รวมเรื่องน่ารู้ก่อนดู “สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่” (2)

สำหรับบทความตอนที่ 1 ฉบับภาษาไทยอ่านได้ที่นี่ คลิก!

ภาพยนตร์ชุดสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่เป็นเหตุการณ์ช่วงปี 1926 เรื่องราวเกี่ยวข้องกับนักสัตว์วิเศษวิทยา นิวท์ สคามันเดอร์ (รับบทโดยเอ็ดดี้ เรดเมย์น) ผู้คุ้นเคยกับสัตว์วิเศษต่างๆ มากเสียยิ่งกว่ามนุษย์ และพบว่ากระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษของเขาเปิดออกทำให้สัตว์ต่างๆ หลุดออกมาสร้างความปั่นป่วนให้กับนครนิวยอร์ก นอกจากนิวท์แล้วยังมีตัวละครอื่นร่วมผจญภัยไปด้วย ได้แก่ อดีตมือปราบมารทีน่า โกลด์สตีน, น้องสาวของเธอ ควีนนี่ (อลิสัน ซูโดล) และโนแมจ (คำเรียก “มักเกิ้ล” ในอเมริกา) ชื่อ เจคอบ (แดน ฟอกเลอร์) ผู้หลงเข้ามาในโลกเวทมนตร์โดยไม่ได้ตั้งใจและไม่อยากจากไปเช่นกัน

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่มีความโดดเด่นในหลายๆ เหตุผล ยุคสมัยและสถานที่ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับสาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกคน แต่ความแตกต่างหลักๆ ก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ในโลกเวทมนตร์ ไม่ใช่เด็ก ในเรื่องจะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้ง และในไม่ช้านิวท์ก็ค้นพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้วิเศษและโนแมจในอเมริกานั้นต่างจากในสหราชอาณาจักรอย่างมาก มีข้อตกลงในหมู่ผู้นำของมาคูซา (MACUSA) ว่าห้ามไม่ให้ผู้วิเศษและโนแมจอาศัยร่วมกัน  ทำให้สังคมผู้วิเศษถูกปกปิดเป็นความลับอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดการที่มีสัตว์วิเศษหลุดออกมาในเมืองใหญ่จึงเป็นปัญหาใหญ่มาก

 

เกี่ยวกับการถ่ายทำ

  • แรกเริ่มโปรดิวเซอร์เคยคิดถึงการดัดแปลง “สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่” เป็นภาพยนตร์ ก่อนติดต่อกับเจ.เค.โรว์ลิ่ง แต่ไอเดียของพวกเขาคือทำเป็นภาพยนตร์สารคดีหลอกๆ เกี่ยวกับนิวท์ สคามันเดอร์ แต่เมื่อพวกเขาได้คุยกับโรว์ลิ่งถึงรู้ว่าเธอมีแนวคิดที่จะเล่าอยู่แล้วและในที่สุดก็พัฒนามาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้
  • ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ความมืดมนอย่างเดียว แต่รวมทั้งความตลก ความรัก การผจญภัยไว้ในเรื่องเดียว และเน้นไปที่ตัวละครผู้ใหญ่ แต่ไม่หม่นหมองเท่ากับแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 หรอกนะ
  • สจ๊วต เครก นักออกแบบงานสร้างภาพยนตร์จากแฮร์รี่ พอตเตอร์ กลับมารับหน้าที่อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาทำให้โลกเวทมนตร์ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มีความลึกลับด้วยสถาปัตกรรมแบบโกธิค แต่ฉากในสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่จะให้ความรู้สึกร่วมสมัยมากกว่าในแฮร์รี่ พอตเตอร์
  • ช่วงที่งานยุ่งมากๆ ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ใช้คนงานถึง 350 คนและช่างฝีมืออีกจำนวนมากสร้างสรรค์ฉากต่างๆ ในภาพยนตร์
  • ประเด็นหลักที่เคยถูกนำเสนอในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะมีในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการเป็น “คนวงนอก” การทำสิ่งที่ถูกต้อง และความผิดชอบชั่วดีที่เป็นสีเทาๆ บนโลก (moral grayness of the world)
  • ภาพยนตร์ถ่ายทำในสตูดิโอลีฟเดนส์นอกกรุงลอนดอนเป็นส่วนใหญ่ มีการถ่ายทำนอกสถานที่แค่ 3 ครั้ง ทั้งหมดอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล
  • ทีมงานจำลองสถาปัตยกรรมอันใหญ่โตของนิวยอร์กไว้ในสตูดิโอลีฟส์เดน  ซึ่งรวมถึงห้างร้านที่สามารถเข้าไปข้างในได้จริงๆ รถราง และท่อระบายน้ำที่มีไอน้ำพวยพุ่ง
  • ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ตัวประกอบรวมทั้งหมด 11,000 คน เพื่อสร้างสรรค์โลกและถนนอันวุ่นวายในนครนิวยอร์กช่วงทศวรรษ 1920 ให้มีชีวิตชีวา
  • จะมีหิมะตกในฉากเมืองนิวยอร์ก แต่หนังสือพิมพ์ในเรื่องไม่ได้ระบุวันที่เป็นเดือนธันวา จึงอนุมานได้ว่าเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดในช่วงฤดูหนาว
  • ตอนที่เอซรา มิลเลอร์ (ซึ่งเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ตัวยง) ทราบว่าเขาได้รับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาถึงกับคุกเข่าลงและตะโกนลั่นกลางเมืองนิวยอร์กเลยทีเดียว

 

ในมุมของ เดวิด เยตส์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้

  • เดวิด เยตส์ เคยลังเลที่จะกลับสู่โลกเวทมนตร์อีกครั้งหลังจากใช้เวลานานถึง 6 ปีกับภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์  แต่หลังจากที่เขาอ่านบทแล้วก็หลงรักมัน
  • เยตส์ตื่นเต้นที่จะสร้างเรื่องราวขึ้นมาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น ซึ่งต่างจากภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เป็นการทำงานจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
  • เยตส์ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย ดั้งเดิม และสละสลวย ในบรรยากาศของทศวรรษที่ 1920
  • เยตส์ชอบให้กล้องจับภาพไปเรื่อยๆ ระหว่างเทคเพื่อให้นักแสดงสามารถแสดงต่อได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องพัก 10 นาทีเพื่อรอฉากต่อไปหรือทำให้ขาดสมาธิ

 

สังคมผู้วิเศษในอเมริกา

Guts-logo
  • ในสังคมผู้วิเศษช่วงทศวรรษที่ 1920 นั้นไม่ได้มีการแบ่งแยกเชื้อชาติหรือเพศมากเท่ากับสังคมของมักเกิ้ล
  • มาคูซาเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำยุคในสมัยนั้น เช่น ท่อส่งจดหมายสุญญากาศ… ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
  • มีแจ๊สคลับในภาพยนตร์ ชื่อ “หมูตาบอด” (The Blind Pig) นั่นก็คือร้านเหล้าเถื่อนของก๊อบลินนาร์ลัก นั่นเอง

 

เกี่ยวกับสัตว์วิเศษ

  • การออกแบบตัวสัตว์ต่างๆ นั้น ทางผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่าพวกมันมีอยู่จริง
  • ทีมงานใช้เทคนิคต่างๆ มากมายเพื่อสร้างสรรค์สัตว์ต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าเอ็ดดี้ โดยทีมงานจะมีหุ่นตัวหนึ่งชื่อพิกเกตต์ (Pickett) ซึ่งเป็นหุ่นสัตว์ตัวเล็กๆ มีด้ามและสายไฟ หุ่นถูกควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญตอนซ้อมถ่ายทำ เมื่อเรดเมย์นต้องถ่ายทำจริงจะถูกเอาออก แต่เขาสามารถแสดงได้ราวกับว่ามีตัวอะไรเกาะไหล่เขาอยู่
  • ในหนังเรื่องนี้ เจ.เค.โรว์ลิ่ง เพิ่มรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์วิเศษนอกเหนือจากที่บรรยายในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่  เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมแบบภาพยนตร์
  • ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีก๊อบลินและเอลฟ์ปรากฏตัวด้วย
  • สัตว์วิเศษที่ปรากฏตัวในเรื่องมีตัวนันดุ, เธสตรอล, ด๊อกซี่, มูนคาล์ฟ, บิลลี่วิก, กัปปะ, ฟวูปเปอร์, ฮิปโปแคมปัส, ด้วงมูลสัตว์ยักษ์, แกรปฮอร์น, เลธิโฟลด์, รูนสพัวร์, อีรัมเพนท์, พิกเกตต์ (โบวทรัคเกิลของนิวท์) , เดมิไกส์ และนิฟเฟลอร์
  • โบวทรัคเกิลที่นิวท์เลี้ยงไว้ มีทั้งหมด 6 ตัว มีชื่อว่า พิกเกตต์ (Pickett), ไททัส (Titus), ฟินน์ (Finn), ป๊อปปี้ (Poppy), มาร์โลว์ (Marlow) และทอม (Tome)

 

เกี่ยวกับ นิวท์ สคามันเดอร์

  • เอ็ดดี้ เรดเมย์นมาทดสอบหน้ากล้องพร้อมๆ กับนักแสดงอีกหลายคนที่มาทดสอบเพื่อรับบทตัวละครหลักที่เหลืออีก 3 คน
  • เอ็ดดี้ เรดเมย์น เป็นคนช่วยเลือกไม้กายสิทธิ์ที่เหมาะสมสำหรับนิวท์ สคามันเดอร์
  • ไม้กายสิทธิ์ของนิวท์ทำจากกระดูก และดูเหมือนว่าจะเป็นไม้ที่ประดิษฐ์ด้วยมือ
  • ตอนที่นิวท์ปรากฏตัวครั้งแรกที่นิวยอร์ก เขากำลังอยู่ในช่วงการฝึกงานภาคสนามที่ใช้เวลาประมาณ 1 ปี

เกี่ยวกับ เจคอบ โควัลสกี้

  • เจคอบจะอาศัยในย่าน Lower East ของนิวยอร์ก (ย่านนี้มันจะเป็นที่อยู่ของผู้อพยพ, ชนชั้นแรงงาน)
  • เจคอบเพิ่งกลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาจึงไม่ค่อยตกใจพวกสัตว์วิเศษที่บินอยู่เท่าไรนัก
  • ฟอกเลอร์มองความสัมพันธ์ระหว่างเจคอบและนิวท์ในทำนองเดียวกับโฮล์มและวัตสัน คือเป็นคู่หูกัน
  • เจคอบเข้ามามีบทบาทในเรื่องหลังจากโดนสัตว์วิเศษของนิวท์กัด
  • เจคอบกลายเป็นมิตรที่ดีกับตัวเดมิไกส์ ซึ่งปกติแล้วจะเข้ากับคนยากเนื่องจากสัตว์ชนิดนี้สามารถทำนายอนาคตได้

ภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (Fantastic Beasts and Where to Find Them” มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ในรูปแบบปกติ, 3D, IMAX และ 4Dx