การคัดเลือกนักแสดงใน “Fantastic Beasts” เริ่มต้นจากตัวละคร นิวท์ สคามันเดอร์ ผู้ได้เผชิญเรื่องราวต่างๆ มากมายกว่าที่เขาคาดคิดไว้ระหว่างการเดินทางไปนิวยอร์ก เฮย์แมนกล่าวว่า เอ็ดดี้ เรดเมย์น เป็นตัวเลือกอันดับแรกและตัวเลือกเดียวสำหรับบทนี้ “เขาเป็นคนอังกฤษขนานแท้และเป็นนักแสดงที่รับบทบาทเป็นตัวละครได้ทุกยุคทุกสมัย เอ็ดดี้เก่งเรื่องการเข้าถึงตัวละครและสำรวจบทบาทในทุกๆ รายละเอียด แต่ความพยายามทั้งหมดนั้นกลับซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน คุณจะเห็นแค่นิวท์ คนนอกที่ออกจะซับซ้อนเข้าใจยากแต่มีเสน่ห์น่าสนใจ เขาเป็นคนที่คุณจะทุ่มใจให้ทันที”
เรดเมย์นอธิบายถึงบทบาทของเขาว่า “นิวท์สบายใจเวลาอยู่กับพวกสัตว์ และดูพอใจที่ได้อยู่ตามลำพังท่ามกลางเหล่าสรรพสัตว์ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา สิ่งที่ผมชอบในตัวนิวท์ก็คือความหลงใหลทุ่มเท เขามีเป้าหมายเพียงประการเดียวคือช่วยให้คนอื่นๆ ในโลกเวทมนตร์เล็งเห็นคุณค่าของสัตว์เหล่านี้ ขณะที่คนอื่นกลับมองว่าพวกมันเป็นอันตรายเพราะอาจเปิดเผยความลับว่าพ่อมดแม่มดมีอยู่จริง”
โรว์ลิ่งอธิบายว่า ไม่ว่าสัตว์เหล่านี้จะมีธรรมชาติอันมหัศจรรย์เพียงใด แต่พวกมันไม่มีทางรู้ว่าตัวมันเองเป็นภัยคุกคาม “ถ้าคุณลองนึกถึงโลกที่ต้องถูกปิดไว้เป็นความลับ คุณก็จะไปเจอปัญหาเกี่ยวกับพวกสัตว์ทันที พวกมันไม่เข้าใจหรอกว่าตัวเองควรหลบซ่อน ฉันก็เลยเกิดความคิดที่จะให้นิวท์เป็นคนคนเดียวที่คอยบอกว่า ‘เราต้องอนุรักษ์สัตว์พวกนี้ไว้ เราไม่ควรกำจัดพวกมัน’ การกำจัดพวกมันนั้นเป็นแนวทางมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปในเวลานั้นเพื่อเก็บความลับเอาไว้ แต่นิวท์รักสิ่งมีชีวิตเหล่านี้และยอมรับพวกมันอย่างที่มันเป็น เขาเป็นพ่อมดที่ใจกว้างเป็นพิเศษและเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ถูกตราหน้า เขาตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าเส้นแบ่งอยู่ที่ตรงไหนและทำไมเราจึงถือว่าสิ่งมีชีวิตบางชนิดสำคัญกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ”
ด้วยการท้าทายความคิดความเชื่อเดิมๆ “นิวท์เชื่อว่าหากให้ความรู้อย่างถูกต้อง พ่อมดแม่มดก็จะเล็งเห็นความงดงามดีเลิศของสัตว์เหล่านี้และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับพวกมัน” เรดเมย์นกล่าว “ในตอนต้นของหนัง เขาใช้เวลาหนึ่งปีออกทำงานภาคสนาม เดินทางไปรอบโลกเพื่อศึกษาข้อมูลมาเขียนหนังสือของเขา ระหว่างทาง เขาได้ช่วยเหลือสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์บางชนิดโดยเก็บเอาไว้ในกระเป๋าซึ่งภายในบรรจุสภาพภูมิประเทศเอาไว้มากมาย เขาเข้าอกเข้าใจสัตว์เหล่านี้เป็นอย่างดีแต่กลับไม่ถนัดที่จะเข้าสังคมกับมนุษย์ด้วยกัน แล้วเมื่อเขาได้พบผู้คนระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เขาจึงเริ่มตระหนักว่าชีวิตของเขามีรูโหว่มาตลอด”
หลังจากมาถึงนครนิวยอร์กได้ไม่นาน นิวท์ก็ได้พบคนสามคนที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นก็คือ แม่มดชื่อ ทีน่า โกลด์สตีน, น้องสาวของเธอ ควีนนี่ และทีน่าประหลาดใจที่สุดก็คือโนแมจ (No-Maj) ที่มีชื่อว่าเจคอบ โควัลสกี้ คนแปลกหน้ากลุ่มนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานในการค้นหาสายสัมพันธ์ร่วมกันและสร้างมิตรภาพที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา เรดเมย์นให้ความเห็นว่า “นิวท์บังเอิญได้ไปพบคนเหล่านี้ และความผูกพันฉันมิตรที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ก็กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่องราวตลอดทั้งเรื่อง”
“มิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในหนังเรื่องนี้” โรว์ลิ่งเผย “เรื่องราวของฉันมักใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเป็นตัวนำเรื่องราวไปเสมอ”
แคทเทอรีน วอเตอร์สตัน ผู้รับบทเป็นทีน่าตั้งข้อสังเกตว่า คนแปลกหน้าทั้งสี่มารวมตัวกันได้แทบจะเรียกว่าโดยสัญชาตญาณ “คุณอาจรู้สึกเหงาที่เป็นคนพิลึกอยู่คนเดียว จนกระทั่งคุณได้เจอคนอื่นๆ ที่พิลึกเหมือนกัน มิตรภาพระหว่างคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ผลลัพธ์ข้างเคียงจากสถานการณ์สุดขั้วที่พวกเขาได้ฝ่าฟันร่วมกันมา แต่คนเหล่านี้ถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยประสบการณ์ร่วมจากการเป็นคนนอก”
“ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่ภาพล้อที่เกินจริง” อลิสัน ซูดอล ผู้รับบทเป็นควีนนี่กล่าวยืนยัน “แต่ละคนมีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง สิ่งที่พวกเขาเผชิญก็ไม่ต่างไปจากสิ่งที่เราได้พบในชีวิตของเราเอง เพียงแต่มองผ่านมุมมองของโลกเวทมนตร์ได้อย่างน่าสนใจมาก”
เยตส์เสริมว่า “โจสนใจเรื่องการเป็นคนนอกมาตลอด คนที่ถูกเข้าใจผิดหรือมีความผิดเพี้ยนเล็กๆ น้อยๆ ไปจากคนอื่นๆ ในสังคม”
คนที่เป็นคนนอกอย่างแท้จริงอาจเป็นเจคอบซึ่งเป็นเพียงคนเดียวในสี่คนนี้ที่ไม่มีเวทมนตร์ แดน ฟอกเลอร์ ผู้รับบทนี้ ให้ความเห็นว่า “ถึงแม้ว่า ‘Fantastic Beasts’ จะเป็นการผจญภัยที่นำเสนอทั้งแอคชั่นและความขำขันได้อย่างครบรส พร้อมด้วยฉากและเอฟเฟกต์อันอลังการ แต่ทีมงานก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการพัฒนาความสัมพันธ์และความเข้ากันได้ระหว่างตัวละครเหล่านี้ ผมคิดว่าผู้ชมจะเห็นตัวเองอยู่ในตัวละคร ซึ่งเป็นเหล่าคนแปลกๆ เพี้ยนๆ ที่มารวมตัวกันเกิดเป็นทีมเล็กๆ ขึ้นมา”
เยตส์เผยว่าทีมงานเริ่มมองหาความเข้ากันได้ตั้งแต่ในการทดสอบบท “เราเริ่มจากให้เอ็ดดี้รับบทเป็นนิวท์ จากนั้นจึงค่อยสร้างโลกรอบตัวเขาขึ้นมา คล้ายเป็นการรวมวงน่ะครับ” ผู้กำกับหัวเราะ “เอ็ดดี้บินมาหาเราที่นิวยอร์กและเราก็ให้นักแสดงหลายคนมาทดสอบบทเป็นทีน่า เจคอบ และควีนนี่ โดยแสดงร่วมกับเขาในห้องทดสอบบท ตลอดเวลา 48 ชั่วโมง เขาเล่นฉากเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับนักแสดงที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ และกระบวนการนี้ก็ช่วยให้เราได้ทีมนักแสดงหลัก นักแสดงทั้งสี่คนซึ่งต่างก็นำเอาความแตกต่างมาให้หนังเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจโดยคอยเติมเต็มซึ่งกันและกัน”
เรดเมย์นกล่าวว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่า “หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคนสี่คนซึ่งตอนแรกไปกันคนละทิศคนละทาง แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน การทำงานกับนักแสดงที่ยอดเยี่ยมทั้งสามคนอย่างแคทเทอรีน อลิสัน และแดนเป็นเรื่องที่วิเศษมากครับ เราต่างรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบที่แบกรับเอาไว้ เพราะเราทุกคนรักหนัง ‘Harry Potter’ และโลกที่โจได้สร้างให้หนังเรื่องนี้ แล้วเราก็อยากให้ตัวละครได้รับการถ่ายทอดอย่างที่ควรจะเป็น”
“มิตรภาพที่แท้จริงเกิดขึ้นระหว่างเราและปรากฏให้เห็นบนจอภาพยนตร์ด้วย” ซูดอลเสริม “เมื่อเราอยู่รวมกันก็จะมีบรรยากาศของความผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้การทำงานทุกๆ วันเป็นเรื่องสนุก”
เมื่อทีน่า โกลด์สตีนแอบสืบเรื่องราวของนิวท์ สคามันเดอร์ในตอนแรก การผูกมิตรเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในหัวของเธอเลย ทีน่าเคยเป็นมือปราบมาร และเหนือสิ่งอื่นใดเธอต้องการกลับไปรับตำแหน่งอันทรงเกียรติเป็นผู้สืบสวนของ MACUSA ดังนั้นเมื่อมีบางสิ่งที่น่าสงสัยมาดึงดูดความสนใจของเธอ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะลงมือสืบสวน วอเตอร์สตันยืนยันว่า “ทันทีที่ทีน่าเห็นนิวท์ เธอก็รู้ว่ามีบางอย่างในตัวเขาที่แม้กระทั่งเธอก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่ นั่นเป็นเงื่อนงำแรกซึ่งแม้ว่าทีน่าจะไม่ใช่ผู้สืบสวนแล้ว เธอก็ยังมีสัญชาตญาณที่ดี
“เธอภาคภูมิใจกับการเป็นมือปราบมาร” นักแสดงหญิงรายนี้กล่าว “และยังหวังว่าจะได้กลับไปทำงานนี้ แต่เธอถูกลดขั้นเมื่อทำผิดกฎเพื่อปกป้องคนที่เดือดร้อน แล้วก็ถูกโยกย้ายให้ไปทำงานระดับล่างในสำนักงานออกใบอนุญาตไม้กายสิทธิ์…ที่ชั้นใต้ดิน ทีน่าเป็นคนที่ทำตามกฎเกณฑ์เสมอ ดังนั้นฉันจึงมองว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจที่ในยามคับขัน เธอก็ยังมองว่าการช่วยเหลือคนอื่นนั้นสำคัญกว่าการรักษาสถานะที่เธอทุ่มเทไขว่คว้ามาทั้งชีวิต”
วอเตอร์สตันกล่าวว่าเธอสนุกกับการสำรวจความขัดแย้งภายในซึ่งมีความเป็นมนุษย์อย่างยิ่งในตัวละครนี้ “ทีน่าคล้ายจะมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าพร้อมไปกับความลังเลสงสัยอันฝังลึกในศักยภาพและความสามารถของตัวเอง ฉันพบว่าการเอนเอียงไปมาระหว่างความมั่นใจกับความไม่มั่นใจนี้เป็นสิ่งที่น่าสำรวจ และฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้”
เยตส์กล่าวว่าวอเตอร์สตันมีครบทุกแง่มุมที่ทีมงานมองหาในตัวทีน่า “เธอเป็นนักแสดงฝีมือเยี่ยมที่เล่นได้อย่างจริงจังหนักแน่นแล้วก็เล่นได้ตลกมากๆ ด้วย ผมชอบส่วนผสมนี้นะ”
ความกลัวของทีน่ากลายเป็นจริงเมื่อสัตว์ตัวหนึ่งหลุดออกมาจากกระเป๋าของนิวท์ และเธอก็ได้เห็นนิวท์ใช้เวทมนตร์เพื่อพยายามนำมันกลับเข้าไป เพียงแค่นี้ก็นับเป็นการละเมิดกฎการรักษาความลับอย่างร้ายแรงแล้ว โดยกฎนี้ห้ามไม่ให้ใช้เวทมนตร์ต่อหน้าผู้ที่ไม่ใช่พ่อมดแม่มด แต่นิวท์กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกด้วยการเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกโนแมจอย่างเจคอบ โควัลสกี้ ขี้สงสัย
“อันที่จริงแล้วเจคอบก็เป็นแค่คนเงอะงะธรรมดาๆ ที่บังเอิญมาเผชิญเหตุการณ์มหัศจรรย์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย” ฟอกเลอร์กล่าว “เขาเป็นพ่อครัวทำขนมที่อยากเปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเองมาตลอดเพราะเขาชอบทำให้ผู้คนมีความสุขจากการทำขนมของเขา เขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็จริง แต่เขาสามารถทำขนมอบชิ้นเล็กๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มเอมได้ ผมคิดว่าผมรู้จักตัวละครนี้เป็นอย่างดีเพราะคุณทวดของผมก็เป็นพ่อครัวทำขนมซึ่งมีชื่อเสียงว่าทำขนมพัมเพอร์นิคเคิลได้อร่อยที่สุดในนิวยอร์ก เพราะฉะนั้นมันอยู่ในสายเลือดของผมครับ”
เยตส์ระบุว่า “เจคอบเป็นคนธรรมดาๆ ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ เขาเชื่อมั่นในความดีงามของทุกคน เขายอมรับคนอื่นๆ อย่างที่คนเหล่านั้นเป็น เขาเป็นโนแมจที่จู่ๆ ก็หลงเข้ามาอยู่ในโลกอันน่าทึ่งนี้และเปิดรับความเบิกบานในโลกใบนั้นท่ามกลางความแตกต่างและความแปลกประหลาดนานาประการ เจคอบก็เป็นเหมือนกับเราๆ ดังนั้นเราจึงได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดผ่านมุมมองของเขา”
“ลองนึกถึงการต้องมาอยู่ในโลกเวทมนตร์โดยที่ไม่เคยสัมผัสเวทมนตร์ที่แท้จริงมาก่อนเลยดูสิครับ” เฮย์แมนเสนอ “ผู้ชมจะได้รับรู้และสัมผัสความรู้สึกพิศวงนั้นผ่านเจคอบ”
ฟอกเลอร์เข้าถึงแง่มุมนี้ของตัวละครได้อย่างง่ายดาย “ผมรู้สึกเหมือนเจคอบเมื่อได้เข้ามาในโลกใบนี้และตกตะลึงไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง” นักแสดงรายนี้กล่าว เขาเป็นแฟนที่ติดตามโลกเวทมนตร์นี้มานานก่อนจะได้รับเลือกให้แสดงใน “Fantastic Beasts” ที่จริงแล้วเขารู้ข่าวว่าได้รับบทนี้ระหว่างอยู่ในงานรวมตัวของเหล่าแฟนๆ ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก เขาเล่าว่า “ผมอยู่ที่งานคอมิกคอนในซานดิเอโกตอนได้รับโทรศัพท์จากเดวิด เยตส์และเดวิด เฮย์แมน พวกเขาถามว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วผมก็บอกว่า ‘ผมอยู่ที่คอมิกคอน’ พวกเขาเลยบอกว่า ‘งั้นปีหน้าคุณจะได้มางานคอมิกคอนในแบบที่ต่างออกไปจากนี้มากเลยล่ะ!’ พวกเขาคอยสนับสนุนและตื่นเต้นไปกับผม ทำให้การถ่ายทำเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุข ผมมักคิดเสมอว่าพวกเขาได้เข้ามาในชีวิตของผมและทำให้มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล”
เยตส์จำได้ว่าฟอกเลอร์โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ เพราะเขาทำตรงกันข้ามกับที่ทีมงานคาดหวังไว้ “เราทดสอบบทกับนักแสดงเก่งๆ หลายคน แต่แดนทำให้เราประหลาดใจมากกว่าคนอื่นๆ เขาขี้เล่นและสร้างสรรค์มากกว่า เขาเป็นตลกที่มีพรสวรรค์สูง แล้วก็เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ด้วย”
ครั้งแรกที่เจคอบได้พบนิวท์ กระเป๋าที่คล้ายกันมากของทั้งคู่ถูกหยิบสลับกัน การสลับกระเป๋าที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้ทำให้เจคอบปล่อยสัตว์บางตัวของนิวท์ออกไปสู่โลกของพวกโนแมจโดยบังเอิญ แต่ก่อนหน้านั้นมันได้ทิ้งรอยกัดเอาไว้เป็นแผลลึก เมื่อไม่มีทางเลือก สุดท้ายทีน่าจึงได้พานิวท์และเจคอบไปยังสถานที่แห่งเดียวที่เธอรู้ว่าทั้งสองจะไม่ต้องเจอปัญหาอีก นั่นคือที่บ้าน เมื่อเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์แห่งนั้น เจคอบก็อดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักควีนนี่ น้องสาวผู้งดงามและอ่อนโยนของทีน่า
ควีนนี่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าพี่สาวผู้มีเหตุผลเสมอมาจะปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านโดยมีชายแปลกหน้าสองคนติดตามมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโนแมจ เพราะถือเป็นการผิดกฎอันเข้มงวดของโลกเวทมนตร์ในอเมริกาซึ่งห้ามการติดต่อสื่อสารกับคนธรรมดา “คุณจะได้เห็นพี่น้องสองสาวที่เติบโตมาโดยมีกันแค่สองคน ทั้งสองจึงผูกพันกันมาก” ซูดอลให้ความเห็น “แต่พวกเธอก็มีชีวิตที่ค่อนข้างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา แล้วผู้ชายสองคนนี้ซึ่งทั้งแตกต่างและน่าตื่นเต้นก็เข้ามาในโลกของพวกเธอ ทำให้ชีวิตของพวกเธอเปลี่ยนแปลงไปทันที”
วอเตอร์สตันซึ่งมีน้องสาวเหมือนกันกล่าวว่า เธอชอบแนวทางที่เจ.เค. โรว์ลิ่งถ่ายทอดความผูกพันที่พิเศษระหว่างทีน่ากับควีนนี่ “สองพี่น้องที่ใกล้ชิดกันมากมีความผูกพันที่ลึกซึ้ง มันปรากฏชัดเจนบนหน้ากระดาษจนไม่จำเป็นต้องพยายามคั้นออกมา ฉันชอบวิธีการที่เธอเขียนถึงความสัมพันธ์นี้ วิธีการที่สองคนนี้พูดจาโต้ตอบกันมีความน่ารักอ่อนหวานและดูสมจริงมากในความรู้สึกของฉัน”
แม้ทั้งสองจะใกล้ชิดกันมาก แต่พี่น้องโกลด์สตีนก็มีบุคลิกตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ทีน่าเป็นหนอนหนังสือและมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว “ส่วนควีนนี่นั้นขี้เล่นและร่าเริง” ซูดอลกล่าว “การได้พบกับนิวท์และเจคอบรวมถึงการออกผจญภัยอาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับคนอื่นแต่เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ เธอมีสายตาเฉียบแหลม เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และมีจิตใจกว้างขวาง ฉันยินดีมากค่ะที่ได้โอกาสมารับบทเป็นควีนนี่”
เฮย์แมนกล่าวว่าซูดอลเหมาะกับบทนี้ในทุกๆ แง่มุม “อลิสันเป็นนักแสดงที่มีความสามารถน่าทึ่ง แต่สิ่งที่เธอนำมาให้บทควีนนี่นั้นไม่ใช่แค่ความสามารถ แต่เป็นแก่นแท้ของตัวเธอเอง ควีนนี่เป็นคนจิตใจดี อบอุ่น และละเอียดอ่อน เช่นเดียวกับอลิสัน”
“อลิสันมีพลังความกระตือรือร้นที่เหมาะมากกับบทควีนนี่” ฟอกเลอร์เห็นตรงกัน “ตอนที่เจคอบได้พบเธอ เธอเปล่งประกายเหมือนนางฟ้าในสายตาของเขา และเป็นเหตุผลให้เขาอยากอยู่กับคนกลุ่มนี้ต่อไป”
ควีนนี่รู้ทันทีว่าเจคอบคิดอะไรอยู่…และเธอก็สนใจในตัวเขาไม่แพ้กัน โรว์ลิ่งอธิบายว่า “เธอเป็นนักพินิจใจ หมายความว่าเธออ่านใจคนได้ ที่น่าสนใจก็คือเธอมักถูกประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เธอสวยมาก แต่คนที่มองแค่ภายนอกจะไม่ตระหนักว่าเธอสามารถมองเห็นลึกลงไปกว่าคนอื่นๆ เป็นตัวละครที่ฉันรู้สึกสนุกเวลาเขียนบทค่ะ”
ซูดอลกล่าวว่า “เจ.เค.โรว์ลิ่ง สร้างตัวละครที่แปลกแตกต่างแต่ก็เข้าถึงได้ง่ายมากด้วย เรื่องราวของเธอมีความหมายซ่อนอยู่มากมาย รวมถึงความอ่อนโยนและแง่คิดที่ลึกซึ้ง เธอมีวิธีการทำให้โลกที่แปลกพิสดารนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและจับต้องได้ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้ค่ะ”
นักแสดงทุกคนดีใจมากเวลาโรว์ลิ่งมาเยี่ยมกองถ่ายเพราะอยากได้รับข้อมูลเบื้องลึกจากเธอ เรดเมย์นเล่าว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่โจมากองถ่ายเพราะเธอรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกอันซับซ้อนนี้และเข้าใจตัวละครอย่างทะลุปรุโปร่ง เธอสามารถเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้เราฟังได้ แม้กระทั่งเรื่องที่ว่านิวท์และคนอื่นๆ น่าจะไปถึงจุดไหนต่อในอนาคต สำหรับนักแสดง นี่เป็นเหมือนฝันเลยล่ะครับ การได้แรงบันดาลใจและจินตนาการของผู้สร้างโลกใบนี้มาช่วยนำทางให้ผมถือเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งเลย”
นักแสดงยังได้ชื่นชมการให้แนวทางจากผู้กำกับซึ่งเดินทางผ่านโลกเวทมนตร์อันกว้างใหญ่ในหนัง “Harry Potter” มาแล้วสี่ภาค ซูดอลกล่าวว่า “เดวิดมีความจริงใจและเบิกบานร่าเริง แล้วเขาก็ส่งต่อความกระตือรือร้นนี้ไปให้คนอื่นๆ ด้วย คุณจะเห็นได้ว่าเขารักโลกใบนี้มากแค่ไหนแล้วเราทุกคนก็ตื่นเต้นและได้รับพลังจากเขาไปด้วย เขาสุภาพอ่อนโยน แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร ดังนั้นเราจึงรู้สึกสบายใจมากที่ได้ทำงานกับเขาในฐานะผู้กำกับค่ะ”
วอเตอร์สตันเสริมว่า “เราไว้วางใจในตัวเดวิดอย่างเต็มที่ค่ะ ซึ่งก็เป็นเรื่องง่ายในเมื่อเขาเป็นคนที่มีความสร้างสรรค์และมุ่งมั่นทุ่มเท เขาบรรยายฉากได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาบอกเราได้เลยว่าเรากำลังจะได้เห็นอะไรและได้สัมผัสอะไรในเรื่องราวตอนนั้นๆ ขณะเดียวกันเขาก็ทิ้งช่องว่างไว้ให้เราได้เสนอแนวคิดของตัวเองด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เยี่ยมมากเลยค่ะ”
“เดวิดนำผมเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของเขาและบอกผมว่าการด้นสดเป็นสิ่งที่ทำได้” ฟอกเลอร์กล่าว “เป็นการทำงานที่มีอิสระเต็มที่และทำให้งานนี้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อันน่าทึ่งครับ”
ภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ภาคแรก มีกำหนดฉายในไทย 17 พฤศจิกายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์