หลังจากที่ตัวอย่างสุดท้ายของภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (Fantastic Beasts and Where to Find Them) ภาคแรก ออกมาเมื่อเวลาสองทุ่มตรงตามเวลาบ้านเราของวันที่ 28 กันยายน 2016 นี้ ผ่านทางเว็บไซต์ ellentube.com ตัวอย่างดังกล่าวในรูปแบบภาษาไทยก็ออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ดูคลิปตัวอย่างวนซ้ำหลายรอบก็มาเริ่มต้นการวิเคราะห์แรกกันที่…
มีสัตว์วิเศษอะไรบ้างที่ปรากฏในตัวอย่างนี้!
เริ่มต้นกันที่สิ่งมีชีวิตปริศนาที่ตัวสามารถเรืองแสงสีทองได้ ตัวนี้ยังคงเป็นที่สงสัยไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่หากให้คาดเดาเดาว่าจะเป็นฮอร์นเซอร์เพนต์ หรืองูยักษ์มีเขาสัตว์วิเศษของอเมริกา หนึ่งในสัญลักษณ์บ้านของโรงเรียนเวทมนตร์อิลเวอร์มอร์นีของอเมริกา แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน ซึ่งเจ้าตัวนี้เคยปรากฏมาในตัวอย่างก่อนหน้าแล้วที่ปล่อยออกมาในงาน Comic Con ซึ่งตัวอย่างล่าสุดทำให้เห็นว่ามีการปรับแต่งกราฟิกใหม่ไม่น้อยทีเดียว เพราะเจ้าตัวนี้มีขนาดบิ๊กเบิ้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมเทียบกับตัวอย่างก่อนหน้า พบว่าฉากนี้มีความเกี่ยวกับตัวอีรัมเพนท์ที่ปรากฏตัวในช่วงท้ายๆ ของตัวอย่าง
ในฉากนี้ตัดมาจากตัวอย่างก่อนหน้า ที่นิวท์บอกให้เจคอบสวมหมวกเอาไว้ และหมวกใบนี้ก็ไปปรากฏตอนฉากเจคอบหนีอีรัมเพนท์ที่ไล่กวดมาจากด้านหลัง เราเห็นได้ว่าสะพานที่ทั้งสองยืนอยู่คือสะพานเดียวกับในฉากที่เด็กๆ เล่นสเก็ตนำแข็งอยู่
เมื่อพิจารณาจากขนาดของแสงแล้วทำให้เห็นได้ว่าส่วนแหลมสีทองที่ยื่นออกมานั้นมีขนาดใกล้เคียงกับเขาของ อีรัมเพนท์
อีรัมเพนท์เป็นสัตว์แอฟริกาตัวใหญ่สีเทาฤทธิ์มาก เนื่องจากมันมีน้ำหนักตัวเกือบหนึ่งตัน บางครั้งจึงอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแรดได้ถ้ามองในระยะไกล… มันมีเขาที่ใหญ่และแหลมคมงอกอยู่ตรงจมูก และมีหางยาวที่ดูเหมือนเชือก… เขาของอีรัมเพนท์สามารถเสียงทะลุได้ทุกอย่าง… อะไรก็ตามที่ถูกมันแทงจะระเบิดในทันที
จากฉากนี้มีความเชื่อมโยงกับซีนที่มีตัวเรื่องแสงสีทองอยู่ใต้ผิวน้ำ ซึ่งคาดเดาว่าเจ้าอีรัมเพนท์ตัวนี้เองที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งนั่น เพราะเขาและหัวของมันเรืองแสงเพื่อบอกว่ามันกำลังจะระเบิด นั่นทำให้เราได้เห็นความสามารถอีกอย่างหนึ่งของมัน นอกจากมันจะอึดถึกแล้วมันยังดำน้ำไปอีกด้วย และเพื่อให้จัดการจับมันได้ เจคอบต้องทำหน้าที่ล่อมันเพื่อให้นิวท์หาจังหวะจับตัวมัน งานนี้คนที่น่าสงสารและทุลักทุเลจนต้องเอาใจช่วยคงหนีไม่พ้น โนแมจนาม เจคอบ โควัลสกี้ ของเราเป็นแน่แท้!!
ซึ่งหากทั้งหมดตรงตามที่พิจารณา นั่นจะหมายความว่า เด็กโนแมจจะเห็นเจ้าอีรัมเพนท์ใต้ผิวน้ำแข็งก่อน แล้วมันก็ใช้เขาแทงทะลุพุ่งขึ้นมาด้านบน พวกเด็กๆ แตกตื่นวิ่งหนี นิวท์กับเจคอบเห็นเหตุการณ์นั้นเลยตกลงจะจับอีรัมเพนท์ ให้เจคอบไปช่วยล่อไว้ แต่มันก็ล่อได้ยากลำบากจนแตกตื่นเข้ามาในเขตตัวเมือง
นอกจากการเปลี่ยนซีจีของตัวใต้น้ำแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงกราฟิกในส่วนอื่นอีก นั่นคือส่วนของไข่ออคคามี่ที่มีการปรับกราฟิกลดความมันวาวลงไปอย่างมาก เปรียบเทียบได้จากด้านซ้ายเป็นตัวอย่างก่อนหน้า และขวาคือตัวอย่างล่าสุด
ตัวต่อมาก็คือ ก๊อบลิน ซึ่งกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง แสดงโดย Ron Pearlman
โดยก๊อบลินตัวนี้เป็นเจ้าของร้านเหล้าเถื่อนของผู้วิเศษ ที่น่าจะเป็นแหล่งสุมหัวอย่างลับๆ มีชื่อว่า นาร์ลัก (Gnarlak) มีความน่ารักดีเนอะ 55
ส่วนเจ้าตัวนี้ก็คือ นิฟเฟลอร์ สัตว์วิเศษที่หลงใหลของที่ส่องแสงวิบวับ ซึ่งเคยปรากฏตัวแล้วในตัวอย่างก่อนๆ แต่คราวนี้แสบสนมากขึ้น แบบสุดๆ
อีกตัวที่ปรากฏมาก่อนหน้านี้ก็คือ บิลลี่วิก
ตามมาด้วยสัตว์วิเศษตัวใหม่ล่าสุดที่ปรากฏให้เราเห็นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เจคอบร่วงลงมาในกระเป๋าของนิวท์ ที่ไม่เพียงแต่จะบรรจุสัตว์ต่างๆ เอาไว้ กระเป๋าใบนี้ยังบรรจุที่อยู่ของสัตว์ไว้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์เหมาะสมกับสัตว์แต่ละตัวสุดๆ!!!
ตัวคู่แม่ลูกสองตัวนี้ผมไม่แน่ใจว่าคือตัวอะไร แต่ถ้าให้เดาคิดว่าจะเป็นเจ้า แกรปฮอร์น โดยพิจารณาจากหนามแหลมและสี แต่จำนวนเขาในภาพยนตร์ก็ทำให้ไม่แน่ใจเพราะหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ภาษาไทยบรรยายไว้ว่า
ตัวแกรปฮอร์นพบได้ตามบริเวณที่เป็นภูเขาในยุโรป ร่างกายใหญ่ตัว ตัวสีม่วงเทา หลังค่อม มีเขายาวและแหลมคมมากสองเขา เท้าใหญ่โตมีนิ้วข้างละสี่นิ้ว… หลังของแกรปฮอร์นเหนียวยิ่งกว่าหนังของมังกร และป้องกันเวทมนตร์คาถาส่วนใหญ่ได้
ซึ่งทาง Pottermore ได้โพสต์ในทวิตเตอร์ ระบุว่า แม่ลูกคู่นี้เป็นแกรปฮอร์นคู่สุดท้ายที่ได้รับการผสมพันธุ์และเลี้ยงดูโดยนิวท์ สคามันเดอร์ อีกด้วย!
The last breeding pair of Graphorns are in the safe hands of Newt Scamander. #Graphorn #FantasticBeasts pic.twitter.com/zw0giv4oTc
— Pottermore (@pottermore) September 28, 2016
แต่เจ้านกสีชมพูแจ๋นตัวนั้นผมคิดว่าคือเจ้า ฟวูปเปอร์ นกแอฟริกาสีสวยสด ซึ่งในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ระบุว่ามีทั้งสีส้ม ชมพู เขียว มะนาว และสีเหลือง ตัวที่เห็นน่าจะไม่ใช่ตัวที่โตเต็มวัย
ต่อมา
ฝูงสัตว์กลุ่มนี้ผมคิดว่าเป็น มูนคาล์ฟ เพราะสังเกตจากการที่มันแหงนหน้าเฝ้ามองพระจันทร์ด้วยความจดจ่อ ในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่บอกว่า
“มูนคาล์ฟเป็นสัตว์ขี้อายมาก จะโผล่ออกจากโพรงเฉพาะเมื่อพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ลำตัวของมูนคาล์ฟเรียบลื่นเป็นสีเทาซีด มีดวงตากลมโปนอยู่บนหัวและมีขายาวเก้งก้างสี่ข้าง เท้าของมูนคาล์ฟแบนและใหญ่มาก”
แต่เมื่อพิจารณาจากคำอธิบายว่ามีขายาวเก้งก้าง เจ้าตัวที่ยืนตรงกลางเด่นสุดกลับแสดงให้เป็นว่ามันไม่ได้มีขายาวเก้งก้าง เฉพาะสัตว์กลุ่มนี้อาจไม่ใช่มูนคาล์ฟก็ได้
เจ้าตัวนี้ก็คือโบวทรัคเกิลที่ปรากฏตัวเรียกความน่ารักให้เราเห็นก่อนหน้านี้ โบวทรัคเกิลเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ต้นไม้
และพวกนี้ก็คือออคคามี่น้อยทีฟักออกมาจากไข่สีเงิน พวกมันเป็นงูที่มีขาสองข้างและมีปีก และออคคามี่ที่โตเต็มวัยนั้นดุร้ายกับใครก็ตามที่เข้าใกล้อีกด้วย ส่วนตัวเต็มวัยก็เคยปรากฏให้เราเห็นแว๊บๆ มาแล้วในตัวอย่างที่แล้ว และครั้งนี้มาให้เห็นเต็มๆ ด้วยขนาดใหญ่โตทีเดียว
ตัวต่อมาเป็นสัตว์ดุร้ายแน่นอน
ซึ่งผมเข้าใจว่ามันคือเจ้า ไคมีร่า ประเภทที่กระทรวงเวทมนตร์จัดไว้คือ XXXXX หรืออันตรายระดับเพชฌฆาต แต่ทาง Pottermore ระบุว่ามันคือตัวนันดุครับ
…นันดุเป็นเสือดาวตัวมหึมาซึ่งเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบกริบผิดรูปร่าง ลมหายใจของมันสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงขนาดฆ่าคนได้ทั้งหมู่บ้าน นันดุอาจปราบได้แต่ต้องใช้พ่อมดฝีมือดีไม่ต่ำกว่าร้อยคน
ตอนแรกผมพิจารณาจากถุงผมรอบคอว่ามันดูคล้ายกับสิงโต แต่พอพิจารณาใบหน้าดีๆ แล้ว ดูจะหนักไปทางเสือมากกว่าสิงโต เพราะลักษณะของใบหน้าและดวงตาตอนที่ยังไม่คำรามและตอนที่แหงนหน้าอ้าปากหนักไปทางเสือมากกว่า
และพิจารณาจากลายตามตัวแล้วคิดว่าความเห็นของทาง Pottermore นั้นใกล้เคียงและเป็นไปได้มากกว่า เพราะถุงลมรอบคอของมันอาจเอาไว้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงก็ได้
ตัวสุดท้ายที่ถึงแม้จะปรากฏมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้กลับมาอย่างโดดเด่นและเป็นตัวละครที่น่าจะสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้หรืออย่างน้อยก็ในภาคแรกนี้ นั่นคือนก ทันเดอร์เบิร์ด นกวิเศษของอเมริกาที่มีความสามารถในการสร้างพายุ ในตัวอย่างนี้เราเห็นศักยภาพของมันอย่างชัดเจนทีเดียว
และจากตัวอย่างสุดท้ายตัวนี้เองที่ทำให้เราได้คำตอบชี้ชัดแล้วว่าสัตว์วิเศษที่ปรากฏอยู่ในโลโก้ภาพยนตร์ตัวนี้คือตัวอะไร นั่นก็คือทันเดอร์เบิร์ดตัวนี้นั่นเองครับ ซึ่งพิจารณาจากทรงหัว ปีก เส้นขนด้านหลังหัว แล้วหางที่ยาวสวยงามนั่นเอง
เท่านั้นยังไม่พอ ดูเหมือนว่าทันเดอร์เบิร์ดยังมีสัญชาตญาณยอดเยี่ยมในการรับรู้ถึงภัยอันตราย ดังจะเห็นได้จากช่วงนาทีที่ 1:32 ที่นิวท์บอกว่ามันรับรู้ได้ถึงอันตราย
แล้วสิ่งที่ได้จากตัวอย่างล่าสุดนี้ล่ะ?
จากฉากเปิดของตัวอย่างนี้ อนุมานได้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายปี เพราะมีหิมะปกคลุมแล้ว และหากภาคแรกดำเนินไปจนถึงสิ้นปีหรือเข้าปีใหม่ เราอาจได้เห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกเล่าการกำเนิดของทารกที่มีชื่อว่า ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล เพราะเหตุการณ์ในสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่เริ่มต้นขึ้นในปี 1926 และโวลเดอมอร์เองก็เกิดในวันที่ 31 ธันวาคม 1926 อีกด้วย!!!
ความปลุกปั่นความเกลียดชังยิ่งยวดในหมู่โนแมจ
สิ่งแรกที่ได้อย่างชัดเจนจากตัวอย่างนี้คือการปรากฏตัวเป็นครั้งแรกของโนแมจ (ผู้ไร้เวทมนตร์) นาม แมรี่ ลู แบร์โบน (Mary Lou Barebone) รับบทโดยซาแมนท่า มอร์ตัน (Samantha Morton) แกนนำของกลุ่มเรียกร้องเซเล็มที่สองในอเมริกา ออกมากระพือแรงเกลียดชังผู้วิเศษ
“มีบางอย่างก่อกวนเมืองเรา… อนาคตของอเมริกา… สร้างความเสียหาย… แล้วจากไปอย่างไร้ร่องรอย… พวกแม่มดปะปนอยู่กับเรา”
นี่คือบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มปวงชนที่สองแห่งเซเล็ม ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแนวคิดที่ไม่ยินดีกับการมีอยู่ของอันตรายอย่างผู้วิเศษ
ทำความรู้จักกับพวกแบร์โบน
ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลแบร์โบน เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่งแต่ก็ไม่ได้สนใจจนวันนี้ (29 ก.ย.) ผมได้ไปอ่านวนบทความ กฎแรพพาพอร์ต อีกครั้งถึงได้อ้าปากค้างอย่างแรง!!! เพราะนามสกุลที่ว่านี้เป็นนามสกุลของ บาร์โทโลมิว แบร์โบน ซึ่งเธอเป็นเชื้อสายตรงของพวกสเคาเรอร์ ที่สร้างความวุ่นวายให้แก่ชุมชนผู้วิเศษถึงขนาดรู้รายชื่อพ่อมดแม่มดและที่อยู่อย่างละเอียดในยุคสมัยนั้น และเป็นคนเปิดเผยที่ซ่อนของที่ตั้งสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1790
พวกสเคาเรอร์ที่ว่านี้ หมายถึงกลุ่มพ่อมดแม่มดรับจ้างที่ไร้ศีลธรรม ที่ไม่ได้รับจ้างฆ่าเฉพาะอาชญากรแต่รวมถึงใครก็ตามที่มีค่าหัวคุ้มค่าพอให้ฆ่าอีกด้วย ทั้งยังมีการค้ามนุษย์ในหมู่ผู้วิเศษด้วยกันภายใต้ฝีมือโหดเหี้ยมของสเคาเรอร์กลุ่มนี้อีกด้วย!! แต่เพราะในภายหลังถูกกวาดล้างทำให้กลุ่มสเคาเรอร์แตกกระสานซ่านเซ็นหลบหนีไปอยู่กับพวกโนแมจ สิ่งที่โหดเหี้ยมที่สุดก็คือ ลูกของเขาไม่ว่าจะคนไหนก็ตาม หากถูกสังเกตได้ว่ามีเวทมนตร์จะถูกกำจัดทิ้งไปทันที หนำซ้ำยังเลี้ยงดูลูกๆ ให้มีทัศนคติที่เกลียดชังแม่มดและพ่อมดอย่างยิ่งยวด
ฉะนั้น แมรี่ ลู แบร์โบน ก็คือโนแมจที่เกลียดแม่มดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ เพราะเป็นเชื้อสายสเคาเรอร์ที่มีเวทมนตร์แต่รังเกียจพ่อมดแม่มดด้วยกันเอง!!! และลูกเลี้ยงอย่างครีเดนซ์ แบร์โบนคนนี้จะเป็นแค่โนแมจธรรมดาที่ไร้เวทมนตร์ หรือมีความลับอื่นๆ ซ่อนอยู่อีก แท้จริงแล้วเขาเป็นแค่โนแมจธรรมดาที่แมรี่ ลู รับมาเลี้ยงไว้รึเปล่า
ด้วยเหตุนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านโลกเวทมนตร์แห่งอเมริกาเหนือ ผมขอย้ำอีกครั้งให้คุณไปอ่านมัน!!! คลิกเลย
ความเชื่อมโยงถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์
แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในปี 1926 ซึ่งก่อนแฮร์รี่ พอตเตอร์ เกิด (1980) มาหลายปี ทว่าสิ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้คือเส้นความสัมพันธ์ทางเหตุการณ์ที่มี เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ อดีตเพื่อนรักของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่กลายมาเป็นพ่อมดมืดคนก่อนหน้าโวลเดอมอร์เข้ามาเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย! เห็นได้จากช่วงนาทีที่ 1:40
ประธานาธิบดี เซราฟิน่า ฟิกคิวรี ผู้นำของมาคูซ่า (MACUSA) หรือสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่า “เรื่องนี้เชื่อมโยงกับการโจมตีของกรินเดลวัลด์ในยุโรป มันอาจหมายถึงสงคราม”
นี่เองคือจุดน่าสนใจที่ทำให้เกิดความพลิกผันในชีวิตของสี่ตัวละครหลักคือ นิวท์ สคามันเดอร์, พอร์เพนทีน่า (ทีน่า) โกลด์สตีน, ควีนนี่ โกลด์สตีน และเจคอบ โควัลสกี้ เพราะนิวท์ทำให้สัตว์วิเศษหลุดออกมาสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้ชุมชนผู้วิเศษในอเมริกาและในหมู่ชนโนแมจ จากความเสียหายใหญ่หลวงนี้เองทำให้ทางมาคูซ่าลงความเห็นว่า นิวท์ ซึ่งเดินทางมาจากอังกฤษมีจุดประสงค์เพื่อปลุกปั่นให้เกิดสงครามระหว่างผู้วิเศษและโนแมจในอเมริกา
เรียกว่าความซวยที่สัตว์หลุดออกมาจากกระเป๋ายังแย่ไม่พอ ยังโดนข้อหาตั้งใจปลุกปั่นให้เกิดสงครามอีกด้วย แถมคนที่เคียงข้างและออกโรงปกป้องเขาอย่าง ทีน่า โกลด์สตีน ที่ทำงานเป็นมือปราบมารของมาคูซ่ายังต้องมารับความซวยนี้ไปด้วย
และแน่นอนในนาทีสุดท้ายก่อนตัดไปทางโลโก้ เพอร์ซิวาล เกรฟส์ ได้พูดกับนิวท์ว่า “เวลากำลังจะหมดแล้วคุณสคามันเดอร์” จุดนี้น่าจะหมายความว่า เพื่อให้โอกาสแก่นิวท์ ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาจะต้องจับสัตว์ทั้งหมดนั้นกลับไปให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด ไม่งั้นจะถือว่ามีความผิดฐานยุยงจงใจให้เกิดสงครามในอเมริกา และนั่นหมายความว่าโทษหนักหนาแน่นอน
นิวท์ สคามันเดอร์ เป็นพ่อมดเถื่อน!!
เราได้เรียนรู้จากคำพูดของทีน่า โกลด์สตีน (ภรรยาในอนาคตของนิวท์) ว่านิวท์ สคามันเดอร์ ของเราเป็นพ่อมดที่ไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งจากความเข้าใจของผมคิดว่า การลงทะเบียนนี้หมายถึงการลงทะเบียนไม้กายสิทธิ์ โดยพิจารณาจากเนื้อหาใน “โลกเวทมนตร์แห่งอเมริกาเหนือ” ระบุไว้ว่าในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา พ่อมดแม่มดในยุโรปต้องมีใบอนุญาตพกพาไม้กายสิทธิ์เป็นหลักฐานให้ตรวจสอบ เพื่อให้ทางการได้ตรวจสอบทุกความเคลื่อนไหวและทุกการกระทำของไม้กายสิทธิ์นั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อนิวท์เดินทางมาถึงนิวยอร์กด้วยการใช้เส้นทางโดยสารของโนแมจ (หรือมักเกิ้ล) โดยไม่ได้ทำการขึ้นทะเบียนอนุญาตพกพาไม้กายสิทธิ์ ทำให้เขากลายเป็นพ่อมดลอบเข้าเมืองไปโดยปริยาย
- ลอบเข้าเมือง
- ไม่ขึ้นทะเบียนพกพาไม้กายสิทธิ์
- ทำสัตว์วิเศษหลุดออกมาจนสร้างความวินาศไปทั่วภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
- โดนต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรินเดลวัลด์ พ่อมดมืดที่เรืองอำนาจในยุคสมัยนั้น
อะไรจะซวยหนักขนาดนี้เนี่ยคุณสคามันเดอร์!
ในความมืดยังมีแสงสว่าง?
ดูเหมือนความภักดีของเพอร์ซิวาล เกรฟส์จะเกิดความสั่นคลอนรึเปล่าเมื่อพิจารณาจากคำพูดของเขาที่บอกว่า
ดูเหมือนการอุทิศตัวของเขาถูกทำให้พังทลายลงอย่างเจ็บปวด เพราะสีหน้าและแววตาของเกรฟส์สื่อสารอย่างชัดเจนว่าความภักดีที่เขามอบให้นั้นมอบให้ผิดคน นี่หมายถึงคประธานเซราฟิน่ารึเปล่าที่ทำให้เขาหมดศรัทธา? ดูเหมือนจะมีการตัดสินใจบางอย่างที่ผิดพลาดเกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ความไว้วางใจ ความภักดี และความอุทิศตนปกป้องของเกรฟส์สิ้นสุดลง
แต่เมื่อพิจารณาอีกแง่มุมโดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมแล้วไม่น่าจะใช่ในมาคูซา น่าจะเป็นสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนมากกว่า เทียบเคียงจากภาพโปรโมตก่อนหน้านี้ในนิตยสาร EW
ฉะนั้นการไม่ยอมก้มหัวที่ว่านี้คงหมายถึงในความหมายอื่น คือการที่จะไม่อ้อนวอนหรือขอร้องให้ช่วยเหลือ ไม่อ่อนน้อม ไม่อ่อนข้อ ไม่ยอมก้มหัวให้อีกแล้ว หรือหมดสิ้นความเคารพให้เกียรติกันแล้ว แต่เป็นการตัดสินใจยุติปัญหานี้ด้วยตัวของเขาเองก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน
แต่พอดูวนซ้ำๆ หลายรอบแววตาสีหน้าของครีเดนซ์แสดงความเจ็บปวดล้ำลึกมากๆ ในการพูดประโยคนี้ออกมา หรือนอกจากเซราฟิน่าที่เขาภักดีแล้ว ยังมีคนอื่นที่เขาให้ความภักดีอีก?
และดูเหมือนคนอย่างเพอร์ซิวาล เกรฟส์ จะหันมาใช้วิธีที่ละมุนละม่อม ด้วยการใช้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะลูกเลี้ยงของ ครีเดนซ์ แบร์โบน (Credence Barebone) ซึ่งแสดงโดย เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) ลูกเลี้ยงของแมรี่ ลู ในการพลิกประวัติศาสตร์และยุติสงครามครั้งนี้รึเปล่า?
คำพูดที่เขาบอกว่า เราอยู่ในเงามืดมานานเกินพอ หมายความถึงการหลบซ่อนของผู้วิเศษต่อสังคมโนแมจใช่ไหม และนี่หมายความว่าครีเดนซ์มีเวทมนตร์ด้วยรึเปล่านะ? ในเมื่อเขาใช้คำว่าเรา และมีความมุ่งมั่นหว่านล้อมด้วยความหวังว่าเราจะออกจากเงามืดนี้ไปสู่แสงสว่าง ไปสู่การยอมรับ การเปิดเผย
หรือหากพิจารณาอีกแง่ ถ้าเกรฟส์ไม่ใช่พ่อมดที่ดีล่ะ? การออกมาจากเงามืดที่ว่านี้อาจหมายถึงการคืนอิสรภาพให้พวกสเคาเรอร์ก็เป็นได้!!
ชักน่าสนใจกับความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้แล้วซิ
สำหรับตัวอย่างล่าสุดที่ได้ดูไปนี้ ยอมรับเลยว่าทางทีมงานใส่ใจและให้ความสำคัญในการดึงเอาอารมณ์เก่าๆ จากแฮร์รี่ ให้หวนกลับมาคิดถึงได้อีกครั้ง อย่างการเสกคาถาคุ้มภัยของมือปราบมารที่ช่วยกันเสกออกมาในรูปแบบเดียวกับที่เคยเสกเพื่อปกป้องฮอกวอตส์ ทำให้แฟนๆ มีความยิ้มได้เบาๆ
ซึ่งฉากนี้ในความเห็นของผมคิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พ่อมดและโนแมจยินยอมอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองได้แล้ว และมือปราบมารเสกคาถาคุ้มภัยเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์วิเศษเข้ามาในเขตพื้นที่ที่โคมคาถาอารักขาไว้ แต่ก็ไม่แน่พวกเขาอาจใช้เพื่อป้องกันจากการโจมตีของโนแมจที่ใช้อาวุธสงครามก็ได้เหมือนกัน เรียกว่าต้องตั้งรับทั้งจากสัตว์วิเศษและโนแมจเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยภาพโปสเตอร์ล่าสุดของภาพยนตร์
ภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (Fantastic Beasts and Where to Find Them) ภาคแรก มีกำหนดฉายในประเทศไทยวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ ในรูปแบบ 3D และ IMAX