จินนี่ พอตเตอร์ นักข่าวควิดดิชประจำเดลี่พรอเฟ็ต รายงานจากทะเลทรายปาตาโกเนีย
ญี่ปุ่น 330 – สหรัฐอเมริกา 120
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่โชกเลือด และบางส่วนไม่เห็นว่าเกมมันจะโหดตรงไหน
ญี่ปุ่น ทีมที่ผู้ชมต่างเฝ้ามองตลอดการแข่งขันในฤดูกาลนี้ กับสหรัฐอเมริกาที่ประสบความสำเร็จในปี 2014 ต่างโดดเด่นด้วยกันทั้งคู่ในเวิลด์คัพ ค่ำคืนนี้ ผู้เล่นทั้งสิบสี่คนลงแข่งชิงอันดับ 3 ได้อย่างสมศักดิ์ศรีแต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะอาร์เซเนีย กอนซาเลส (Arsenia Gonzales) เชสเซอร์อเมริกัน ที่โดนลูกบลัดเจอร์ทั้งสองลูกพุ่งใส่หน้าอย่างจังในนาทีที่ 34 นับเป็นความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
อเมริกาทำคะแนนได้สิบสองครั้งจากการรักษาประตูของคีปเปอร์โทโดโรกิ (Todoroki) ฮีโร่ของญี่ปุ่นที่ถูกประเมินค่าต่ำเกินไปทั้งที่เขามีฝีมือยอดเยี่ยม ในขณะที่บีตเตอร์ฮองโกะ (Hongo)และชินโกะ (Shingo)ก็เป็นนักกีฬาที่ไม่ย่อท้ออย่างแท้จริงอีกด้านของสนาม เชสเซอร์ยามากูจิ (Yamaguchi), คุโรซาว่า (Kurosawa) และวากาฮิสะ (Wakahisa) ทำประตูรอดเงื้อมมือของคีปเปอร์ ซูซาน แบลนช์เฟลาเวอร์ (Susan Blancheflower) ไปได้ถึงสิบแปดประตู ก่อนที่ซีกเกอร์ของญี่ปุ่น โนริโกะ ซาโตะ (Noriko Sato) จะจบเกมด้วยหนึ่งในท่าพุ่งดิ่งที่สวยงามที่สุดของการแข่งขัน ด้วยการบินฝ่าลูกบลัดเจอร์และการสู้รบของบรรดาเชสเซอร์ เธอประสบความสำเร็จในการคว้าลูกสนิชจากใต้ส้นเท้าของเมอร์ซี วาร์ดเวลล์ (Mercy Wardwell) เชสเซอร์ของอเมริกา ทิ้งให้ดาไรอัส สแม้กแฮมเมอร์ (Darius Smackhammer) ไม้กวาดล็อกติดกับลูคัส พิกเคอรี่ (Lucas Picquery)
เมื่อกลับสู่พื้นดิน ทั้งสองทีมก็กอดกันอย่างอบอุ่นแสดงถึงน้ำใจนักกีฬา ข่าวล่าสุดเพิ่งมาถึงเราว่าญี่ปุ่นได้มอบของขวัญแก่ทีมอเมริกา ด้วยลูกนก ฮู-ฮู (นกไฟของญี่ปุ่น) ที่ฮือฮาไปกว่านั้นคือกองเชียร์ของอเมริกากลุ่มหนึ่งได้ลักพาตัวฮานส์ ออเกอรี่ที่เป็นมาสคอตของลิกเตนสไตน์ไปก่อนหน้านี้
ขอบคุณพี่จาร์ และพี่ชิน ที่ช่วยตรวจสอบและให้ความรู้ครับ