จินนี่ พอตเตอร์ นักข่าวควิดดิชประจำเดลี่พรอเฟ็ต รายงานจากทะเลทรายปาตาโกเนีย
บัลแกเรีย 610 – ญี่ปุ่น 460
หนึ่งนาทีก่อนเดินออกสู่สนามของการแข่งรอบรองชนะเลิศนัดที่สองของปีนี้ บีตเตอร์บัลแกเรีย บอริส วัลชานอฟ (Boris Vulchanov) บอกกับดิฉันว่า ‘พวกเราถูกมองเป็นไก่รองบ่อนมาตลอดการแข่งขันนี้ พวกเราไม่มีอะไรจะต้องเสีย แต่ก็มีทุกอย่างพอที่จะชนะ พวกเราจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปข้างนอกนั่น’
ไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้ว่าพวกเขาเป็นเช่นนั้น ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ญี่ปุ่น ทีมซึ่งเล่นได้ยอดเยี่ยมตลอดการแข่งขันนี้และส่งให้สองบีตเตอร์มือฉมัง ชินโกะ (Shingo) และฮงโกะ (Hongo) ดังพลุแตกในโลกเวทมนตร์ มันก็ต้องเป็นเรื่องที่พวกเขาผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศซึ่งจะเป็นที่จดจำไปอีกนาน รวมถึงการทำคะแนนที่จัดได้ว่าเป็น 1 ในการทำคะแนนสูงสุด ๆ ในช่วงหลายปีนี้ และการเล่นควิดดิชที่เร้าใจอย่างที่สุด
เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ ชินโกะและฮงโกะครองเกมในช่วงแรก ๆ การเล่นต้องหยุดไป 2 รอบเพื่อให้คณะผู้บำบัดเข้ามาช่วยดูแลทีมบัลแกเรียซึ่งมีผู้เล่น 6 คนด้วยกันที่เลือดไหลอาบหัวลงมาภายใน 1 ชั่วโมงนับจากลูกควัฟเฟิลถูกปล่อย
จากนั้นเราก็ได้เห็นการแสดงถึงน้ำใจนักกีฬาของผู้เล่นสามราย ซึ่งจะไม่มีใครที่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วลืมได้แน่ ในขณะที่ลูกบลัดเจอร์ยังคงบินว่อนอย่างกับลูกกระสุน วัลชานอฟ (Vulchanov) เอาตัวเขาเข้าขวางโดยคิดอย่างรอบคอบแล้วเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีมและซีกเกอร์ ครัม (Krum) ซึ่งไล่ล่าสนิชอย่างดุเดือด วัลชานอฟสลบและตกจากไม้กวาดของเขา ทว่าซีกเกอร์ญี่ปุ่น โนริโกะ ซาโตะ (Noriko Sato) รับและช่วยชีวิตไว้ได้ เมื่อเห็นว่าซาโตะไม่อยู่ในสภาพที่จะไล่ตามจับสนิชได้ ครัมจึงเชิดไม้กวาดของเขาขึ้น และเลือกที่จะไม่ฉวยเอาผลประโยชน์ชั่วขณะดังกล่าว ครัม ซาโตะ และวัลชานอฟ (เมื่อฟื้นคืนสติอีกครั้ง) ได้รับการยืนปรบมือสรรเสริญจากผู้ชมทั้งหมดเมื่อเกมเริ่มแข่งอีกครั้ง
ในขณะที่แนวป้องกันของญี่ปุ่นเป็นที่ชื่นชมกันไปทั่วจากทุกมุมโลกควิดดิช การเล่นของพวกเชสเซอร์ ริวอิจิ ยามากุจิ (Ryuichi Yamaguchi) คิมิโกะ คุโรซาว่า (Kimiko Kurosawa) และโยชิ วากาฮิสะ (Yoshi Wakahisa) ก็ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน เพราะในชั่วโมงที่ 8 ของเกม ทีมญี่ปุ่นทำคะแนนนำไปถึง 250 แต้ม ทั้ง ๆ ที่คะแนนตามหลังหนักมาก ทีมบัลแกเรียก็ยังรับเอาทุกอย่างที่ชินโกะและฮงโกะส่งมาให้ การเล่นของทีมบัลแกเรียดูไม่ได้เรื่องนัก แต่ความกล้าบ้าบิ่นของพวกเขานั้นเยอะอย่างไม่ต้องสงสัย ลูกสนิชปรากฏออกมาเป็นรอบที่สอง ครัมบินไล่แข่งกับซาโตะโดยคอยบินกันท่าเธอและปฏิเสธที่จะจับลูกสนิช ถือได้ว่าเป็นการกระทำวัดใจต่อทีมของเขา และเป็นข้อเปรียบเทียบแตกต่างอันเฉียบคม เมื่อเทียบกับการจับสนิชครั้งร้ายกาจครั้งการแข่งรอบนัดชิงชนะเลิศปี 94 ซึ่งเขาจับสนิชเพื่อจบเกมล้างอายให้กับทีมของเขาและหักหน้าทีมไอริช
นี่เป็นจุดเปลี่ยนของจริงในการแข่งขัน ทีมบัลแกเรียเริ่มแรงแผ่วช้าลง จนท้ายที่สุดทำคะแนนตีเสมอได้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมและการเล่นแนวป้องกันที่พัฒนาขึ้น จากนั้นในชั่วโมงที่ 10 การพลิกผันที่ไม่ธรรมดาก็เกิดขึ้น ครัมบินหลอกล่ออย่างจงใจให้ซาโตะหลงเชื่อว่าเขากำลังหลีกหนีแนวสายตาของฮงโกะได้อย่างยอดเยี่ยม และก่อนที่ฝูงชนหรือผู้เล่นร่วมทีมคนอื่น ๆ ของเขาจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ครัมก็จับสนิชมาได้แล้ว สร้างความประหลาดใจแก่ฝูงชนไปทั่วจนเงียบกันไปกว่า 10 วินาทีทั่วสนามแข่ง ก่อนที่เหล่ากองเชียร์ทีมบัลแกเรียจะกล้าพอส่งเสียงเชียร์ออกมา งานเฉลิมฉลองของพวกเขาดำเนินต่อไปขณะที่ดิฉันเขียนข่าวอยู่นี้ และก็คงมีแค่คนที่ใจร้ายสุด ๆ เท่านั้นที่จะไม่เห็นอกเห็นใจทีมญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนี้จะต้องไปพบกับทีมสหรัฐอเมริกาในรอบชิงอันดับสาม