จากประเด็นที่ละครเวที แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเด็กต้องคำสาป ที่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ใช้นักแสดงผิวสี สร้างให้เกิดประเด็นถกเถียงกันดุเดือดมาก ทำให้เรา ๆ เห็นได้ว่าใครเคารพในการตัดสินใจของเจเคบ้าง เคารพความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมโลก (ที่ถึงแม้จะไม่ใช่สีผิวเดียวกับเรา) บ้าง หรือใครที่ยึดติดกับภาพที่ตนเห็นมาตลอด 10 กว่าปีมากไปบ้าง และแม้กระทั่งใครที่เป็นพวกเหยียดสีผิวเหยียดชนชาติบ้าง
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ Noma Dumezweni มารับบทเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ผิวสี ต่างก็ให้เหตุผลต่าง ๆ นานา ทั้งที่เป็นแบบเสียดสีเหยียดสีผิวจนเป็นเรื่องขำขัน และแบบให้เหตุผลว่าจริง ๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ต้องเป็นคนผิวขาวสิ แต่ก็ช่างน่าแปลกที่ผู้คนในฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกลับไม่ค่อยพูดถึงความสามารถของผู้ที่จะแสดงบทเฮอร์ไมโอนี่ในละครเวทีเท่าใดนัก หรือแม้แต่มองให้ลึกว่าสื่อที่ต่างชนิดกัน อย่างภาพยนตร์และละครเวทีนั้นมีรูปแบบการถ่ายทอดที่ต่างกัน ถ้าพูดกันตามหลักความเป็นจริง หากนักแสดงภาพยนตร์เล่นผิดพลาดก็ยังสามารถเล่นแก้ตัวใหม่ในเทคต่อไปจนผ่านได้ แต่ถ้าเป็นนักแสดงละครเวทีแล้ว ด้วยความสดของตัวละครเวที นักแสดงจะต้องจำบท จำตำแหน่งยืน และรักษาอินเนอร์ ความรู้สึกในการแสดงให้ได้ตลอดจนจบการแสดง หากมีข้อผิดพลาดนั่นอาจหมายถึงหายนะในภาพรวมหลายส่วน (โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเรื่องอินเนอร์และความสามารถในการแสดงคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราควรเคารพในการตัดสินคัดเลือกของคนคัดนักแสดงนะคะ และเชื่อว่านักแสดงละครเวทีทุกคนต้องมีความสามารถมากพอจริงๆ)
เจ.เค.โรว์ลิ่งได้ออกมาพูดไว้ว่า เธอไม่เคยระบุชัดเจนในหนังสือว่าจริง ๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ผิวสีอะไร (ซึ่งหลัก ๆ แล้วในหนังสือจะบอกว่าเฮอร์ไมโอนี่มีผมสีน้ำตาลดกหนา ฟันหน้าค่อนข้างใหญ่ ซึ่งภายหลังใช้คาถาทำให้ดูดีขึ้น) แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยบางส่วนก็ยกข้อความหนึ่งจากหนังสือมาสนับสนุนความคิดเห็นก็คือ
ทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นนั่นเอง นั่งกันอยู่นอกร้านไอศกรีมของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิว รอนมีกระเต็มหน้าอย่างเหลือเชื่อ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็มีผิวคล้ำจัด ทั้งคู่กำลังโบกไม้โบกมือให้เขากันใหญ่
They were there, both of them, sitting outside Florean Fortescue’s Ice Cream Parlor — Ron looking incredibly freckly, Hermione very brown, both waving frantically at him.
(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน, บทที่ 4: ร้านหม้อใหญ่รั่ว)
ทีนี้เราลองมาพิจารณากันจากหลักฐานนี้ ฝ่ายไม่เห็นด้วยให้เหตุผลว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนผิวขาว เพราะจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ผู้อ่านรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไปพักร้อนกับครอบครัวที่ฝรั่งเศส (ในขณะที่รอนไปอียิปต์กับครอบครัว) ถ้าว่ากันตามลักษณะภูมิศาสตร์แล้ว ฝรั่งเศสอยู่ล่างอังกฤษและอากาศก็อบอุ่นกว่า ในกรณีนี้ตีความกันได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่คงได้ไปอาบแดด โดนแดดเยอะ ผิวเลยดูเป็นสีแทนขึ้นจากเดิม ซึ่งถ้ามองประเด็นนี้ว่าเป็นไปได้ไหม แน่นอนคำตอบคือ…ใช่ เป็นไปได้ แต่ว่าในมุมกลับกันถ้าเราตั้งสมมติฐานว่า เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนผิวสีล่ะ อาจไม่ถึงขั้นดำ ก็แค่น้ำตาล (จินตนาการภาพสีผิวแบบบียอนเซ่ดูนะ) แล้วไปโดนแดดจนสีผิวคล้ำขึ้นก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหลักฐานในส่วนนี้จึงยังมีความกำกวมอยู่ ขึ้นอยู่กับมุมมองคนอ่านว่าอยากจะตีความไปทางไหน (ซึ่งเจเคก็คงจะต้องการเช่นนั้น)
ในประเด็นเรื่องสีผิวนั้น พอตเตอร์เฮดที่ได้อ่านหนังสือกันหมดจะรู้ดีว่า เจเคมักไม่ค่อยระบุสีผิวของตัวละครของเธอเด่นชัดนัก (เพราะจริง ๆ แล้วประเด็นเรื่องสีผิวก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ) ตลอดหนังสือทั้งชุด 7 เล่ม เธอได้พูดถึงสีผิวของตัวละครที่เป็นมนุษย์ไปแค่ประมาณ 10 กว่าคน เช่น แฮนนาห์ อับบอต ผู้มีใบหน้าสีชมพู [a pink-faced girl] (เล่ม1, บท7) วิกเตอร์ ครัม ผู้มีผิวอมเหลือง [sallow-skinned] (เล่ม4, บท8) ซึ่งก็พอช่วยให้เดาโทนสีผิวที่แท้จริงได้บ้าง ส่วนพวกตัวละครที่มีผิวสีโทนน้ำตาล-ดำ (คนผิวสี) ก็มีเช่นกัน ซึ่งผู้เขียนจะขอลงในรายละเอียดต่อไปด้านล่างโดยแยกเป็นหมวดหมู่แหล่งอ้างอิงค่ะ และผู้เขียนจะขอเจาะจงไปที่ตัวละครคนผิวสีเข้มระดับ brown จนถึง black หรือ dark ค่ะ ส่วนกรณีผิวสีออกไปทางคนเอเชียอย่างปาราวตี และปัทมา (ซึ่งจริง ๆ ในหนังสือไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องสีผิว) ผู้เขียนขอละไว้ค่ะ
คนผิวสีในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ดีน โทมัส (Dean Thomas)
ดีนเป็นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ เพื่อนร่วมรุ่นของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ว่า
ตอนนี้มีนักเรียนเหลือให้คัดสรรอยู่แค่สี่คนเท่านั้น “โทมัส, ดีน” เด็กชายผิวดำที่สูงกว่ารอนเล็กน้อยมาอยู่กับแฮร์รี่ที่บ้านกริฟฟินดอร์ “เทอร์พิน, ลิซ่า” ไปอยู่บ้านเรเวนคลอ แล้วก็ถึงรอน ตอนนี้เขาหน้าซีดจนดูเขียวแล้ว แฮร์รี่งอนิ้วไขว้กันอยู่ใต้โต๊ะภาวนาขอให้รอนโชคดี แล้ววินาทีต่อมา หมวกก็ตะโกนว่า “กริฟฟินดอร์”
– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์, บทที่ 7: หมวกคัดสรร)
ดีนนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในด้านศิลปะ จะเห็นได้จากการที่ดีนเป็นคนวาดรูปสิงโตสัญลักษณ์บ้านกริฟฟินดอร์ในป้ายผ้าเชียร์แฮร์รี่ในการแข่งควิดดิชนัดแรก (เล่ม1) ดีนยังได้เล่นควิดดิช โดยเคยเล่นเป็นเชสเซอร์ให้ทีมบ้านกริฟฟินดอร์ช่วงหนึ่งแทนแคตี้ เบลล์ (เล่ม6) นอกจากนี้ดีนยังเป็น 1 ในสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ (เล่ม5) และร่วมรบในสงครามที่ฮอกวอตส์ (เล่ม7) ด้วย ในช่วงเล่ม7 ที่มีการตรวจสอบพ่อมดแม่มดเลือดสีโคลน ดีนก็มีความสามารถพอทีจะหลบหนีไปได้ช่วงหนึ่ง ทั้งนี้จริงๆ แล้วสถานะทางเลือดของดีนไม่ใช่เลือดสีโคลนแต่อย่างใด เพราะพ่อของดีน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพ่อมดได้ทิ้งภรรยาและลูกไปด้วยเหตุจำเป็น และถูกผู้เสพความตายฆ่าภายหลัง ทำให้ดีนไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตัวตนได้ชัดเจนพอว่าเป็นพวกเลือดผสม
สำหรับบทบาทในภาพยนตร์ ดีน โทมัส รับบทโดย Alfred Enoch
เบลส ซาบินี (Blaise Zabini)
เบลสเป็นนักเรียนบ้านสลิธีริน เพื่อนร่วมรุ่นของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ แต่ว่ามีการระบุถึงรูปร่างหน้าตาชัดเจนในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม โดยกล่าวว่า
เนวิลล์พยักหน้า ท่าทางกลัวสุดขีด เมื่อซลักฮอร์นทำไม้ทำมือบอก พวกเขาก็นั่งลงบนที่ว่างสองที่ตรงข้ามกันซึ่งใกล้ประตูที่สุด แฮร์รี่ชำเลืองไปรอบ ๆ ดูแขกคนอื่น ๆ เขาจำเด็กสลิธีรินที่อยู่ปีเดียวกันได้คนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่มร่างสูง ผิวดำ ที่มีโหนกแก้มสูงและตายาวเฉียง ๆ และยังมีเด็กปีเจ็ดอีกสองคนที่แฮร์รี่ไม่รู้จัก และที่ถูกเบียดติดมุมห้องข้าง ๆ ซลักฮอร์น และมีสีหน้าเหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามาอยู่ที่นี่ทำไม คือจินนี่
– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม, บทที่ 7: สโมสรซลัก
เบลสนั้นได้อยู่ในสโมสรซลัก เนื่องจากว่าเขามีแม่ที่เป็นแม่มดที่มีเสน่ห์และมีชื่อเสียงมาก แต่งงานมาแล้ว 7 ครั้ง สามีทุกคนตายปริศนาแล้วทิ้งทองก้อนโตไว้ให้ ส่วนความสามารถที่เด่นชัดของเบลสนั้นในหนังสือไม่มีพูดถึง ต่างจากในภาพยนตร์ที่ให้เบลสได้เล่นควิดดิชเป็นเชสเซอร์ด้วย (ซึ่งในหนังสือไม่ใช่)
สำหรับบทบาทในภาพยนตร์ เบลส ซาบินี รับบทโดย Louis Cordice
แอนเจลิน่า จอห์นสัน (Angelina Johnson)
แอนเจลิน่าเป็นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ เป็นรุ่นพี่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยเรียนปีเดียวกับเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์ ถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ แต่ว่ามีการระบุถึงรูปร่างลักษณะชัดเจนเป็นครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี โดยกล่าวว่า
เสียงคนร้องเชียร์อยู่ในโถงทางเข้า ทุกคนหมุนตัวไปและเห็นแอนเจลิน่า จอห์นสันเดินเข้ามาในห้องโถง เธอยิ้มกว้างอย่างเขินๆ แอนเจลิน่าเป็นนักเรียนหญิงผิวดำร่างสูงที่เล่นตำแหน่งเชสเซอร์ในทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ เธอตรงมาหาพวกเขา นั่งลงและพูดว่า “ฉันทำไปแล้วล่ะ! เพิ่งใส่ชื่อลงไป!”
– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี,บทที่ 16: ถ้วยอัคนี
แอนเจลิน่านั้นมีความสามารถโดดเด่นในด้านการเล่นควิดดิช โดยเป็นเชสเซอร์บ้านกริฟฟินดอร์ และในภายหลัง (เล่ม5) ก็ได้เป็นหัวหน้าทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์อีกด้วย นอกจากนี้เธอยังเป็น 1 ในสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ (เล่ม5) และร่วมรบในสงครามที่ฮอกวอตส์ (เล่ม7) ด้วย ในช่วงเล่ม4 ที่มีการประลองเวทไตรภาคี เธอก็สมัครเป็นตัวแทนฮอกวอตส์ แต่ไม่ได้รับเลือก ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของเธอ เธอแต่งงานกับจอร์จ วีสลีย์ และมีลูกด้วยกัน 2 คนเป็นชายและหญิง ชื่อ เฟร็ด วีสลีย์ และโลซาน วีสลีย์
สำหรับบทบาทในภาพยนตร์ แอนเจลิน่า จอห์นสัน รับบทโดย Danielle Tabor (ภาค1-3) และ Tiana Benjamin (ภาค4)
คิงสลีย์ ชักเคิลโบลต์ (Kingsley Shacklebolt)
คิงสลีย์เป็นมือปราบมาร ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ ได้รับการเอ่ยถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ว่า
“ใช่แล้ว ฉันเข้าใจแล้วว่านายหมายความว่าไง รีมัส” พ่อมดผิวดำหัวล้านที่ยืนอยู่ไกลสุดทางด้างหลังเสริม — เสียงของเขาช้าต่ำ และเขาสวมต่างหูทองเป็นวงกลม “เขาเหมือนเจมส์เปี๊ยบเลย”
– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์, บทที่ 3: กองระวังหน้า
คิงสลีย์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ตัวต่อตัว ซึ่งสังเกตได้จากการมีอาชีพเป็นมือปราบมาร และเป็นสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ เขาร่วมรบในสงครามที่ฮอกวอตส์ด้วย และหลังจากจบสงครามเขาก็ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์
สำหรับบทบาทในภาพยนตร์ คิงสลีย์ ชักเคิลโบลต์ รับบทโดย George Harris
คนผิวสีในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ลาเวนเดอร์ บราวน์ (Lavender Brown)
ในหนังสือตัวละครลาเวนเดอร์ บราวน์ ซึ่งเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ เพื่อนร่วมรุ่นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ได้ถูกระบุว่าสีผิวใด แต่ในภาพยนตร์มีการเปลี่ยนนักแสดงผู้รับบทตัวละครนี้หลายครั้ง ได้แก่ Kathleen Cauley (ภาค2) Jennifer Smith (ภาค3) Jessie Cave (ภาค6-7.2) ทั้งนี้เพราะในช่วงแรกตัวละครนี้ไม่ได้มีความสำคัญนัก จึงไม่ได้คัดตัวนักแสดงเป็นพิเศษ แต่พอมาในภาคหลัง ๆ ตัวละครเริ่มมีบทบาทมากขึ้น จึงมีการคัดเลือกนักแสดงขึ้น ทว่าด้วยสีผิวที่เปลี่ยนไปจึงทำให้เกิดกระแสวิจารณ์เรื่องสีผิวขึ้นในช่วงนั้นด้วย เพราะนักแสดง 2 คนก่อนหน้าเป็นคนผิวสี แต่เจสซี่เป็นคนผิวขาวนั่นเอง
ลาเวนเดอร์นั้นจากในหนังสือจะเห็นว่าไม่ได้มีความสามารถอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ นอกเสียจากว่าเราจะยึดเรื่องที่เธอชื่นชมบูชาศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เหลือเกิน หรือคลั่งรักกับรอนสุดขีด
ลี จอร์ดัน (Lee Jordan)
ในหนังสือตัวละครลี จอร์ดัน ไม่ได้ถูกระบุว่าสีผิวใด ระบุเพียงหลักๆ แค่ว่า ‘เด็กผู้ชายผมหยิกขอดทั่วหัว’ (เล่ม1) แต่ในภาพยนตร์ บทนี้แสดงโดยนักแสดงผิวสี ชื่อ Luke Youngblood ตัวละครลี จอร์ดันนั้นเป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ เป็นเพื่อนสนิทของฝาแฝดเฟร็ด-จอร์จ วีสลีย์ มีความสามารถโดดเด่นในแง่การพูด เห็นได้จากการเป็นผู้รายงานภาคสนามกีฬาควิดดิชในแมทช์การแข่งขันต่างๆ ที่ฮอกวอตส์ และยังเป็นพิธีกรรายการวิทยุ ‘จับตาพอตเตอร์’ (เล่ม7) อีกด้วย นอกจากนี้ลียังเป็นหนึ่งในสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ และร่วมรบในสงครามฮอกวอตส์อีกด้วย
อลิเซีย สพินเน็ต (Alicia Spinnet)
ในหนังสือตัวละครอลิเซีย สพินเน็ต ซึ่งเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ เพื่อนร่วมรุ่นเฟร็ด-จอร์จ วีสลีย์ และแอนเจลิน่า จอห์นสัน ไม่ได้ถูกระบุว่าสีผิวใด แต่ในภาพยนตร์มีการเปลี่ยนนักแสดงผู้รับบทตัวละครนี้หลายครั้ง และมีทั้งแบบระบุผู้แสดงได้และไม่ได้ โดยนักแสดงที่ระบุได้คือ Leilah Sutherland (ภาค1) Rochelle Douglas (ภาค2)
อลิเซียนั้นมีความสามารถโดดเด่นในด้านการเล่นควิดดิช โดยเป็นเชสเซอร์บ้านกริฟฟินดอร์ นอกจากนี้เธอยังเป็น 1 ในสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ (เล่ม5) และร่วมรบในสงครามที่ฮอกวอตส์ (เล่ม7) ด้วย
เบ็ม (Bem)
เบ็มเป็นพ่อมดชาวไนจีเรีย (อ้างอิง) ที่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์เช่นเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เราเจอเขาครั้งเดียวในภาคนักโทษแห่งอัซคาบัน ในคาบเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ที่อ่านหนังสือเพื่ออธิบายว่ากริมคืออะไร ตัวละครนี้ไม่มีปรากฏในหนังสือ ปรากฏในภาพยนตร์เท่านั้น รับบทโดยนักแสดงผิวสีชื่อ Ekow Quartey
ยังมีตัวละครผิวสีอีกหลายคนในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ไม่ได้ระบุชื่อจึงขอตัดออกไปในบทความนี้
คนผิวสีจาก Pottermore
รอล์ฟ สคามันเดอร์ (Rolf Scamander)
รอล์ฟเป็นตัวละครที่ไม่เคยถูกพูดถึงในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่มาปรากฏตัวในผังตระกูลตัวละครรุ่นแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เจเคได้วาดไว้ รวมถึงในฐานข้อมูลในเว็บ Pottermore (ส่วนของเดลี่พรอเฟ็ต – ซึ่งพอตเตอร์มอร์รุ่นปัจจุบันยังไม่ได้เอาข้อมูลลงกลับคืน) ในฐานะหลานชายของนิวท์ สคามันเดอร์ นักสัตว์วิเศษวิทยาชื่อดัง และยังเป็นสามีของลูน่า เลิฟกู๊ด เป็นพ่อของลูกแฝดชาย 2 คนชื่อ ลอร์แคน และไลแซนเดอร์ด้วย รอล์ฟมีอาชีพเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยา และได้เดินทางมาช่วยคุมสัตว์วิเศษที่งานควิดดิชเวิลด์คัพ ปี 2014 ที่ทะเลทรายปาตาโกเนีย ในตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาด้านสัตว์วิเศษวิทยา ในเรื่องสีผิวของรอล์ฟนั้น มีการระบุว่าเป็นคนผิวสีดำ จากคำที่ริต้า สกีตเตอร์เลือกใช้เขียนข่าว โดยใช้คำว่า swarthy เป็นตัวบ่งบอก
และหัวโจกรายสุดท้ายของกองทัพดัมเบิลดอร์ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลูน่า เลิฟกู๊ด (ล่าสุดแต่งงานกับรอล์ฟ สคามันเดอร์ หลานชายตัวดำของนิวท์ นักสัตว์วิเศษวิทยาเจ้าเก่า) ก็ยังเพี้ยนหลุดโลกอย่างเริงร่าอยู่เหมือนเดิม เธอกรีดกรายไปรอบที่พักวีไอพีในชุดเสื้อคลุมที่ทำจากธงของทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบมาทั้งสิบหกทีม ลูกชายฝาแฝดของเธอนั้น ‘นอนอยู่บ้านกะคุณตา’ ซึ่งไม่รู้ว่านี่เป็นคำตอบอย่างสุภาพของคำว่า ‘เหม็นขี้หน้าพวกสาธารณชน’ หรือเปล่า แต่คงมีแค่พวกใจแข็งกระด้างเท่านั้นกระมังที่จะตีความไปแบบนั้น
– พอตเตอร์มอร์, เดลี่พรอเฟ็ต: 8 กรกฎาคม 2014 – กองทัพดัมเบิลดอร์รวมพลอีกครั้ง ณ ควิดดิชเวิลด์คัพ รอบชิงชนะเลิศ
>>เนื้อเรื่องเต็ม ๆ จากบทบรรยายด้านบน อ่านได้ที่นี่<<
คนผิวสีจากแหล่งอ้างอิงอื่น ๆ
เซเลสทีน่า วอร์เบ็ก (Celestina Warbeck)
เซเลสทีน่าเป็นนักร้องแม่มดเลือดผสมชื่อดัง เพลงดังของเธอจะเป็นเพลงแนวแจ๊ซ เช่น ‘หม้อใหญ่เปี่ยมด้วยรักร้อนแรง’ และ ‘เสน่หาพาใจฉันหนี’ เธอถูกเอ่ยถึงในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ครั้งแรกในเล่ม 2 บทที่ 3 ในฐานะแม่มดนักร้องที่มาในชั่วโมงแม่มดสนทนาในรายการวิทยุ ข้อมูลเรื่องสีผิวของเซเลสทีน่าไม่มีระบุไว้ในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือในเว็บ Pottermore แต่ว่าภาพการ์ตูนในการ์ดพ่อมดแม่มดปรากฏว่าเธอเป็นผู้หญิงผิวสี รวมถึงนักร้องที่สวมบทบาทเป็นเธอร้องเพลงโชว์ที่ The Wizarding World of Harry Potter’s Diagon Alley ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เป็นคนผิวสีด้วยเช่นกัน
>>ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซเลสทีน่า วอร์เบ็ก อ่านได้ที่นี่<<