รวมเรื่องน่ารู้ก่อนดู ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’ (1)

ในวันที่17 พฤศจิกายน เดี๋ยวพวกเราก็จะได้ดู ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’ กันแล้ว แต่ก่อนอื่นมาอ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกน้ำย่อยกันหน่อยดีกว่าค่ะ โดยข้อมูลในบทความนี้สรุปมาจากบทความในเว็บ Snitchseeker 2 เรื่องคือ

MACUSA, Zoos & NYC: we tour the ‘Fantastic Beasts’ film during our set visit (Part 1)

*หมายเหตุ: ทางสนิชซีกเกอร์ได้เข้าไปทัวร์ดูฉากต่าง ๆ ที่สตูดิโอลีฟเดน

– Orphans, Aurors & War Vets: we meet the ‘Fantastic Beasts’ film cast on set (Part 2)

และมีการเพิ่มข้อมูลเสริมจากบทความอื่นในรายละเอียดอีกเล็กน้อย รวมถึงสรุปภาพรวมสถานที่จากสิ่งที่พวกเราเห็นในคลิปวีดีโอโปรโมตทั้งหลาย

ฉากและสถานที่ต่าง ๆ ในเนื้อเรื่อง

– ฉากที่ถ่ายทำหลัก สร้างและถ่ายทำที่สตูดิโอลีฟเดนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีไปถ่ายนอกสถานที่ที่ลิเวอร์พูลอยู่ 3 แห่ง 1 ในนั้นไปถ่ายทำกันที่ St. George’s Hall ในฉากห้องจัดงานเลี้ยงวุฒิสมาชิกชอว์

– ช่วงเวลาในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์จะเป็นช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสที่นิวยอร์กในปี 1926 โดยจะเป็นเหตุการณ์ในระยะเวลาแค่ 2 วัน

– ช่วงเวลาในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ ถ้าเทียบกับช่วงยุคสมัยจริงของพวกโนแมจ (ปี 1920-1933) จะเป็นยุคที่เรียกว่า Prohibition Era ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาสั่งห้ามผลิต หรือจำหน่ายเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด ในภาพยนตร์เราจึงจะได้เห็นร้านเหล้าเถื่อนของก๊อบลินที่ชื่อนาร์ลัก เพราะในโลกเวทมนตร์แล้วกฎหมายนี้ไม่ได้บังคับครอบคลุมถึง

สำนักงานใหญ่ของมาคูซา

– เจเคเป็นคนเจาะจงเลือกตึกวูลเวิร์ธ (Woolworth) ในเกาะแมนฮัตตันให้เป็นที่ตั้งลับของมาคูซา (MACUSA) หรือก็คือสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา เพราะเธอชอบสไตล์การตกแต่งภายในของตัวตึกที่เป็นแนวกอธิค นอกจากนี้บริเวณด้านบนของประตูทางเข้าตึกเองก็มีรูปปั้นหินแกะสลักรูปนกฮูกอีกด้วย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสำนักงานมาคูซา >>คลิกที่นี่<<)

– ฉากอาคารภายในของสำนักงานใหญ่มาคูซา ในชั้นของห้องโถงหลัก (หลังจากเดินขึ้นบันไดมา) เป็นทรงสี่เหลี่ยม ผนังเป็นลายทาง ที่มุมหนึ่งใกล้กับหน้าต่างจะมีตู้เอกสารตั้งอยู่เป็นแถวยาว และเสาคอลัมน์ 4 เสาสีน้ำตาลอมม่วงที่เกาะกลุ่มกัน บนเสามีรูปปั้นฟีนิกซ์สีทองประดับอยู่ ในบริเวณเดียวกันมีรูปปั้นหินกลุ่มชายหญิงและเด็ก 5 คนตั้งอยู่ โดยเป็นรูปปั้นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 3 คน ทั้ง 4 คนถูกมัดมือไว้อยู่ และยืนอยู่รอบรูปปั้นเด็กผู้หญิงที่ยืนส่งสายตาเศร้าสร้อยไปที่รูปปั้นผู้หญิงคนหนึ่ง รูปปั้นทั้งหมดใส่ชุดแบบชุดนักแสวงบุญ แบบเดียวกันกับที่ผู้คนในยุคการล่าแม่มดแห่งเซเล็มครั้งแรกใส่ โดยรูปปั้นพวกนี้มีไว้เพื่อรำลึกถึงความสูญเสียและความเสียสละของโลกเวทมนตร์อเมริกัน

ที่อีกมุมหนึ่งของห้องโถงมีภาพโปสเตอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นรูปของประธานเซราฟิน่า พิกเคอรี และบนเพดานมีนาฬิกาเตือนภัยสถานการณ์หลายระดับขนาดใหญ่ห้อยลงมา อยู่ตรงใจกลางบริเวณระเบียงแบบกรอบสี่เหลี่ยมกลางอาคาร

นอกจากนี้ในบริเวณใจกลางอาคารชั้นสูง ๆ ชั้นหนึ่งจะมีทางเดินบันไดยกพื้นลอยฟ้าข้ามฝั่ง โดยบันไดจะตัดผ่านระเบียงแบบกรอบสี่เหลี่ยมใจกลางอาคาร ระเบียงและผนังโดยรอบมีเสาคอลัมน์ประดับด้วยสีเทา-ทอง ตัวทางเดินบันไดข้ามฟากมีพื้นสีแดง-ดำ ประทับตราสัญลักษณ์มาคูซาสีทองกลางขั้นบันไดหลัก ภาพรวมตัวอาคารนั้นจะมีหลายชั้น โดยที่ชั้นล่าง ๆ จะเป็นที่ทำงานของพนักงานระดับล่าง ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นที่ทำงานของพวกบรรดาพ่อมดแม่มดเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูง รวมถึงพวกมือปราบมารด้วย

– ฉากห้องพิจารณาคดีเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมปิดทึบ คุมโทนสีเทา-ดำ มีโครงหน้าต่างสไตล์เฉพาะตัว ที่พื้นตรงใจกลางห้องมีสัญลักษณ์รูปดาวดวงใหญ่ รอบห้องเป็นที่นั่งตามลำดับขั้นบันไดยกพื้นสูงแบ่งเป็นสี่แถว ที่ปลายสุดของห้องฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้ามีขั้นบันไดยกพื้นสูงทำมุมเป็นแปดเหลี่ยมแบบหั่นครึ่ง โดยวางบัลลังก์สีทองของประธานาธิบดีพร้อมฉากหลังเป็นผ้าสีแดงไว้ ซึ่งของทั้งสองอย่างมีตราสัญลักษณ์มาคูซาประกอบอยู่ และมีการปูพรมสีแดงรองรับที่หน้าบัลลังก์ทอง

– ฉากสำนักงานอนุญาตการใช้ไม้กายสิทธิ์ (wand permit office) ซึ่งเป็นที่ทำงานของทีน่าและควีนนี่่ ตัวสำนักงานเน้นไปทางโทนสีน้ำตาล ห้องดูแออัดมาก มีตู้เอกสารเต็มไปหมด เราจะเห็นว่าโต๊ะของควีนนี่่ (โต๊ะตัวที่นิวท์ยืนคุยกับทีน่า) จะรกเละเทะมากเป็นพิเศษ

สถานีรถไฟใต้ดินซิตี้ฮอลล์

– ที่จริงสจ๊วต เคร็กอยากจะทัวร์ดูระบบรถไฟใต้ดินเมืองนิวยอร์กสมัยก่อนแบบจัดเต็ม แต่ว่าทางเมืองนิวยอร์กและหน่วยงานรถไฟใต้ดิน (MTA) ไม่อนุญาต สุดท้ายเขาเลยต้องใช้ข้อมูลอ้างอิงเป็นพวกภาพสถานีรถไฟใต้ดินสมัยก่อนมาทำฉากสำหรับยุค 1926 เอา โดยสถานีรถไฟที่ปรากฏในเรื่องคือสถานี City Hall (สาย 6) ซึ่งเป็นสถานีที่เปิดใช้งานในปี 1904 เป็น 1 ในสถานีที่ได้รับการชื่นชมว่าสวยที่สุดสถานีหนึ่ง

(ข้อมูลเส้นทางรถไฟใต้ดินเพิ่มเติม >>คลิกที่นี่<<)

ตัวเมืองนิวยอร์ก

– 1 ในฉากย่านหลักของตัวเมืองนิวยอร์ก ที่ในภาพยนตร์เน้นจะอยู่ย่านโลเวอร์อีสต์ไซด์ (Lower East Side) ซึ่งเน้นที่บริเวณสี่แยกถนนริวิงตัน (Rivington Street) กับซอยบารัชเพลซ (Baruch Place) เราจะเห็นร้านค้ามากมายตลอดถนน รวมถึงถนนลูอิส (Lewis Street) ที่อยู่บริเวณบล็อกถัดไป และถนนออชาร์ด (Orchard Street) ด้วย

– พวกบรรดาร้านค้าก็จะมี เช่น

ร้าน Mrs. Boswell palmist-medium (ร้านทำนายดูลายมือ)

ร้าน L. Caruso Music Store (ร้านอุปกรณ์ดนตรีและเพลง)

ร้าน Painless Dentistry – Dr. J. Clark & Co. (ร้านทำฟัน)

ร้าน Sterberg Brothers (ร้านขายเสื้อผ้าและรองเท้าผู้ชาย)

ร้าน Adamsen & Wardle Co. (ร้านขายขนม)

สำนักงานกฎหมายของ Geo. W. Bauer

โรงแรมเทเมอร์เลน (Tamerlane Hotel) ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็กที่ประดับของตกแต่งคริสต์มาสไว้สวยงาม

ซุ้มขายหนังสือพิมพ์ New York Clarian ที่มุมถนน

สำนักพิมพ์ Calton & Swan Publishing

สำนักงานบัญชีประจำเขตรัฐนิวยอร์ค Koeck & Holman Co.

บริษัท Whitaker Mortgage Loan สำหรับปล่อยเงินกู้จำนอง

ร้าน Ginzberg Delavney (ร้านขายเสื้อผ้าแฟนซี)

สำนักพิมพ์ Sixth Avenue Photographic Studio Publishing

ร้านเครื่องเขียน Rufus J. Rotick

ร้าน Mardermolt Distributors

– ฉากร้านอาหารที่ชื่อ Alvin’s Diner มีสภาพร้านเหมือนโดนรื้อของกระจุยกระจาย โต๊ะสกปรก พวกอาหาร ถ้วย เครื่องดื่ม อุปกรณ์ทานอาหาร ทิชชู่ ฟอยล์อลูมิเนียมเกลื่อนกลาดบนพื้น เป็นไปได้ว่าจะต้องมีพวกสัตว์วิเศษโผล่มาป่วนแน่

ที่อยู่ของตัวละคร

– อะพาร์ตเมนต์สไตล์เทนเนอเมนต์ (มักเป็นบ้านตึกแถวที่มีโครงบันไดติดกับผนัง) ของเจคอบ เป็นตัวบ้าน 2 ชั้น สีน้ำตาลเข้ม ตามรูปแบบที่อยู่ของคนชนชั้นล่าง ที่หน้าต่างบนชั้น 2 จะมีโพรงที่เกิดจากแรงระเบิดอยู่ ซึ่งถ้าคาดเดากันตามที่เห็นในคลิปเทรลเลอร์ แรงระเบิดนี้น่าจะเกิดขึ้นจากช่วงที่สัตว์วิเศษตัวใหญ่สุดร้ายกาจหลุดออกมาจากกระเป๋าเดินทางของนิวท์ การตกแต่งภายใน ถ้าพูดกันตามตรงก็คือเป็นแบบบ้านของคนชนชั้นแรงงาน ไม่มีการตกแต่งอะไรสวย ๆ ผนังมีรอยสีถลอกประดับด้วยรูปหนึ่งรูปซึ่งน่าจะเป็นคนในครอบครัวของเจคอบ ส่วนประตูหน้าต่างก็เก่า ๆ

– บ้านตึกแถวสไตล์บราวน์สโตนสองชั้น สีน้ำตาลอ่อน ขนาดสองบล็อก มีวิวที่สามารถมองเห็นถนนริวิงตันได้ เป็นที่อยู่ของสองสาวทีน่า และควีนนี่่ โกลด์สตีน การตกแต่งภายในมีติดวอลล์เปเปอร์และผ้าม่านในรูปแบบที่เหมาะกับห้องของผู้หญิง สองสาวนอนในห้องเดียวกัน โดยมีเตียงเดี่ยวกันคนละเตียง ที่กึ่งกลางระหว่างสองเตียงมีโต๊ะหัวเตียงกับโคมไฟตั้งโต๊ะอยู่ และที่ข้างเตียงจะมีชั้นวางหนังสือของแต่ละคน และที่ปลายเตียงบางครั้งก็วางพวกเตารีด กับหุ่นโชว์เสื้อผ้าไว้ รวมถึงตะกร้าผ้าเตรียมซัก ตัวห้องนอนกั้นด้วยประตูไม้สีน้ำตาลเข้มที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ในห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องครัวและห้องรับประทานอาหารไปในตัว ในห้องจะมีเตาผิงด้วย นอกจากนี้ที่ชั้นล่างของอาคารบริเวณเดียวกันห้องหนึ่งยังเป็นร้านขายของชำ

*ตัวอย่างอะพาร์ตเมนต์สไตล์เทนเนอเมนต์และบ้านตึกแถวสไตล์บราวน์สโตน

สวนสัตว์เซ็นทรัลปาร์ค

– ในบริเวณสวนสัตว์จะมีสะพานใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งฉากนี้จะเป็นบริเวณที่นิวท์ และเจคอบเจอสัตว์วิเศษตัวหนึ่งเข้า

– สภาพประตูทางเข้าของสวนสัตว์เซ็นทรัลปาร์คจะพังยับ พวกก้อนอิฐตรงประตูก็แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้า ส่วนประตูโลหะที่ทางเข้าก็ถูกกระชากออกจากบานพับ ในสภาพงออยู่บนพื้นติดกับกองอิฐ

– สภาพด้านในสวนสัตว์ พวกกรงที่เคยมีสัตว์ เช่น นกกระจอกเทศ ลิงชิมแปนซี เม่นพัง (จึงไม่น่าแปลกที่ในคลิปเทรลเลอร์ เราถึงเห็นนกกระจอกเทศวิ่งผ่านหน้านิวท์และเจคอบ) ทั้งประตูและแท่งโลหะงอเหมือนกับว่าโดนแรงปะทะขนาดใหญ่ซัดเอา ส่วนบริเวณที่อยู่ของพวกอูฐและพวกลามะก็โดนถล่มเละเหมือนกัน แต่ที่น่าแปลกก็คือบริเวณที่อยู่ของพวกลิงบาบูนกับพวกนกยูงไม่เจออันตรายอะไร นอกจากนี้ยังมีป้ายเตือนที่กรง ๆ หนึ่งว่า ‘ห้ามให้อาหารหรือรบกวนสัตว์ – โทษปรับ 25 ดอลลาร์’

– บริเวณตู้กระจกที่เคยมีพวกสัตว์เลื้อยคลานและพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอยู่ รวมถึงตู้ที่มีงู ก็กระจกแตกกระจายบนพื้นไปทั่ว

บทสัมภาษณ์นักแสดง ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้าง

*หมายเหตุ: คัดมาเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจ

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์เดวิด เยทส์ (ผู้กำกับ)

– เดวิดได้อ่านสคริพต์บทภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2014 อย่างไรก็ตามกว่าบทจะลงตัวก็ต้องใช้เวลาปรับปรุงโครงร่างของเรื่องรอบสุดท้ายกันนานหลายเดือน ซึ่งก็เป็นการช่วยกันปรับ เพราะเจเคเองก็ถือว่าเป็นมือใหม่ในการเขียนบทภาพยนตร์ด้วย

– เดวิดพูดยั่วไว้ว่า ฉากและไอเดียบางส่วนที่ถูกตัดออกจากโครงร่างของเรื่องจะมีไปโผล่ในภาค 2 หรือ ภาค 3 แทน

– เดวิดบอกว่า จะมีตัวละครอยู่ตัวหนึ่งที่มีพลังเวทมนตร์ แต่ว่าถูกบังคับข่มไว้ไม่ให้ใช้ ซึ่งเดวิดเองก็ไม่ยอมบอกว่าคือใคร แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นถ้าดูจากภาพโปรโมต ฉากที่เกรฟส์พูดอะไรสักอย่างกับครีเดนซ์ที่มีสีหน้ากังวล ก็มีความเป็นไปได้ว่าตัวละครที่เดวิดพูดถึงก็คือครีเดนซ์ แบร์โบนนั่นเอง และถ้าเป็นอย่างนั้นพลังเวทมนตร์ของครีเดนซ์ก็น่าจะได้เผยออกมา และอาจเลยเถิดไปถึงขั้นทำให้เกิดจราจลหรือสงครามได้

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์เดวิด เฮย์แมน (ผู้อำนวยการสร้าง)

– เดวิดบอกว่าเอ็ดดี้ เรดเมย์นเป็นตัวเลือกแรก และตัวเลือกเดียวสำหรับบท นิวท์ สคามันเดอร์ ซึ่งนั่นทำให้เอ็ดดี้ ได้บทมาครองโดยไม่ต้องทำการออดิชั่นบทเลย

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์เอ็ดดี้ เรดเมย์น

– ประมาณ 1 เดือนก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ (ราวเดือนกรกฎาคม 2015) เอ็ดดี้ได้พบเจเคครั้งแรกที่สตูดิโอลีฟเดน หลังจากที่เขาเตรียมตัวสำหรับบทที่ได้รับมาเกือบ 3-4 เดือนแล้ว ซึ่งตอนนั้นเขาก็ทำตัวแทบไม่ถูกเลย

– เอ็ดดี้อธิบายว่า ก่อนที่นิวท์จะไปนิวยอร์ก นิวท์ศึกษาและฝึกฝนสัตว์วิเศษมาเป็นปี

– เอ็ดดี้พูดถึงความสัมพันธ์ของนิวท์กับสองสาวพี่น้องโกลด์สตีนว่า นิวท์พบทีน่า มือปราบมารสาวที่ถูกลดขั้น ซึ่งเป็นคนที่เถรตรงและอยากจะพิสูจน์ตัวเองหลังจากสูญเสียงานของเธอไป ทีน่ากับควีนนี่่ทำงานอยู่ในสำนักงานอนุญาตการใช้ไม้กายสิทธิ์ (wand permit office) เอ็ดดี้อธิบายว่าลักษณะโต๊ะทำงานของควีนนี่่จะค่อนข้างรก มีพวกเครื่องสำอางอยู่ด้วย ส่วนโต๊ะทำงานของทีน่าจะเป็นระเบียบมาก

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์แคทเทอรีน วอเทอร์สตัน

– ไม้กายสิทธิ์ของทีน่าเป็นไม้สีน้ำตาลเข้ม ค่อนข้างหนักและทนทาน ซึ่งบ่งบอกถึงบุคลิกของทีน่าที่เป็นคนที่ออกจะเคร่งครัดและเก็บตัว

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์อลิสัน ซูโดล

– สองสาวพี่น้องโกลด์สตีนเป็นเด็กกำพร้า เพราะพ่อแม่ตายตั้งแต่พวกเธอยังเด็ก เธอสองคนเลยดูแลกันและกันมาตลอด

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์แดน  ฟอกเลอร์

– เจคอบนั้นเพิ่งกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เขามีความฝันที่จะเปิดร้านขายขนมปังของตัวเองและเป็นนักทำขนมปัง แต่ว่าอุปสรรคของเขาก็คือความจน และเขาก็อยู่ตัวคนเดียว

– เจคอบก็เหมือนกับรอนตรงที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนคู่หู

– เจคอบหลงรักในโลกเวทมนตร์ แต่เขาก็ไม่อาจอยู่ในโลกนั้นได้

– ด้วยนิสัยและบุคลิกตามธรรมชาติของเจคอบที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เลยทำให้สัตว์ที่จับได้ยากและสามารถบอกอนาคตได้อย่างเดมิไกส์เชื่อใจเขา กลายเป็นความผูกพันระหว่างโนแมจและสัตว์วิเศษ ซึ่งช่วยกันได้ดีเวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น

– แดนบอกว่าเจคอบนั้นหลงรักควีนนี่่ตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยกฎของโลกเวทมนตร์ทั้งสองไม่อาจอยู่ด้วยกันได้

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์คอลิน  ฟาร์เรล

– ไม้กายสิทธิ์ของเกรฟส์เป็นสีดำ

– คอลินบอกว่าเดวิด เยทส์ติดต่อมาหาเขาประมาณ 2-3 เดือนก่อนการเปิดกล้องถ่ายทำ เพื่อให้เขามารับบทหัวหน้ามือปราบมารแห่งมาคูซา และหลังจากการคุยกัน 3-4 ครั้ง คอลินก็ตอบรับแสดงบทนี้

– เกรฟส์ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของมาคูซา และเป็นถึงมือขวาของประธานเซราฟิน่าเลยทีเดียว

– คอลินบอกว่าเกรฟส์รู้เรื่องนิวท์มาจากพี่ชายของนิวท์ที่ชื่อ ธีซีอัส (Theseus) ซึ่งเป็นมือปราบมารที่มีอำนาจมากคนหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ

ข้อมูลน่ารู้จากการสัมภาษณ์เอซรา มิลเลอร์

– เอซราเป็นแฟนตัวยงของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาบอกว่าตอนที่เขารู้ว่าเขาได้บทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นตะโกนดีใจดังลั่นกลางเมืองนิวยอร์กเลยทีเดียว

ประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์ของตัวละคร

*หมายเหตุ: รูปภาพประกอบนำมาจากเพจ Fantastic Beasts UK และเพจ Snitchseeker

– ไม้กายสิทธิ์ของนิวท์เป็นไม้แอช (อ้างอิง) สีน้ำตาล ที่ตรงปลายด้ามจับมีชิ้นส่วนของเปลือกหอยติดอยู่

– ไม้กายสิทธิ์ของทีน่าเป็นไม้สีน้ำตาลเข้ม เรียบ ๆ

– ไม้กายสิทธิ์ของควีนนี่่เป็นไม้สีดำ ที่ตรงด้ามจับประดับด้วยหอยไข่มุกและลวดลายสีขาว-ทอง

– ไม้กายสิทธิ์ของเกรฟส์เป็นไม้สีดำตรงปลายเป็นสีเงิน

– ไม้กายสิทธิ์ของเซราฟิน่าเป็นไม้สีน้ำตาล ที่ตรงด้ามจับเป็นสีม่วงบานเย็น มีลวดลายประดับสีเงิน