ฮอร์ครักซ์ (Horcrux)

ฮอร์ครักซ์ (Horcrux)

ฮอร์ครักซ์ หนึ่งในวัตถุศาสตร์มืดที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุด เรื่องราวและข้อมูลเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์นั้นมีบางส่วนเก็บไว้ในห้องสมุดของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ ซึ่งปัจจุบันหนังสือที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสันนิษฐานว่าได้นำกลับคืนสู่ฮอกวอตส์แล้ว หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ได้เรียกมันมาจากห้องพักอาจารย์ใหญ่ของอัลบัส ดัมเบิลดอร์

“ฮอร์ครักซ์เป็นคำที่ใช้เรียกวัตถุที่คนคนหนึ่งซุกซ่อนวิญญาณส่วนหนึ่งของเขาเอาไว้ในนั้น”

ศาสตราจารย์ฮอเรซ ซลักฮอร์น (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23)

การสร้างฮอร์ครักซ์

ผู้ที่คิดค้นฮอร์ครักซ์ขึ้นคนแรกคือพ่อมดศาสตร์มืดนามว่า ‘เฮอร์โปผู้ชั่วร้าย’ (Herpo the Foul) พ่อมดกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากนี้ยังเป็นคนแรกที่ค้นพบการให้กำเนิดบาซิลิสก์ และพูดภาษาพาร์เซลได้ (อ้างอิง PotterCast)

ฮอร์ครักซ์ เป็นวัตถุเวทมนตร์ศาสตร์มืดที่สร้างความเสียหายให้ทั้งผู้สร้างและผู้ครอบครองมัน เนื่องจากภายในฮอร์ครักซ์นั่น คือ ชิ้นส่วนวิญญาณที่ถูกแยก แบ่ง ฉีกออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนและละเมิดธรรมชาติเพื่อให้ตนเองเป็นอมตะ ในสภาวะของสิ่งที่แทบไม่อาจเรียกได้ว่าวิญญาณ ผู้สร้างฮอร์ครักซ์จึงใช้เวทมนตร์หลากหลายรูปแบบให้มากพอที่จะมั่นใจได้ว่าเสี้ยววิญญาณในนั้นจะอยู่รอดปลอดภัย

หนึ่งในหนังสือที่พูดถึง ฮอร์ครักซ์ คือหนังสือ ความลับของศาสตร์มืดที่สุด ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เรียกมาจากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ในหนังสือระบุวิธีสร้างฮอร์ครักซ์โดยละเอียด ซึ่งทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล หรือโวลเดอมอร์ ศึกษามาจากหนังสือเล่มดังกล่าว และเขาหลอกล่อเอาข้อมูลมาจากซลักฮอร์นเพื่อพิจารณาถึงหลักการในแนวคิดของเขาที่จะทำฮอร์ครักซ์ 7 ชิ้น โดยหนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกว่าการฉีกวิญญาณออกไป วิญญาณที่เหลืออยู่จะไม่มั่นคงเลย แต่นั่นหมายถึงการทำฮอร์ครักซ์แค่อันเดียว

การแยกวิญญาณเพื่อใส่ไว้ในวัตถุที่จะใช้เป็นฮอร์ครักซ์จะต้องทำการฆาตกรรม เพราะการฆ่ามีผลทำให้วิญญาณฉีกขาด เมื่อมันฉีกขาดออกแล้วจึงใช้คาถาเฉพาะในการห่อหุ้มวิญญาณส่วนที่ฉีกขาดนั้นเอาไว้แล้วบรรจุลงในภาชนะ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23)

แฮร์รี่: “เราใช้สัตว์เป็นฮอร์ครักซ์ได้ด้วยหรือครับ”

ดัมเบิลดอร์: “อ๋อ เขาไม่แนะนำให้ใช้หรอกนะ เพราะเห็นได้ชัดว่าการไว้วางใจมอบวิญญาณส่วนหนึ่งของเราให้สิ่งที่คิดได้และเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23

ที่อยู่อาศัยของชิ้นส่วนวิญญาณจึงเป็นได้ทั้งวัตถุสิ่งของไปจนถึงสิ่งมีชีวิต แต่การใช้สิ่งมีชีวิตมีความเสี่ยงอย่างมากที่วิญญาณจะถูกทำลาย

ในการแยกชิ้นส่วนวิญญาณหนึ่งครั้งจะส่งผลให้ความปกติบางอย่างในความเป็นมนุษย์ของผู้สร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมาเปลี่ยนแปลงไป เป็นการถดถอยจากความเป็นมนุษย์ไปสู่ความชั่วร้ายที่กัดกินและแสดงออกทางกายภาพ ดังที่โวลเดอมอร์มีดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแยกชิ้นส่วนวิญญาณ กระทั่งสูญเสียใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นใบหน้าที่คล้ายงู หลังจากการแบ่งชิ้นส่วนวิญญาณออกถึง 7 ชิ้น ด้วยความหลงใหลในอำนาจมืดและเลวทรามเกินกว่าใครที่ไหนจะเท่าเทียมได้ เขาจึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะแบ่งแยกวิญญาณให้มากพอที่เขาจะรู้สึกปลอดภัยและหลงใหลในเวทมนตร์ของเลข 7 อย่างมากด้วย

“การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปริศนาที่ลึกลับที่สุด คือแหล่งกำเนิดชีวิตและแก่นของอัตตาได้ก็ต่อเมื่อพร้อมรับผลที่รุนแรงผิดธรรมชาติและอันตรายที่สุด”
– กฎเวทมนตร์พื้นฐานของ อดัลเบิร์ต วาฟฟลิง (นิทานของบีเดิลยอดกวี)

จากความรู้อย่างมากของดัมเบิลดอร์ ให้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เคยรู้หรือพบหลักฐานใดที่ระบุว่ามีพ่อมดแม่มดสร้างฮอร์ครักซ์มากกว่า 1 ชิ้นหรือแยกวิญญาณมากกว่า 2 ส่วน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23)

เพราะโวลเดอมอร์แยกชิ้นส่วนวิญญาณเกินกว่าปกติ ทำให้เศษวิญญาณของเขาที่อยู่ในตัวแฮร์รี่ปรากฏเป็นร่างน่าเกลียดน่ากลัวที่สาหัสเกินจะเยียวยา เป็นเศษวิญญาณที่กำลังจะตายไป ในรูปร่างคล้ายเด็กที่เปลือยเปล่า ผิวแดงสดและถลอกปอกเปิก เหมือนถูกถลกหนังออกไป เป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินกว่าจะช่วยเหลือเยียวยา

ไม่มีข้อมูลปรากฏหรือระบุว่าโวลเดอมอร์เปลี่ยนสภาพจากวิญญาณของตนเองให้กลายเป็นร่างที่คล้ายทารกนี้ได้อย่างไร แต่สภาพของสิ่งที่ไม่ใช่ทั้งวิญญาณและมนุษย์นี้ไม่ได้แข็งแรงหรือคงสภาพได้นานจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือและดูแลอย่างยิ่ง ดังที่เราเห็นได้จากการดูแลโวลเดอมอร์ของหางหนอนที่ต้องรีดพิษจากนากินีให้เขาดื่มเพื่อเยียวยาและให้คงสภาพนี้ได้มากพอ

เมื่อต้องการเอาชิ้นส่วนวิญญาณที่แยกไปกลับคืน

ชิ้นส่วนวิญญาณที่ถูกแยกออกไปก็สามารถนำกลับมารวมกันได้ แต่มันเจ็บปวดรวดร้าวสุดที่จะทนทาน นั่นคือ “ต้องสำนึกผิด” ซึ่งระบุการรวมชิ้นส่วนวิญญาณนี้ไว้ในเชิงอรรถของหนังสือ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต น.104)

“เธอต้องรู้สึกถึงสิ่งที่เธอทำลงไปจริงๆ แล้วความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็อาจจะทำลายเธอได้เลย แต่ฉันว่าโวลเดอมอร์คงไม่พยายามทำหรอก หรือเธอว่าไง”
– เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ (เครื่องรางยมทูต น.104)

ฮอร์ครักซ์ชั่วคราว

ควีเรลล์นั้นกลายเป็นฮอร์ครักซ์ชั่วคราวของโวลเดอมอร์ เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากร่างกายที่พยายามต่อสู้กับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่า เจ้าปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวเขา ร่างกายของควีเรลล์เผาไหม้และพุพองอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างที่เขาต่อสู้กับแฮร์รี่ เพราะพลังปกป้องของแม่แฮร์รี่ที่เหลืออยู่ใต้ผิวหนัง ก่อนที่เธอจะสละชีวิตเพื่อเขา ร่างกายของโวลเดอมอร์และควีเรลล์ที่ใช้ร่วมกันถูกเผาไหม้อย่างแสนสาหัส จากการสัมผัสแฮร์รี่ โวลเดอมอร์จึงหนีไปเพื่อรักษาร่างเขาไว้ และทิ้งความเสียหายกับควีเรลล์ที่อ่อนแอ เจ็บปวดและตายลง

เจ.เค.โรว์ลิ่ง (อ้างอิง Pottermore)

ความเสี่ยงอีกอย่างของการทำฮอร์ครักซ์คือการรักษาวิญญาณต้นของตนเองไม่ให้ถูกฉีกกระชากออกจากร่าง เพราะหากวิญญาณแยกออกจากร่าง วิญญาณนั้นจะไม่สามารถกลับคืนสภาพมีร่างกายได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องใช้ไม้กายสิทธิ์และความช่วยเหลือของผู้อื่น (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.33)

โวลเดอมอร์ใช้ร่างของควีเรลล์เป็นฮอร์ครักซ์ชั่วคราวให้ตนเอง

เมื่อวิญญาณต้นถูกกระชากออกจากร่างทำให้วิญญาณนั้นไร้ที่อยู่ ไม่สามารถเสกคาถาหรือทำอะไรได้ด้วยตนเอง โวลเดอมอร์ที่สูญสิ้นร่างกายเหลือเพียงวิญญาณหลังจากถูกคาถาแห่งรักของแฮร์รี่สะท้อนใส่เขาพยายามรักษาวิญญาณของตนเองไว้ด้วยการสิงสู่สิ่งมีชีวิตอื่น รวมถึงหนู และงู แต่การอาศัยร่างของสัตว์เหล่านั้นก็ทำให้พวกมันอายุสั้นลงไปด้วย ทำให้วิญญาณของโวลเดอมอร์ต้องเปลี่ยนภาชนะไปเรื่อยๆ เพื่อคงสภาพตนเองไว้ให้ยาวนานพอจะมีคนมาช่วยเหลือ ดังจะเห็นได้จากการที่โวลเดอมอร์หายไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่แอลแบเนียนานแสนนานจนหางหนอนตามหาไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์และออกตามรอยผ่านหนูตัวอื่นๆ จนพบเขาและชุบคืนร่างที่อ่อนกำลังเกินกว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ให้เขาอีกครั้ง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.33 น.739, 740)

ฮอร์ครักซ์ชั่วคราวนี้จึงไม่มีอำนาจใดๆ เป็นเพียงที่พักชั่วคราวให้วิญญาณของผู้ที่ทำฮอร์ครักซ์อาศัยเท่านั้น ทั้งยังส่งผลร้ายแก่เจ้าของร่างที่ถูกสิงสู่อีกด้วย การสิงสู่เหล่านี้ก็เพื่อคงสภาพของวิญญาณและมีอาหารหล่อเลี้ยงมากพอให้มันไม่แตกสลายไป การอาศัยร่างของพ่อมดแม่มดนั้นมีประโยชน์มากกว่า เพราะควบคุมได้ อายุขัยยาวนานกว่า สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ทำอะไรได้มากกว่าสัตว์

อำนาจของฮอร์ครักซ์

เพราะฮอร์ครักซ์ได้รับการป้องกันและเสกคาถามากมายลงไปทำให้การสัมผัสหรือใกล้ชิดฮอร์ครักซ์มีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ใกล้มันด้วย รวมถึงวิญญาณที่อยู่ภายในก็มีความสามารถในตัวมันเองเช่นเดียวกัน

รอน: “เดี๋ยวก่อน วิญญาณในบันทึกนั่นพยายามครอบงำจินนี่ด้วยไม่ใช่หรือ มันทำได้ยังไงล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่: “ระหว่างที่ร่างมนตราของมันยังไม่บุบสลาย วิญญาณข้างในก็จะแวบเข้าแวบออกจากคนบางคนได้ ถ้าพวกเขาใกล้ชิดกับวัตถุนั้นมากเกินไป ฉันไม่ได้หมายถึงถือมันนานๆ หรืออะไรนะ ไม่จำเป็นต้องมีการสัมผัสเลย ฉันหมายถึงใกล้ชิดทางด้านอารมณ์น่ะ จินนี่เล่าทุกเรื่องในใจให้บันทึกฟัง เขาทำตัวเองให้อ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าใครรู้สึกรักใคร่หรอไว้ใจฮอร์ครักซ์มากเกินไป ก็จะเจอปัญหาแบบนี้แหละ”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต น.105

อำนาจเด่นสุดของฮอร์ครักซ์ก็คือความสามารถในการทำให้เหยื่ออ่อนแอลง ในด้านกายภาพเราเห็นได้ชัดถึงอำนาจเวทมนตร์ที่เสกคุ้มครองวิญญาณไว้จากบาดแผลที่ดัมเบิลดอร์ได้รับเมื่อพยายามสำรวจและทำลายแหวน นั่นทำให้เขาถูกคำสาปจนมือข้างหนึ่งของเขาแห้งลีบและดำเกรียม นอกจากแง่กายภาพเรายังเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจิตใจและอารมณ์ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิดฮอร์ครักซ์ ทั้งกับตัวแฮร์รี่ หรือรอน ที่ล็อกเกตของสลิธีรินซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ทำให้ทั้งสองอ่อนแอลงและมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนอย่างอัมบริดจ์กลับไม่เป็นอย่างที่ทั้งสองเผชิญผลกระทบ เพราะเธอมีความอำมหิตและเข้มแข็งมากพอจะทนทานต่อวิญญาณในฮอร์ครักซ์ แทนที่จะส่งผลเสียต่อคนที่แข็งแกร่งกลับส่งให้เขาหรือเธอแข็งแกร่งมากขึ้นแทน

การทำลายฮอร์ครักซ์

ฮอร์ครักซ์จะถูกทำลายก็ต่อเมื่อภาชนะของมันเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้เท่านั้น แฮร์รี่ได้รับการเยียวยาจากฟอกส์ ต้องให้เขาตายเท่านั้นสิ ฮอร์ครักซ์ถึงจะถูกทำลาย

เจ.เค.โรว์ลิ่ง

การทำลายฮอร์ครักซ์จะต้องทำลายด้วยวัตถุเวทมนตร์หรือคาถาใดก็ตามที่ทรงพลังอำนาจมากพอให้ฮอร์ครักซ์ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อีก เช่น การใช้ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ ที่ทรงพลังอานุภาพ เนื่องจากดาบจะซึมซับเอาพลังเข้าสู่ตัวดาบเพื่อสร้างให้เกิดความทรงพลังในตัวของมันเอง ดังนั้นดาบจึงสามารถทำลายฮอร์ครักซ์ลงได้ และที่สำคัญผู้จะทำลายมันจำเป็นต้องมีสติและไม่หลงไปกับสิ่งที่ชิ้นส่วนวิญญาณแสดงออกมา หรือการใช้เขี้ยวของบาซิลิสก์ที่พิษของมันมีอำนาจเวทมนตร์รุนแรงมหาศาลที่จะทำให้ตายได้อย่างรวดเร็วและมีเพียงน้ำตานกฟีนิกซ์ที่จะเยียวยาพิษจากบาซิลิสก์ได้ นั่นทำให้ฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ถูกทำลายลงเพราะพิษของบาซิลิสก์รุนแรงเกินกว่าที่วิญญาณภายในสมุดบันทึกจะต้านทานหรือซ่อมแซมได้

การที่ฮอร์ครักซ์ในตัวแฮร์รี่ไม่ถูกทำลายไปด้วยตอนที่แฮร์รี่โดนเขี้ยวบาซิลิสก์เข้าตอนปี 2 ในห้องแห่งความลับ นั่นก็เพราะน้ำตาของฟอกส์ได้รักษาภาชนะหรือร่างกายของแฮร์รี่ไว้ ทำให้วิญญาณของโวลเดอมอร์ไม่ถูกทำลายไปในครั้งนั้น (อ้างอิง เจ.เค.โรว์ลิ่ง)

รอน: “แต่สมมติว่าเราทำลายสิ่งที่มันอาศัยอยู่ได้ ทำไมวิญญาณส่วนนั้นมันไม่ออกมา แล้วก็ย้ายไปอยู่ในของอย่างอื่นแทนล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่: “เพราะว่าฮอร์ครักซ์ตรงกันข้ามกับมนุษย์โดยสิ้นเชิงน่ะสิ ฟังนะรอน ถ้าฉันจับดาบขึ้นมาตอนนี้ แล้วใช้ดาบฟันเธอ ฉันจะไม่ทำอันตรายวิญญาณเธอเลยสักนิด”

รอน: “ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก ฉันแน่ใจ”

เฮอร์ไมโอนี่: “เธอก็ควรรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละ! แต่ที่ฉันต้องการบอกก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับร่างกายของเธอ วิญญาณของเธอจะรอดอยู่ได้ ไม่ถูกแตะต้อง แต่สำหรับฮอร์ครักซ์มันสลับกันเลย เสี้ยวของวิญญาณที่อยู่ข้างในจะต้องพึ่งพาสิ่งที่บรรจุมันไว้ หรือร่างมนตราของมัน ถึงจะรอดอยู่ได้ มันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฮอร์ครักซ์”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต น.104-5

เมื่อฮอร์ครักซ์ถูกทำลายเจ้าของมันจะรับรู้ได้หรือไม่?

อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ผู้มีความรู้ทางศาสตร์มืดมากคนหนึ่งอธิบายแก่แฮร์รี่ พอตเตอร์ว่า วิญญาณส่วนหนึ่งของเขาถูกพรากจากไปนานแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกว่าใครทำอะไรกับฮอร์ครักซ์ของตน ดังที่เราเห็นได้ชัดว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้รับรู้ถึงการที่บันทึกของทอม ริดเดิ้ลถูกทำลายลง แต่มารับรู้ภายหลังว่ามันถูกทำลายเมื่อบังคับจนได้ความจริงจากลูเซียส มัลฟอยในภายหลัง แต่เขาจะรับรู้ถึงความสูญเสียเสี้ยววิญญาณนั้นได้ตอนที่เขาใกล้จะตาย

ฮอร์ครักซ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์

ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล: “เราสามารถแยกวิญญาณได้เพียงครั้งเดียวหรือ จะไม่ดีกว่าหรือ จะไม่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นหรือ ถ้าจะแยกวิญญาณออกเป็นหลายๆ ส่วน ผมหมายความว่า ยกตัวอย่างนะครับ เลขเจ็ดนี่ไม่ใช่เลขวิเศษที่มีพลังอำนาจที่สุดหรอกหรือ เลขเจ็ดไม่ใช่ –“

ซลักฮอร์น: “เคราเมอร์ลิน ทอม! เจ็ด! แค่คิดว่าจะฆ่าคนหนึ่งคนนี่ยังไม่เลวร้ายพออีกหรือไง แล้วอีกอย่าง มันเลวร้ายจะแย่อยู่แล้วที่ตัดแบ่งวิญญาณ… แต่นี่จะฉีกมันออกเป็นเจ็ดส่วน…”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23

เพราะความเชื่อในเรื่องของเลข 7 ว่าเป็นเลขแห่งเวทมนตร์ ตัวเลขที่ทรงพลังอำนาจอย่างยิ่ง โวลเดอมอร์จึงตั้งใจที่จะสร้างฮอร์ครักซ์ให้ได้ 7 ชิ้น บวกกับความชื่นชอบในการสะสมของมีค่ามีความหมาย เขาจึงเลือกเฟ้นเอาเฉพาะสมบัติที่ทรงคุณค่ามีความสำคัญยิ่ง เพื่อสมเกียรติกับตนเอง

ก่อนที่โวลเดอมอร์จะพ่ายแพ้ต่อพลังป้องกันในตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาได้สร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นทั้งหมด 6 ชิ้นและสร้างให้แฮร์รี่กลายเป็นฮอร์ครักซ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขาลุล่วงการทำฮอร์ครักซ์ให้ได้ 7 ชิ้น หมายความว่าเขาจะมีชิ้นส่วนวิญญาณทั้งหมด 8 ส่วน 1 ส่วนคือชิ้นส่วนหลัก และอีก 7 ส่วนเก็บรักษาไว้ในฮอร์ครักซ์

สมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ล

สมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ล (ภ.แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ)

สมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ล เป็นฮอร์ครักซ์ชิ้นแรกสุดของเขา มันถูกสร้างให้เป็นฮอร์ครักซ์ในวันที่ 13 มิถุนายน 1943 (หรือหลังจากนั้นไม่นาน) ระหว่างที่ทอม ริดเดิ้ลวัย 16 ศึกษาอยู่ที่ฮอกวอตส์ชั้นปีที่ 5 หลังการปล่อยบาซิลิสก์ออกมาและสั่งมันให้สังหาร เมอร์เทิล เอลิซาเบธ วอร์เรน (หรือเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ) ในห้องน้ำหญิง ทอม มาร์โวโลก็ได้ใช้ความตายของเธอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฮอร์ครักซ์ทันที หลังจากที่โวลเดอมอร์เรืองอำนาจ เขาก็ส่งมอบมันให้แก่ลูเซียส มัลฟอย เพื่อให้เขาดูแลรักษามันไว้สำหรับแผนการกวาดล้างเลือดสีโคลนภายหลัง ลูเซียสผู้ไม่รู้เลยว่าบันทึกนั้นมีความลับและมีความสำคัญเพียงไรต่อเจ้านายของตน เขารู้เพียงว่าโวลเดอมอร์มีแผนจะใช้บันทึกเล่มนี้เพื่อเปิดห้องแห่งความลับและจัดการกับเลือดสีโคลนในยุคที่จอมมารเรืองอำนาจ จึงตั้งใจจะสานต่อเจตนาของจอมมารโดยไม่ได้รับคำสั่งให้ทำ และลูเซียสเองก็มีแผนจะใช้บันทึกนี้เพื่อจัดการกับเลือดสีโคลน ในปี 1992 ด้วยความที่มันเป็นวัตถุศาสตร์มืดที่ทรงพลัง เขามีแผนที่จะใช้สิ่งนี้เล่นงานอาเธอร์ วีสลีย์ โทษฐานมีวัตถุศาสตร์มืดไว้ในครอบครอง เขาแอบมอบมันให้กับจินนี่ วีสลีย์ รวมถึงเหตุผลหนักพอให้ไล่ดัมเบิลดอร์ออกจากฮอกวอตส์ และทำให้เกิดความวุ่นวายมากมายทั้งการเปิดห้องแห่งความลับ การปลดปล่อยบาซิลิสก์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.23) ท้ายที่สุดแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นผู้ใช้เขี้ยวของบาซิลิสก์ทำลายบันทึกของทอม ริดเดิ้ล และทำให้ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้ถูกทำลายลง

แหวนตระกูลเพฟเวอเรลล์

แหวนของตระกูลก๊อนท์ ที่มาจากหินชุบวิญญาณ

แหวนซึ่งตกทอดมาถึงมาร์โวโล ก๊อนท์ (แหวนดังกล่าว คือหนึ่งในเครื่องรางยมทูต ที่ถูกเรียกในนาม หินชุบวิญญาณ) ส่งต่อมายังมอร์ฟิน ลูกชายของมาร์โวโล และมันถูกทำให้เป็นฮอร์ครักซ์ทันทีหลังจากที่โวลเดอมอร์วัย 16 เดินทางไปตามรอยต้นกำเนิดของตนเองและค้นพบความจริงว่าพ่อตัวเองเป็นมักเกิ้ล เขาจัดการเปลี่ยนแปลงความทรงจำของมอร์ฟิน ก๊อนท์ให้ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนฆ่าล้างครอบครัวริดเดิ้ลและทอม ริดเดิ้ลก็ขโมยแหวนมาจากเขา แหวนดังกล่าวนับเป็นแหวนประจำตระกูลก๊อนท์ แม้มันจะเริ่มต้นตกทอดมาจากเพฟเวอเรลล์ เข้าใช้การฆาตกรรมบิดาของตัวเองเพื่อสร้างฮอร์ครักซ์ ในช่วงหน้าร้อนปี 1943* ซึ่งเป็นช่วงฮอกวอตส์ปิดภาคเรียน (อ้างอิง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.1) ผู้ทำลายฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้ คือ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่ออกเดินทางไปยังกระท่อมของตระกูลก๊อนท์ที่พังทลายและหามันจนเจอ เขาทำลายมันด้วยดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ เช่นกัน แต่จากการสัมผัสและพยายามจะใช้มันทำให้อัลบัสได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคำสาปที่มือของเขาให้อยู่ในสภาพที่ดำเกรียมเหี่ยวลีบไม่สามารถใช้งานได้อีก (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม)

*ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้น 16 สิงหาคม 1994 ซึ่งในบทที่ 1 ระบุว่า ครอบครัวริดเดิ้ลโดนฆาตกรรมยกหลังเมื่อ 50 ปีก่อน คือปี 1944 แต่ในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บทที่ 17 ระบุว่าโวลเดอมอร์ หรือทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล ฆ่าพ่อของตนเองตอนอายุ 16 เขาเกิดวันที่ 31 ธันวาคม 1926 จะอายุครบ 16 ปีในวันที่ 31 ธันวาคม 1942 ซึ่งข้อมูลที่ระบุว่าหน้าร้อนตอนอายุ 16 หมายความถึงช่วงหน้าร้อนปี 1943

รัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอ

รัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอ
รัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอ

รัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอถูกขโมยไปโดยเฮเลนา เรเวนคลอ ลูกสาวของเธอเอง ซึ่งปัจจุบันคือ ผีประจำบ้านเรเวนคลอ ที่รู้จักกันในชื่อของ สุภาพสตรีสีเทา เธอนำมันไปซ่อนในต้นไม้ในป่าในแอลแบเนีย และหลังจากนั้นโวลเดอมอร์เป็นคนไปพบหลังจากที่ล่อหลอกข้อมูลที่ซ่อนจากเฮเลนาได้สำเร็จ และจัดการเปลี่ยนรัดเกล้าให้เป็นฮอร์ครักซ์ โดยใช้ชีวิตของชาวไร่ชาวแอลแบเนียผู้โชคร้ายเป็นส่วนประกอบในการทำฮอร์ครักซ์ หลังจากนั้นในระหว่างปี 1965-1971 วันที่เขามาพบดัมเบิลดอร์เพื่อของานในตำแหน่งอาจารย์วิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เขาได้นำมันมาซ่อนไว้ในห้องต้องประสงค์ของฮอกวอตส์ ซึ่งหลังจากนั้นรัดเกล้าก็ถูกค้นพบและทำลายโดยคาถาเพลิงปีศาจ ในปี 1998 ซึ่งเป็นไฟทรงพลังที่วินเซนต์ แครบเป็นคนเสกขึ้น มันเผาผลาญและมอดไหม้ไปทั้งห้อง และทำให้แครบเสียชีวิตไปด้วยจากคาถาที่เขาเสกขึ้นมาเอง

ความแตกต่างในการทำลายฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้คือ ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 รัดเกล้าของเรเวนคลอถูกทำลายโดยเขี้ยวของบาซิลิสก์แล้วรอนเตะมันเข้าใส่เพลิงปีศาจในห้องต้องประสงค์ แต่ในหนังสือมันถูกทำลายด้วยเพลิงปีศาจเพียงอย่างเดียวจนสารสีคล้ำข้นเหนียวเหมือนเลือดไหลเยิ้มออกมาจากรัดเกล้าและแตกหักในที่สุด

ถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟ

ถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ
ถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ

หลังจบการศึกษาในปี 1945 ทอม ริดเดิ้ล ก็เข้าทำงานในร้านบอร์กินและเบิร์กส์ “ไม่ช้า” ในปี 1956 (10 ปีก่อนที่โวลเดอมอร์จะกลับฮอกวอตส์ไปของานจากดัมเบิลดอร์ที่ตอนนั้นเป็นอาจารย์ใหญ่หมาด ๆ) เขาก็ได้รับมอบหมายงานพิเศษเพื่อปิดดีลราคาเกราะวิเศษที่ก็อบลินทำ กับเฮปซิบาห์ สมิท (เจ้าชายเลือดผสม บ.20) ในช่วงเวลานั้นเองที่เขาได้พบกับถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ และล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน สองวันหลังจากพบกันครั้งนั้นเฮปซิบาห์ก็ตาย และจอมมารได้ขโมยถ้วยและล็อกเกตมา เขาใช้ความตายของเธอในการสร้างฮอร์ครักซ์ แล้วถ้วยดังกล่าวก็ถูกเก็บไว้ในการดูแลของเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ภายในห้องนิรภัยของตระกูลเลสแตรงจ์ แต่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่สามารถขโมยมันมาจากธนาคารกริงกอตส์ได้ หลังจากนั้นมันถูกทำลายลงโดยฝีมือของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ หลังจากกลับไปในห้องแห่งความลับที่ฮอกวอตส์ โดยได้ รอน วีสลีย์ เลียนเสียงพาร์เซลมาจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นผู้เปิดห้องแห่งความลับ และเอาเขี้ยวของบาซิลิสต์มาทำลายมันในที่สุด

ล็อกเกตสลิธีริน

ล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน
ล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน

ล็อกเกตดังกล่าวโวลเดอมอร์ได้ขโมยมาจากเฮปซิบาห์ สมิท หลังจากที่สร้างความหลงใหลด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาครั้งอดีต ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่ร้านบอร์กินและเบิร์กส์ ทำให้เธอถึงกับตัดสินใจนำสมบัติล้ำค่านี้มาให้เขาดู และเป็นเหตุให้สมิทตายในที่สุด หลังจากนั้นจอมมารได้ทำการปรับเปลี่ยนความทรงจำของโฮกี้ เอลฟ์ประจำบ้านของเธอให้เป็นผู้สารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านายของมันด้วยตนเอง ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้ถูกซ่อนอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถูกสับเปลี่ยนโดย เรกูลัส แบล็ก ร.อ.บ. (เสียชีวิตหลังจากสับเปลี่ยนล็อกเกตเป็นของปลอม เพื่อหมายจะทำลายมัน ด้วยความเกรงกลัวอำนาจของจอมมาร ครั้งยังเป็นหนึ่งในผู้เสพความตาย และมือขวาของโวลเดอมอร์) ผู้ร่วมมือกับเรกูลัสในครั้งนั้นคือ เอลฟ์ประจำบ้านครีเชอร์ ปัจจุบันกลายเป็นเอลฟ์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งครีเชอร์ทำไม่สำเร็จและเก็บรักษาไว้ในบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ กระทั่งมันดังกัสมาพบเข้าแล้วเอามันไปปล่อยขาย ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้จึงถูกส่งต่อไปถึงมือของอัมบริดจ์ ซึ่งเธอแอบอ้างว่าเป็นสมบัติของตระกูล ในท้ายที่สุดมันก็ถูกทำลายหลังจากที่แฮร์รี่พบดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ ในบ่อลึกแห่งหนึ่ง เขาเกือบเสียชีวิตหลังจากที่มันรัดคอเขาจนแทบหมดลมหายใจขณะที่ดำน้ำลงไปนำดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ขึ้นมา แต่รอน วิสลีย์ช่วยแฮร์รี่ พอตเตอร์ไว้ได้ทัน และรอนเป็นคนทำลายฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้ด้วยตนเองหลังจากที่แฮร์รี่ใช้ภาษาพาร์เซลสั่งให้ล็อกเกตเปิดออกเพื่อทำลาย (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต)

งูนากินี

นากินี

โวลเดอมอร์ที่อาศัยอยู่ในแอลแบเนียพบกับนากินีและดื่มกินพิษของมันเพื่อเอาชีวิตรอด เขาเปลี่ยนให้มันกลายเป็นฮอร์ครักซ์หลังจากนั้นด้วยการสังหารเบอร์ธา จอร์กิ้นส์ หลังจากที่เขารีดข้อมูลสำคัญเรื่องควิดดิชเวิลด์คัพจากเธอมาได้แล้วในปี 1994  ระหว่างการต่อสู้ที่ฮอกวอตส์ เมื่อโวลเดอมอร์รับรู้ว่าฮอร์ครักซ์ของเขาถูกค้นพบและอยู่ในอันตราย จอมมารได้สร้างกรงมนตราขึ้นมาเพื่อคุ้มกันนากินี และพาติดตัวเขาเสมอตลอดเวลา และหลังจากนั้นมันถูกฆ่าด้วยฝีมือของเนวิลล์ ลองบอตทอม โดยเขาใช้ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ ที่ดึงออกมาจากหมวกคัดสรร ตัดเอาศีรษะของงูขาดจากตัวต่อหน้าต่อตาของโวลเดอมอร์

แฮร์รี่ พอตเตอร์

เด็กชายผู้รอดชีวิต กลายเป็นฮอร์ครักซ์หลังจากที่โวลเดอมอร์สร้างขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หลังจากหมายจะฆ่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ คำสาปพิฆาตของเขาตีกลับและทำให้เขาสูญเสียร่างกายไปในตอนนั้น ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของจอมมารเองในตอนที่พยายามฆ่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ในป่าต้องห้าม แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้ตายเพราะได้รับพลังความรักซึ่งเปี่ยมเวทมนตร์ป้องกันยิ่งยวดโอบอุ้มวิญญาณของเขาไว้ให้ปลอดภัย แต่คำสาปพิฆาตของโวลเดอมอร์ที่พุ่งใส่แฮร์รี่เป็นการขจัดเอาเศษเสี้ยววิญญาณของโวลเดอมอร์ออกไปจนหมดสิ้น และฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ก็ถูกทำลายลง ดังจะเห็นได้จากตอนที่แฮร์รี่ไปพบกับดัมเบิลดอร์ในลิมโบ และเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายทารกที่สาหัสเกินกว่าจะเยียวยา

ข้อมูลการสร้างฮอร์ครักซ์ทั้ง 7

บันทึกของทอม ริดเดิ้ล (ฮอร์ครักซ์ชิ้นแรก)
– เหยื่อ: เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: 13 มิถุนายน 1943 หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย
– ที่ซ่อน: ลูเซียส มัลฟอย
– ทำลายโดย: แฮร์รี่ พอตเตอร์ (ด้วยเขี้ยวบาซิลิสก์) 29 พฤษภาคม 1993

แหวนตระกูลเพฟเวอเรลล์
– เหยื่อ: ทอม ริดเดิ้ล (ผู้พ่อ) (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: ราวหน้าร้อนปี 1943
– ที่ซ่อน: บ้านตระกูลก๊อนท์
– ทำลายโดย: อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ช่วงเดือนกรกฎาคม 1996

รัดเกล้าของเรเวนคลอ
– เหยื่อ: ชาวไร่ในแอลแบเนีย (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: ช่วง 1945-1965 ไม่แน่ชัดนัก
– ที่ซ่อน: เขาเอามาซ่อนไว้ในห้องต้องประสงค์ ประมาณปี 1965-1971 วันที่นัดพบดัมเบิลดอร์เพื่อของานสอน
– ทำลายโดย: วินเซนต์ แครบ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998

ถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ
– เหยื่อ: เฮปซิบาห์ สมิท (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: ประมาณปี 1956 การเสียชีวิตของเฮปซิบาห์เกิดขึ้น 10 ปีก่อนที่โวลเดอมอร์จะมาของานสอนกับดัมเบิลดอร์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.20)
– ที่ซ่อน: ตู้นิรภัยของเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์
– ทำลายโดย: เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ (ด้วยเขี้ยวบาซิลิสก์) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998

ล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธีริน
– เหยื่อ: มักเกิ้ลจรจัด (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: ประมาณปี 1956
– ที่ซ่อน: ถ้ำที่ทอม ริดเดิ้ลสมัยเด็กเคยพาเพื่อนๆ ไป ก่อนจะถูกนำมาเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ
– ทำลายโดย: รอน วีสลีย์ (ด้วยดาบของกริฟฟินดอร์) ในวันที่ 28 ธันวาคม 1997

แฮร์รี่ พอตเตอร์
– เหยื่อ: แฮร์รี่ พอตเตอร์ (โดยบังเอิญ) และคำสาปพิฆาตสะท้อนกลับทำให้จอมมารหายไป
– สร้าง: 1981
– ที่ซ่อน: – (ทั้งจอมมาร และแฮร์รี่ ไม่เคยรู้ว่าเป็นฮอร์ครักซ์ และมันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ใช่การตั้งใจสร้าง)
– ทำลายโดย: โวลเดอมอร์ (ด้วยคำสาปพิฆาต) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998

นากินี (ฮอร์ครักซ์ชิ้นสุดท้าย)
– เหยื่อ: เบอร์ธา จอร์กิ้นส์ (อ้างอิง Bloomsbury Live Chat)
– สร้าง: 1994
– ทำลายโดย: เนวิลล์ ลองบอตทอม (ด้วยดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998

เกร็ดน่ารู้

  • คำเอกพจน์ของ ฮอร์ครักซ์ คือ Horcrux ส่วนพหูพจน์คือ Horcruxes (อ้างอิง J.K.Rowling)
  • เจ.เค.โรว์ลิ่ง เปิดเผยว่าเธอไม่มีวันที่จะทำฮอร์ครักซ์ขึ้นมาเมื่อแฟนคลับคนหนึ่งถามเธอในทวิตเตอร์ เพราะเธอบอกว่ามันเป็นวัตถุที่ชั่วร้ายและสร้างมาด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ (อ้างอิง เจ.เค.โรว์ลิ่ง)
  • เจ.เค.โรว์ลิ่ง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเธอจะเขียนเกี่ยวกับการสร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นในหนังสือสารานุกรม ทว่าแผนนี้ก็ถูกยกเลิกไปในที่สุดและกลายมาเป็นเว็บไซต์ Pottermore.com ให้เราได้อ่านกัน ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่าสักวันเราจะได้อ่านเรื่องราวหรือรายละเอียดการสร้างฮอร์ครักซ์ที่น่ารังเกียจนั้น (อ้างอิง PotterCast)
  • มีการตั้งคำถามและถกเถียงเรื่องการใช้คำสาปพิฆาตในการทำลายฮอร์ครักซ์ ว่าทำไมแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ถึงไม่ใช้คำสาปพิฆาตทำลายฮอร์ครักซ์ อานุภาพของมันน่าจะมากพอให้ทำลายได้อย่างสิ้นซาก เพราะโวลเดอมอร์ทำลายฮอร์ครักซ์ในตัวแฮร์รี่ด้วยคำสาปนี้ คำตอบที่พอจะเป็นเหตุผลได้มากที่สุดก็คือ คำสาปพิฆาตก็เหมือนคำสาปกรีดแทงที่จะเป็นต้องมีเจตนาหวังผลให้ตายอย่างชัดเจน จริงจัง ต้องมุ่งหวังอย่างเต็มเปี่ยมให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งทั้งสามคนหรือพ่อมดทั่วไปไม่ใช่ว่าจะใช้คำสาปพิฆาตนี้ได้ทุกคน
  • การที่แฮร์รี่สามารถได้ยินเสียงของฮอร์ครักซ์เป็นภาษาพาร์เซลมีเฉพาะในภาพยนตร์เท่านั้น ในหนังสือแฮร์รี่จดจำรูปร่างของฮอร์ครักซ์แต่ละชิ้นแล้วค้นหามัน ตัวอย่างเช่น ถ้วยของเฮลก้า ฮัลเฟิลพัฟ แฮร์รี่จดจำมาจากตอนภาค 6 ที่ดัมเบิลดอร์พาเขาไปรู้จักกับเฮปซิบาห์ สมิทในความทรงจำผ่านอ่างเพนซิฟ ทำให้เขาได้เห็นถ้วยและล็อกเกตของสลิธีรินของจริง

ที่มาของเวลา: Hp-LexiconHP Wikia และ Accio Quote!