูกปรับอีก 50,000 เหรียญสหรัฐ และถูกสั่งให้จ่ายค่าใช้จ่ายทางกฎหมายส่วนหนึ่งของคู่ความด้วย สโตฟเฟอร์ยื่นอุทธรณ์ในปี 2004 และศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยศาลตัดสินให้สโตฟอร์แพ้ความ ด้วยเหตุผลว่าเธอเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล ทั้งยังเสนอเอกสารปลอมอีกด้วย เป็นต้นว่า มีการใส่คำว่า มักเกิ้ล ลงไปภายหลัง และมีการเปลี่ยนแปลงเวลาการตีพิมพ์ของหนังสือใหม่

ในทางตรงข้าม เจ. เค. โรว์ลิ่ง และสำนักพิมพ์ซึ่งถือลิขสิทธิ์งานของเธอ ก็เป็นฝ่ายฟ้องร้องในหลายสิบคดี ว่าด้วยเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นเดียวกัน ตั้งแต่นิยายล้อเลียนแฮร์รี่ พ็อตเตอร์, ศิลปินเพลงที่อ้างอิงเนื้อหานิยายโดยไม่ได้รับอนุญาต, หนังที่ลอกเลียนชื่อ ฯลฯ มีคดีความเกิดขึ้นทั้งในอังกฤษ, ยุโรป, อเมริกา และเอเชีย แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ นิยายเด็กซึ่งว่าด้วยการผจญภัยของพ่อมดน้อย ความยาว 7 เล่มจบ ถูกแต่งขึ้นระหว่างปี 1997 – 2007 ได้รับการแปลมากกว่า 67 ภาษา และมียอดขายกว่า 400 ล้านเล่ม ขณะที่ฉบับหนัง 6 ภาคขณะนี้สามารถทำเงินไปแล้วกว่า 5 พันล้านเหรียญฯ โดยหนังตอนสุดท้าย Harry Potter and the Deathly Hallows ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองภาค มีกำหนดเข้าฉายในปลายปีนี้