ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์: สวนสนุก The Wizarding World of Harry Potter, Universal Studios Japan รอบ2

“ถ้าได้ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้ว และชอบเที่ยวด้วย งานโปรเจคต์ตามรอยนี้จะไม่จบง่ายๆสินะ 555” นี่คือความจริงที่เป็นเสียงก้องในหัวพี่ลิลี่ตลอด แล้วการไป USJ รอบ2 นี้ก็เพราะเหตุผลนี้ใช่ไหม เอ่อคือ…มันก็ใช่น่านะ แต่ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากพี่ลิลี่ไปญี่ปุ่นงวดนี้เพื่อไปดูไลฟ์คอนเสิร์ตนักร้องคนโปรดด้วยแหละ แฮะๆ แต่ค่ะแต่ พี่ลิลี่ก็มิวายเลือกการแสดงรอบที่จัดโอซาก้านะ ก็แหม ไปญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องแวะไปอัพเดตโซนแฮร์รี่ของ USJ กันหน่อยเนอะ ไม่ได้ไปตั้งเกือบ 2 ปีละ ^^

USJ

วันที่ 8 กรกฎาคม 2016

ด้วยความที่ว่าทริปญี่ปุ่นคราวนี้เป็นการตัดสินใจแบบค่อนข้างกะทันหัน แถมมีลิมิตเวลาเที่ยว (อันที่จริงไม่ควรเรียกว่าเที่ยวนะ ถ้าจะไปที่ๆเคยไปมาแล้วแทบทั้งนั้น -,-‘) ก็มีแค่ 3 วันเต็ม พอจัดล็อตเวลาไปๆมาๆ USJ เลยมาลงเอยวันที่ 2 ของทริปจ้า และเราก็ตั้งเป้าหมายการตามรอยฯรอบนี้อย่างชัดเจนว่า “เก็บรายละเอียดจุดเครื่องเล่น (โดยเฉพาะเครื่องเล่นใหม่) และรีวิวของกินจัดเต็ม!” เพราะฉะนั้นจัดไปค่า!!!

สำหรับวันนี้ออกสายค่า คือง่วงไง แฮะๆ สุดท้ายกว่าจะออกจากสถานีรถไฟ Shin Imamiya แถวโรงแรมก็ปาไป 8.45 น. ต้องนั่งสาย JR Osaka Loop Line ไปลงสถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนไปนั่งสาย JR Yumesaki Line ไปถึงสถานี Universal City (รวมเบ็ดเสร็จ 180 เยน เพราะเป็นรถไฟ JR ทั้งคู่) ซึ่งกว่าจะถึงก็ปาไป 9.15 น.แล้ว (ดูๆ ไหนเมื่อวานตั้งใจจะไปก่อนเวลาเปิด 9 โมง สักครึ่งชั่วโมงล่ะตัวเธ๊อ!!)

[แผนที่เส้นทางรถไฟ  >>คลิกที่นี่<<]      [ตารางเวลารถไฟ  >>คลิกที่นี่<<]

เรื่องสายยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องฝนตกตามพยากรณ์อากาศเป๊ะเนี่ยสิ เหอะๆ ชีวิต ถึงจะพกร่มมาด้วยก็เหอะ T^T ถึงแม้ตอนเช้าจะแค่ตกปรอยๆก็ตาม พอเดินออกจากสถานี Universal City เราก็เดินไปเรื่อยๆจนเจอร้าน Jump Shop และด้วยความที่ว่าเราก็ชอบการ์ตูน One Piece ก็เลยเดินไปส่องๆถ่ายรูปไว้ก่อน เพราะร้านยังไม่เปิด ว่าจะออกมาดูอีกทีขากลับเพราะร้านจะเปิดถึง 4 ทุ่ม

ทีนี้พอไปถึงประตูใหญ่ซึ่งตกแต่งธีมฉลองครบรอบ 15 ปี เราก็เริ่มปฏิบัติการอัดคลิปตามรอบฯตอน 20 เลยจ้า แล้วถึงมุ่งหน้าไปซื้อตั๋วเข้าแบบ 1 วันราคา 7,400 เยน พร้อมแผนที่ภาษาอังกฤษ น่าเสียดายที่คราวนี้ตั๋วรูปที่ได้เป็นรูปฉลองครบรอบ 15 ปี เลยอดได้รูปแฮร์รี่เลย

[ตั๋วประเภทต่างๆ  >>คลิกที่นี่<<]

พอได้ตั๋วแล้ว เราก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปจุดกดตั๋วคิวจุดเดิมกับเมื่อ 2 ปีก่อนเลย ก็ปาไป 9.30 น.แล้วนี่ แต่ปรากฏว่าไม่มีตู้กดจ้า ก็เงิบสิค่ะ งงด้วย แต่ดีที่มีเจ้าหน้าที่อยู่แถวนั้น เราก็บุกจู่โจมถามเลยว่าจะเข้าโซนแฮร์รี่ไม่ต้องกดคิวเหรอ เขาก็บอกว่าไม่ต้อง ให้ไปเข้าโซนได้เลย (แต่น้องที่ไปรอบหลังจากเรา 1 สัปดาห์บอกว่าตอนช่วงเช้าไม่ต้องกด แต่พอเข้าช่วงเย็นอีกรอบต้องกด) เราก็รีบวิ่งกลับสิคะ รอไร 555 แล้วไปถึงลานหินก็อัดวีดีโอคลิปอีก และที่หน้าประตูฮอกส์มี้ดก็ไม่เว้น (งานนี้อัดวีดีโอตามรอยเป็นหลัก ถ่ายรูปเป็นรองค่ะ)

และเป้าหมายแรกของเราก็คือเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff ซึ่งต้องรอคิว 1 ชั่วโมงโดยประมาณ (เพราะเราไม่ยอมเสียตังซื้อ express pass ก็ต้องทนรอไปค่ะ) ด้านในระหว่างต่อแถวรอ เราจะได้เห็นพวกกองลังไม้ของแฮกริด บ้านของแฮกริด รถมอเตอร์ไซด์ของซิเรียส แปลงฟักทอง หุ่นไล่กา และระหว่างรอจะได้ยินเสียงแฮกริดภาษาญี่ปุ่นด้วยน้า สลับไปกับเพลงในเรื่องแฮร์รี่ กับเสียงมนุษย์หมาป่าหอน พอถึงคิวเราได้เล่น เจ้าหน้าที่จะให้เราข้ามรถไฟเหาะฮิปโปกริฟฟ์เอาพวกสัมภาระกระเป๋าไปวางไว้ที่ชั้นวางของก่อน แล้วถึงให้มานั่งในรถไฟเหาะ เช็คอุปกรณ์ให้พร้อม แล้วก็เล่นเลยจ้า แรงเหวี่ยงของเครื่องเล่นไม่ได้แรงมากนักหรอก และถ้าจะให้ฟินก็หอนเหมือนมนุษย์หมาป่าไปด้วยเลย อิอิ อ่อ! แล้วระหว่างเล่นนะ ถ้าไม่เผลอหลับตาจะเห็นบัคบีคด้วยล่ะ

ทีนี้พอเล่นเสร็จเกือบๆ 10.40 น. ก็ไปเอาของที่ชั้นแล้วก็ออกด้านข้างฝั่งใกล้ๆกลุ่มธงประจำบ้านซึ่งตอนนี้เป็น 1 ในจุดเล่นไม้กายสิทธิ์ Interactive ด้วย แต่ถ้าเราอยากจะถ่ายรูปกับธงแต่ละบ้านก็ได้เหมือนกันนะ และถ้าเดินเลยไปอีกนิดก็จะมีกระโจมที่เราจะเข้าไปแต่งหน้า face painting ได้ แต่เสียดายที่วันที่มานี่เขาปิดอ่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าจะเปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ (ซะงั้นเนอะ เมื่อ 2 ปีก่อนก็พลาดลืมเข้า 555)

พอดูเวลาแล้ว เราคิดว่าไปเข้าปราสาทเลยดีกว่า แล้วพอเล่นเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey เสร็จค่อยไปหาที่นั่งกินข้าวปั้นที่ซื้อมาจากร้าน Lawson ไว้ (พูดง่ายๆก็คือขอกินมื้อหลักแบบจนๆ แต่กินของหวานแบบลั้นลา 555) อ่อ! เรื่องเข้าคิว ต้องเข้าให้ถูกด้วยนะจะได้ไม่พลาด หลักๆจะมี 3 แถว

  • แถวซ้ายสุดใกล้ทะเลสาบจะเป็นแถวสำหรับเดินเข้าชมปราสาทอย่างเดียว สังเกตง่ายๆเวลาเข้าแถวจะสั้น
  • แถวกลางจะเป็นแถวสำหรับคนทั่วไปเข้าไปเล่นเครื่องเล่น
  • แถวขวาสุดจะสำหรับพวกที่มี express pass ที่ไม่ต้องรอนานเกินเหตุ

ทว่าพอเข้าคิวแล้ว ขณะที่ฝนก็ขยันตกเป็นอุปสรรคทั้งวันเหลือเกิน อากาศก็ร้อน มีความรู้สึกเหนอะหนะตัวเป็นอย่างที่สุด เราก็ต้องผงะยอมรับชะตากรรมว่า การรอคิวนี้ท่าทางจะไม่ใช่แค่ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆแล้วจ้า สรุปล่อไปเกือบ 3 ชั่วโมงจ้า (หิวข้าวเลย T^T) แล้วพอเข้าไปด้านในปราสาท ก็ต้องมาอ้าวอีกรอบ เพราะว่าเส้นทางการเดินในปราสาทก่อนเล่นเครื่องเล่นเปลี่ยนไปจ้า จากแต่ก่อนเมื่อ 2 ปีก่อน เขาจะให้เราได้เดินดูปราสาทและของตกแต่งก่อน (เช่น รูปสุภาพสตรีอ้วน ห้องทำงานดัมเบิลดอร์ ห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ ห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ฯลฯ) แล้วถึงให้ไปเอาของเก็บตู้ล็อกเกอร์ (ซึ่งมีไซส์เดียว ขนาดความสูงเท่า 2 ฝ่ามือผู้ใหญ่ ตัวกุญแจล็อคจะติดกับห่วงคล้องข้อมือให้เราพกกับตัวระหว่างเล่น) ก่อนเล่น แต่มาคราวนี้ เส้นทางบีบให้เราพอเข้าปราสาทปุ๊บ ต้องเอาของไปเก็บล็อกเกอร์เลย (ซึ่งโดยปกติเพื่อความปลอดภัยของกล้องและโทรศัพท์มือถือของเราเอง ก็ควรเอาเก็บไว้ในล็อกเกอร์น่ะนะ) แล้วถึงเดินไปตามทางที่มีของตกแต่ง (สามารถดูได้จากตามรอยฯรอบที่แล้ว >>คลิกที่นี่<<) จนไปถึงห้องกระจกเงาที่มีที่นั่งเลื่อนมาเรื่อยๆพร้อมให้เราเข้าไปเล่นเครื่องเล่นแบบ 3D4K ที่ว่านี้ และจะได้เจอกับแรงเหวี่ยงขึ้นๆลงๆ เหมือนว่าเรากำลังขี่ไม้กวาดอยู่แล้วไปเจอหลายๆเหตุการณ์ เจอสารพัดสิ่ง เช่น มังกร ผู้คุมวิญญาณ แมงมุมยักษ์ ฯลฯ

[ตัวอย่างเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey]

กว่าจะเล่นเสร็จก็เกือบบ่าย 2 หิวสุดๆอ่ะ (ไม่ได้กินข้าวเช้ามาด้วยแหละ) ประมาณว่าออกไปเข้าห้องน้ำ ไปอัดเสียงเมอร์เทิลสักพัก แล้วไปหาที่นั่งกินข้าวก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับมาร้านค้าตรงห้องทำงานของฟิลช์ (คือเวลาเล่นเครื่องเล่นเสร็จจะต้องออกมาเจอร้านค้า) ซึ่งแน่นอนว่าก็ไปนั่งกินที่ลานด้านนอกของร้านไม้กวาดสามอันแหละ

[ตัวอย่างเสียงเมอร์เทิลภาษาญี่ปุ่นในห้องน้ำ]

แต่ก็มิวายคำว่าหิว อยากกินข้าวของเรานั้น ก็ลงเอยหลังจากทำภารกิจอันได้แก่ 1.ไปอัดวีดีโอคลิปวิธีการเล่นไม้กายสิทธิ์ Interactive ของคนอื่น 5 จุด ในส่วนของ

  • จุดธงป้ายผ้า 4 บ้าน (ร่ายคาถา Ventus ให้ป้ายผ้าปลิว)
  • จุดกล่องควิดดิช (ร่ายคาถา Wingardium Leviosa ให้ลูกควัฟเฟิลลอย)
  • จุดกระเป๋าสัมภาระข้างรถไฟ (ร่ายคาถา Cistem Aperio ให้พวกกระเป๋าเปิด)
  • จุดปล่องไฟ (ร่ายคาถา Incendio ให้ไฟพุ่งจากปล่องไฟ)
  • จุดกล่องดนตรี (ร่ายคาถา Arresto Momentum ให้หุ่นมังกรบนกล่องดนตรีเลิกบินวน)

2.ไปถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟที่ตัวสูงมาก (ได้ข่าวว่าเราสูง 173 นะ เจอหนุ่มคนนี้เข้าไป เรารู้สึกเตี้ย 555)

และ 3.ไปซื้อไอศครีมบัตเตอร์เบียร์ 500 เยน (ซึ่งรสชาติหวานมากๆ) และบัตเตอร์เบียร์แบบปกติ แก้ว souvenir 1,100 เยนมากินเพื่อรีวิวและไลฟ์เฟสบุ๊คก่อน ถึงได้ฤกษ์กินข้าวกลางวันจริงๆเอาตอนบ่าย 2 ครึ่ง 555 (นี่ขนาดบ่นว่าหิวนะ ;P) อ่อ! ดูเหมือนราคาบัตเตอร์เบียร์เจ้ากรรมในส่วนของแบบ Frozen เพิ่งจะเปลี่ยนเดือนกรกฎานี้ด้วย เลยกลายเป็นว่า

  • บัตเตอร์เบียร์แบบปกติจะมีแบบราคาแก้วพลาสติกใส 600 เยน แก้ว souvenir 1,100 เยน แก้ว premium stein 3,980 เยน
  • บัตเตอร์เบียร์แบบ Frozen (แบบแช่แข็ง) จะมีแบบราคาแก้วพลาสติกใส 750 เยน แก้ว souvenir 1,250 เยน แก้ว premium stein 3,980 เยน

โดยบัตเตอร์เบียร์นี่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสมนะ เป็นน้ำอัดลม ใส่วิปครีม มีกลิ่นเนยคาราเมลประมาณนั้น ส่วนแบบแช่แข็งก็คือบัตเตอร์เบียร์ปั่นนั่นเอง (เนื้อจะนิ่มเข้ากันดี อารมณ์เหมือนเรากินมูลาเต้ของแดรี่ควีนน่ะ)

พอกินข้าวเสร็จรวมถึงไอศครีมและบัตเตอร์เบียร์ที่ยังเหลือครึ่งแก้วอยู่ เราก็ยังไม่เลิกกินจ้า 555 เข้าร้านฮันนี่ดุกส์ไปซื้อเค้กหม้อใหญ่ (Cauldron Cake) ราคา 800 เยนไปนั่งกินที่ร้านหัวหมูต่อจ้า (พอดีตอนนั้นข้างนอกฝนเริ่มตกหนัก) อ่อ! เรื่องพื้นที่ร้านฮันนี่ดุกส์กับร้านซองโก้มีการเปลี่ยนแปลงจาก 2 ปีก่อนล่ะ ตอนนี้ร้านซองโก้โดนหดเล็กลง โดนร้านฮันนี่ดุกส์ขยายพื้นที่ และทางออกหลังร้านที่เราเคยออกไปถ่ายรูปก็ออกไปไม่ได้แล้ว เพราะเขาปิดทางไว้สำหรับจุดเล่นไม้กายสิทธิ์ Interactive

พอจัดการสวาปามเสร็จสรรพทุกอย่าง 55 ก็ไปเข้าห้องน้ำล้างแก้ว ฟังเสียงเมอร์เทิลอีกรอบ (ชอบเสียงนาง งุ้งงิ้งดี) แล้วถึงไปต่อแถวเข้าร้านไม้กายสิทธิ์ของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ (ช่วงบ่ายนี่ฝกตกเม็ดใหญ่เลยจ้า T^T) งวดนี้แม้ด้วยสภาพอากาศฤดูร้อนจะไม่เอื้ออำนวยให้ใส่ชุดคลุมแม่มด แต่เราก็ใส่เดรสลายแผนที่ตัวกวนเอาเคล็ด เผื่อจะโชคดีได้รับเลือกให้เล่นละครร่วมกับมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์แบบสาวผิวสีเมื่อรอบ 2 ปีก่อน แต่พอเข้าไปถึง เราอุตส่าห์พยายาม (เสนอหน้า) อยู่ด้านหน้าแล้วนะ ท่องมนตร์ ‘เลือกฉันเด่ะ ๆ !!’ ปรากฏว่ามิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ดันเลือกน้องจีนเสื้อขาวธรรมดาๆ ที่แลดูจะงงๆ ภาษาไม่แข็งแรงซะงั้นอ่ะ เซ็งเป็ดเซ็งห่าน หมดความฟินกันเลยง่ะ 🙁 พอดูการแสดงของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์เสร็จ เราก็ไปถ่ายคลิป และเลือกดูไม้กายสิทธิ์ Interactive ที่จะเอาไปเล่นซะหน่อย เราเลือกไม้เอลเดอร์ ของดัมเบิลดอร์จ้า ราคา 4,900 เยน และตอนที่เราไปจ่ายเงินเขาก็จะให้แผนที่จุดเล่นไม้กายสิทธิ์ Interactive ด้วยแหละ (คือส่วนใหญ่เด็กจะเล่นกันน่ะนะ แต่ผู้ใหญ่อายุเท่าๆเราก็มีเล่น ก็แหม จะแคร์ไปทำไม 555 ไม่ได้ไปแทรกแถวใครสักหน่อย) และเราก็ถามเขาด้วยเรื่องการขอคืนภาษี Refund Tax สำหรับนักท่องเที่ยว เขาก็เลยให้แผนที่กับแนะนำมาว่าต้องไปทำเรื่องที่ตรงร้านแถว ๆ จุดขายตั๋วหน้าทางเข้าหลัก สำหรับราคาไม้กายสิทธิ์แบบต่างๆที่ขายในร้านไม้กายสิทธิ์ของมิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ก็ตามนี้ค่ะ

  • ไม้กายสิทธิ์ตัวละครต่างๆแบบธรรมดาไม่มีไฟ (กล่องสีดำป้ายชื่อธรรมดา) 4,500 เยน
  • ไม้กายสิทธิ์เฉพาะตามชนิดไม้ต่างๆแบบธรรมดาไม่มีไฟ (กล่องสีดำป้ายสัญลักษณ์วงกลม) 4,500 เยน
  • ไม้กายสิทธิ์ตัวละครต่างๆแบบ Interactive (กล่องหลากสีป้ายชื่อสีทอง) 4,900 เยน
  • ไม้กายสิทธิ์เฉพาะตามชนิดไม้ต่างๆแบบ Interactive (กล่องหลากสีป้ายสัญลักษณ์วงกลม) 4,900 เยน

โดยไม้กายสิทธิ์แบบธรรมดาจะมีชื่อเรียกคือ Original Wand ส่วนไม้กายสิทธิ์แบบ Interactive จะเรียกว่า Magical Wand ไม้กายสิทธิ์ตัวละครจะมีให้เลือกหลายตัวละครมาก ส่วนไม้กายสิทธิ์เฉพาะตามชนิดไม้ก็จะมีตามนี้

  • ไม้ฮอว์ทอร์น (Hawthorn)
  • ไม้โอ๊ค (Oak)
  • ไม้ฮอลลี่ (Holly)
  • ไม้เฮเซล (Hazel)
  • ไม้เบิร์ช (Birch)
  • ไม้โรแวน (Rowan)
  • ไม้แอช (Ash)
  • ไม้อัลเดอร์ (Alder)
  • ไม้วิลโลว์ (Willow)
  • ไม้ไวน์ (Vine)
  • ไม้ไอวี่ (Ivy)
  • ไม้รีด (Reed)
  • ไม้เอลเดอร์ (Elder)

พอได้ไม้กายสิทธิ์มาแล้ว เราก็บึ่งไปเล่นทั้ง 6 จุดเลยจ้า จุดเครื่องเล่นนี้เค้าเรียกว่า Wand Magic ฝนตกก็ช่าง กางร่มเล่นก็ได้ และจุดสุดท้ายที่ยังไม่ได้อัดวีดีโอก็คือจุดตรงหลังร้านฮันนี่ดุกส์เนี่ยแหละ เป็นจุดอับที่ไม่ค่อยมีคนไป สุดท้ายเราเลยต้องเป็นพรีเซนเตอร์สาธิตการเล่นเองเลยจ้า แล้วขอให้เจ้าหน้าที่แถวนั้นช่วยถ่ายวีดีโอคลิปให้ 555 วิธีการเล่นก็คือเราต้องร่ายคาถา โดยที่ให้ไม้กายสิทธิ์เราส่งเซนเซอร์ไปโดนเครื่องรับเซนเซอร์ให้ได้ ซึ่งแอบยากนิดหน่อยในบางจุดเพราะต้องเล็งจังหวะให้ดีๆ สำหรับจุดนี้

  • จุดด้านหลังร้านฮันนี่ดุกส์ (ร่ายคาถา Meteolojinx ให้มีโฟมและเกล็ดหิมะปลิวออกมาจากประตู)

พอเล่นจุดไม้กายสิทธิ์ Interactive 6 จุดครบหมด ก็เดินไปแถวลานการแสดง ไปถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นให้ชัดเจนเลยว่าจะมีการแสดงไหม ด้วยว่าช่วงบ่ายฝนตกลงเม็ดใหญ่ตลอด สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือ ‘Sorry, We don’t have anymore performance.’ จบกัน ว่าแล้วเชียว วันนี้เลยอดดูการแสดงทั้ง 3 เลย คือ 2 การแสดงแรก Frog Choir (การแสดงร้องเพลงประสานเสียงของพวกเด็กนักเรียนฮอกวอตส์) กับ Triwizard Spirit Rally (การแสดงโชว์ของพวกเดิร์มสแตรงก์และพวกโบซ์บาตง) เราได้ดูเมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว แต่อันใหม่ล่าสุด การแสดง Wand Studies นี่อดค่า T^T เมื่ออดชัดเจน แถมเวลาก็เกือบ 6 โมงแล้ว เราก็ใช้เวลาที่เหลือช้อปปิ้งเลยจ้า ทั้งไปซื้อพวกบัตเตอร์เบียร์เพื่อเอาแก้วตามจำนวนที่เพื่อนฝากซื้อเอย ไปซื้อของเล่นเอย ขนม (ประมาณ 70% ของที่วางขาย) เอย ซื้อของที่มีคนฝากซื้อเอย เลยได้ของตามนี้

  • ปากกาไม้กวาดไฟร์โบลต์ 2,400 เยน
  • แผนที่ตัวกวน 3,400 เยน
  • โปสการ์ด 700 เยน (มีให้เลือก 4 ลาย)
  • ฟิกเกอร์รถฟอร์ดแองเกลียกับแมงมุม 1,800 เยน (รถจับเล่นวิ่งได้)
  • ขวดน้ำยาปลูกกระดูก 2,300 เยน (ดึงเชือกใต้ขวดแล้วปากโครงกระดูกจะขยับ)
  • กระปุกลูกอมบัตเตอร์เบียร์ 1,200 เยน (รสชาติหวาน ซ่า ฝาดนิดๆ มีกลิ่นและรสเนยเด่น มี 16 เม็ดต่อแพ็ค)
  • ลูกอมแบบวิตามินซีกล่องป้ายชาชาลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 700 เยน (เม็ดสีขาว เป็นรสผลไม้)
  • หมากฝรั่งดรูเบิลส์ 600 เยน (หมากฝรั่งรสองุ่น)
  • เยลลี่ทาก 1,000 เยน (ในกล่องจะมีเยลลี่รสกล้วย รสส้ม รสเชอร์รี่)
  • คุกกี้กระเป๋าแดง 2,000 เยน (คุกกี้ช็อกโกแลตชิป มี 16 ซองต่อกล่อง)
  • คุกกี้กล่องสี่เหลี่ยมแบน 2,200 เยน (มีคุกกี้ 8 ชนิด คือ 1.พีนัทช็อกโกเค้ก 2.แยมสตรอเบอรี่เค้ก 3.ไวท์ช็อกโกแลตอัลมอนด์เค้ก 4.บัตเตอร์เค้ก 5.โคโค่นัทช็อกโกเค้ก 6.คุกกี้เค้กสอดไส้ชาดำ 7.คุกกี้เค้กสอดไส้ช็อกโกแลต 8.โกโก้เค้ก)
  • คุกกี้กล่องเหล็กตราสัญลักษณ์บ้าน 4 ทิศ 1,400 เยน (คุกกี้สกรีนลายตราบ้าน มี 4 แบบ 1.บ้านกริฟฟินดอร์ รสเมเปิ้ล 2.บ้านเรเวนคลอ รสวนิลา 3.บ้านฮัฟเฟิลพัฟ รสนมธรรมดา 4.บ้านสลิธีริน รสชา)
  • ครันชี่กล่องลิ้นชักตราสัญลักษณ์บ้าน 2,000 เยน (ครันชี่ 4 รส มี4 แบบ 1.บ้านกริฟฟินดอร์ รสสตรอว์เบอรี่ 2.บ้านเรเวนคลอ รสชานม 3.บ้านฮัฟเฟิลพัฟ รสคาราเมล 4.บ้านสลิธีริน รสมิ้ลค์ช็อกโกแลต)
  • ครันชี่กล่องรถไฟ 1,300 เยน (ครันชี่รสช็อกโกแลต)
  • ช็อกโกแลตกล่องตราสัญลักษณ์บ้านสี่เหลี่ยมแบน 1,800 เยน (มีช็อกโกแลต 2 แบบ คือรสช็อกโกแลตปกติ กับรสมิ้ลค์ช็อกโกแลต)
  • กบช็อกโกแลต 1,200 เยน (ช็อกโกแลตขนาดไซส์ใหญ่เท่ากำปั้นมือผู้ใหญ่)
  • ช็อกโกแลต Fudge Flies 700 เยน (ช็อกโกแลตรูปแมลงวัน)
  • ช็อกโกแลต Peppermint Toads 700 เยน (ดาร์กช็อกโกแลตรสมิ้นท์รูปคางคก)
  • ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่ Shock-O-Choc 900 เยน (ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่รสเผ็ด)
  • ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่ Exploding Bonbons 900 เยน (ไวท์ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่รสผลไม้ มีเอฟเฟคท์กินแล้วเกิดเสียงเป๊าะแป๊ะในปาก)
  • ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่ Fizzing Whizzbees 900 เยน (ช็อกโกแลตเคลือบครันชี่รูปผึ้ง มีเอฟเฟคท์กินแล้วเกิดเสียงเป๊าะแป๊ะในปาก)

แล้วจากนั้นก็รีบไปซื้อโปสการ์ดเขียนส่งกลับไทยเป็นที่ระลึกอีก อิอิ พอเขียนเสร็จก็เหลือเวลาอีกประมาณ 15 นาทีจะ 1 ทุ่ม (วันที่ไป ตารางในเว็บ USJ บอกว่าสวนสนุกจะปิด 1 ทุ่ม แต่เอาจริงๆนะเวลาตามความเป็นจริงไม่ใช่หรอก 555) เราก็เลยว่ารีบไปร้านด้านหน้าแถวทางออกเลยดีกว่า เดี๋ยวต้องไปขอคืนภาษีอีก…สุดท้ายของทั้งหมดที่ซื้อตีเป็นค่าเงินไทยประมาณ 1 หมื่นกลางๆ ก็ขอคืนภาษีกลับมาได้ประมาณ 900 บาท (เอาว่ะ ก็ยังดีได้เงินกลับมาบ้าง 555) และก่อนที่เราจะกลับโรงแรมจริงๆ เราก็เหลือภารกิจไปร้าน Jump Shop ปิดท้ายค่า ไปส่องดูของจากเรื่อง One Piece ต่อ แฮะๆ

 ***************************************************************************

และส่วนนี้ขอปิดท้ายด้วยราคาของสินค้าบางอย่างที่เราไม่ได้ซื้อแต่ไปดูมาให้ จะได้เป็นแนวทางสำหรับนักช้อปเนอะ ^^ (ราคาในแต่ละปีอาจมีเปลี่ยนแปลงนะ)

  • มาการอง 1,600 เยน
  • ไม้กายสิทธิ์แบบมีไฟ 5,000 เยน (มีให้เลือกแค่ไม้ฯแฮร์รี่กับไม้ฯเฮอร์ไมโอนี่)
  • เข็มกลัดพรีเฟ็ค 900 เยน
  • หูยาวยืด 2,400 เยน
  • แว่นลูน่า (เป็นกระดาษ) 1,000 เยน
  • ลูกควัฟเฟิล 2,200 เยน
  • ลูกบลัดเจอร์พร้อมไม้ตี 2,500 เยน
  • ลูกสนิช 1,700 เยน
  • เสื้อยืดสีขาวลายบัตเตอร์เบียร์ 5,900 เยน

***************************************************************************

แหล่งอ้างอิง

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 20 [1/3]

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 20 [2/3]

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 20 [3/3]

– เว็บไซต์ Universal Studio Japan (อ้างอิง)

– น้องกอล์ฟ (Yodkao Chm)